100,000 ดาวน์โหลดแล้ว! “Liberator” แอปฯลงทุนทันสมัย ยึดใจนักลงทุนทั่วหน้า ปั้นแบรนด์ให้กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

  • 361
  •  
  •  
  •  
  •  

 

แบรนด์ที่อยากประสบผลความสำเร็จในยุคนี้ ต้องเข้าใจถึงเทรนด์อย่าง ‘Attention Economy’ หรือแข่งขันในการดึง ‘ความสนใจของผู้บริโภค’ เพราะสภาพแวดล้อมในปัจจุบันเต็มไปด้วยเสียงรบกวนมากมาย ดังนั้นนอกจากควรสื่อสาร Brand message ให้ชัดแล้ว ยังต้องดึงความสนใจของผู้บริโภคให้อยู่กับแบรนด์มากที่สุดเท่าที่ทำได้

ในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจผันผวน มีผู้คนหลากหลายพยายามหารายได้เสริม เช่นนั้น ในโลกแห่งการลงทุนที่หลายคนต่างหันมาให้ความสนใจ ก็เต็มไปด้วยเสียงรบกวนมากมายแข่งขันกันดึงความสนใจของผู้บริโภค จนทำให้นักลงทุนมือใหม่หลายคนสับสนได้ง่าย แต่มีอยู่แบรนด์หนึ่งที่เป็นแอปพลิเคชันการลงทุน ชื่อว่า Liberator” (บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด) ได้ดีไซน์แบรนด์และทำการบ้านมาอย่างละเอียดอ่อน ยึดแนวทางทำธุรกิจแบบ ‘Customer Centric’ เน้นประสบการณ์ของลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการออกแบบทุก ๆ Digital touchpoints รวมถึงแก้ Pain point และขับเคลื่อนด้วยความเป็น ‘Digital Driven Company’ หรือดิจิทัลโบรกเกอร์ จนสามารถยึดครองความสนใจจากโลกแห่งการลงทุนได้อย่างงดงามในช่วงนี้

 

‘โลกลงทุนที่ทุกคนเท่ากัน’ คอนเซ็ปที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ไม่หวั่นค่าคอมฯ 0%

นี่คือเหตุผลที่ทำไม Liberator ได้รับความสำเร็จในฐานะแอปฯ ลงทุนแห่งอนาคต ด้วยการยึดแนวทาง Customer Centric แปรมาเป็นแอคชั่นที่กล้าจะแก้ปัญหาให้ลูกค้าแบบไม่มีใครทำมาก่อน จนสะท้อนความสำเร็จออกมาเป็นยอดดาวน์โหลดมากถึง 100,000 ครั้ง ภายในเวลาระยะสั้น ชูคอนเซ็ป #โลกลงทุนที่ทุกคนเท่ากัน และไฮไลท์จุดเด่นที่เรียกได้ว่ากล้ามากจริง ๆ ซึ่งก็คือเป็นเจ้าแรกของไทยที่ให้โอกาสรายย่อยได้เทรดฟรีด้วยค่าคอมฯ 0%

 

 

การที่ Liberator ยึดในหลัก Customer Centric เป็นเลนส์เข้ามาดีไซน์แบรนด์ จึงได้เห็น Pain point ของนักลงทุนอย่างชัดเจน ทั้ง ๆ ที่เทรดเอง ทำเอง คอยหาข้อมูลหรือติดตามข่าวจนอดหลับอดนอนไปหลายวัน “ก็ยังต้องเสียค่าคอมฯ อีกเหรอ?”

การเทรดหุ้นในปัจจุบัน ค่าคอมฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 0.08% ถึง 0.07% แต่ที่เห็นได้ชัดคือ ยิ่งโวลุ่มการเทรดมาก ก็อาจลดไปถึง 0.02% ถึง 0.01% ดังนั้นทาง Liberator จึงยึดใน Paint point นี้ เป็นหนึ่งในจุดสำคัญหลัก พร้อมตั้งคำถามว่า “ทำไมโลกของการลงทุน ที่เราอยากให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เกิดขึ้นมามากขึ้น เสริมสภาพคล่องมากขึ้น ทำไมทุกคนถึงไม่เท่ากัน?” จึงกลายมาเป็นคอนเซ็ป #โลกลงทุนที่ทุกคนเท่ากัน พร้อมไฮไลท์บริการเทรดฟรีด้วยค่าคอมฯ 0%

‘ค่าใช้จ่ายในการเทรด’ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ค่าธรรมเนียมที่โบรกฯ จัดส่งให้หน่วยงานรัฐ กับ ค่าคอมมิชชั่น ซึ่งในส่วนที่กำลังจะเน้นกันคือค่าคอมมิชชั่นที่เป็นรายได้ของโบรกฯ เพราะฉะนั้นลองคิดแบบนี้ดูว่า สมมุติเทรดหุ้นที่ 1 ล้านบาท ค่าคอมเฉลี่ยที่ 0.08% ก็โดนไปแล้ว 800 บาท ถ้าเทรดบ่อยมากในปี ๆ หนึ่งก็อาจโดนไปแล้วครึ่งแสนจนถึงหลักแสนบาท!

ด้วยค่าธรรมเนียมขนาดนี้ สามารถไปเที่ยวทริปญี่ปุ่นได้สบาย ๆ เลยอย่างน้อย 1 ทริป

ดังนั้นการที่ Liberator นำเสนอการเทรดฟรีด้วยค่าคอมฯ 0% ถือว่าเป็นมูฟเมนต์ที่ Bold มากในโลกแห่งการลงทุน แน่นอนว่าทุกอย่างฟังดูดี แต่เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าแล้วแบบนี้จะหารายได้จากไหนล่ะ?

การที่ยอดดาวน์โหลดมากถึง 100,000 ครั้ง ภายในเวลาระยะสั้น ไม่ได้มีดีแค่ค่าคอมฯ 0% อย่างแน่นอน เพราะจากที่กล่าวไปขั้นตน ทาง Liberator ยังเน้นขับเคลื่อนด้วยความเป็น Digital Driven Company หรือดิจิทัลโบรกเกอร์

 

ดิจิทัลโบรกฯ ที่ไม่ได้จำกัดรายได้แค่ค่าคอม

การที่แบรนด์กล้าจะแก้ปัญหาให้ลูกค้าในแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ย่อมวางมาดีแล้วว่า Revenue Streams รายได้ของธุรกิจจะมาจากไหน ซึ่งความเป็น Digital Driven Company นี้เองที่ทำให้ทาง Liberator สามารถแก้โจทย์ตรงนี้ได้

จากทางฝั่งของตัวแบรนด์ การมีความเป็นดิจิทัลสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของบุคลาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตลาดหรือนักวิเคราะห์ ที่เฉลี่ยเป็นมากกว่า 57% ของค่าใช้จ่ายในอุตสาหกรรมโบรกเกอร์ ซึ่งการเป็น Digital Driven Company สามารถที่จะ ลดคน ลดสาขา แล้วนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริม อย่าง automate การรันงาน ไปจนถึงนำ AI มาช่วยในการเทรด เสริมสร้าง smart portfolio

ในส่วนของโครงสร้างรายได้หลักของ Liberator ในปีแรกมาจาก ผลิตภัณฑ์การเงินที่เพิ่มขึ้นมา โดยการทำหน้าที่เป็น Custodian ช่วยดูแลทรัพย์สินให้กับลูกค้าของบริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัดกับธุรกิจ P2P Lending ภายใต้ชื่อแอปพลิเคชั่น “StockLend” ที่ให้บริการธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์รายแรกในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นมาในอนาคตไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อ Margin, Underwriting, กองทุน, เทรดหุ้นต่างประเทศ และอื่นๆ ในอนาคต รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ Brand community เข้ามาส่งเสริมให้มีคอมมูนิตี้ที่มีคุณภาพอีกด้วย

ทาง Liberator ทราบดีว่าคงไม่มีใครอยากเทรดคนเดียว ดังนั้นการมีคอมมูนิตี้ย่อมดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมออนไลน์หรือออฟไลน์อีเว้นท์ ไปจนถึงดันตัวเองเป็น Social Investment Platform ไม่ใช่แค่โบรกฯ นายหน้าขายซื้อขายหลักทรัพย์ หากพูดสั้น ๆ ก็คือ การมีคาแร็คเตอร์ของความเป็น Educational เข้ามาช่วยส่งเสริมความรู้ผ่านรูปแบบต่าง ๆ โดนมีคอมมูนิตี้เป็นศูนย์กลางนั่นเอง

 

สามเสาหลัก ผลักดัน Liberator สู่ดิจิทัลฯโบรกอันดับหนึ่ง

ทุกอย่างที่ได้กล่าวไป สามารถย้อนกลับมาดูสามเสาหลักของแบรนด์ ได้แก่:1

1. พันธกิจ (MISSION)

สร้างสรรค์สังคมให้รู้จักการลงทุนเพื่อต่อยอดชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ให้คนไทยได้รู้จักและสร้างลักษณะนิสัยการลงทุน การวางแผนที่ดีในแบบของตนเองได้

2. วิสัยทัศน์ (VISION)

มีเป้าหมายให้ผู้ลงทุนและผู้ที่คิดอยากเริ่มต้นการลงทุนในประเทศสามารถ

– เข้าถึงตลาดทุนได้ง่าย สะดวก มีข่าวสารที่พร้อมสำหรับรองรับการตัดสินใจ

– มีต้นทุนด้านความรู้ความเข้าใจทางการเงินที่ถูกต้องที่สุด

– ผลักดันให้เกิดการสร้างนิสัยการลงทุนของคนในประเทศให้เป็นที่กว้างขวางและขยายขนาดได้ใหญ่ขึ้น

– เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าเรื่องคุณภาพและการบริการแต่อย่างใด

3. ค่านิยมองค์กร (CORE VALUE)

มุ่งมั่นในการกล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อก่อให้เกิดคุณค่าและแนวปฏิบัติใหม่ ส่งต่อคุณประโยชน์เพื่อสังคมแห่งการลงทุนที่ยั่งยืนและมั่นคง

สามเสาหลักด้านบนนี้ เป็นดั่งคำมั่นสัญญาที่สะท้อนออกมาเป็นแอคชั่นต่าง ๆ ซึ่งหลัก ๆ ก็คือดีไซน์ในรูปแบบ Customer Centric และขับเคลื่อนด้วยความเป็น Digital Driven Company จนสามารถดึงความสนใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์คือในระยะเวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถทำยอดดาวน์โหลดมากถึง 100,000 ครั้ง และแน่นอนว่าต่อยอดสู่ความสำเร็จของแบรนด์ในยุค Attention Economy นี้ได้

ก่อนแยกย้ายกันไปดาวน์โหลดแอปฯ อยากเสริมว่าทาง Liberator ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ ก และใบอนุญาตธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบ ส-1 จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นขอให้ ‘สบายใจ’ หายห่วง!

 

 

“ทางลิเบอเรเตอร์จะมีการเปิดฟีเจอร์ TFEX ในเดือนเมษายนนี้ โดยจะเริ่มรับเปิดบัญชี TFEX เป็นรอบๆ ไปตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2566 และเปิดบริการ TFEX ไร้ค่าคอมมิชชันเต็มรูปแบบในวันที่ 17 เมษายน 2566”

 

ติดตาม Liberator ได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/Liberator.co.th

ดาวน์โหลดแอปฯสำหรับ Android และ iOS: 

https://onelink.to/btdhkj


  • 361
  •  
  •  
  •  
  •