[บทความนี้เป็น Advertorial]
เมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไทยฟื้นตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการระบาดของ COVID-19 คลี่คลายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ไฮซีซันแห่งการท่องเที่ยวที่จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
หัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวคือการพักผ่อนและได้รับประสบการณ์
เนื่องจากหลายคนอัดอั้นกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และต้องการปลดปล่อยความรู้สึกไปกับการพักผ่อน รวมทั้ง การท่องเที่ยวเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนต้องสัมผัสด้วยตนเอง (Experience) ซึ่งไม่สามารถทดแทนได้ด้วยวิธีการอื่น ประกอบกับเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ของคนไทยอย่าง Digital Nomad หรือการผสมผสานระหว่างการท่องเที่ยวไปพร้อมกับการทำงานจากพื้นที่ใดก็ได้ (Work from Anywhere) จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเลือกที่จะใช้เวลาพักผ่อนในที่พักต่างๆ ที่ไม่ใช่บ้านมากขึ้น
ขณะที่การเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าศูนย์กลางในการท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาคือ “กรุงเทพฯ” ซึ่งเป็นจุดรองรับนักท่องเที่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่งสาธารณะ ร้านอาหาร หรือที่พักก็มีตัวเลือกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรร รวมถึงเมืองท่องเที่ยวฮอตฮิตอย่าง “พัทยา”
กองทรัสต์ที่โดดเด่นในการเลือกทรัพย์สินศักยภาพสูงเข้าสู่พอร์ต
จากเทรนด์ Digital Nomad และปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น การเข้ามาท่องเที่ยวที่สะดวกขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการภาครัฐ จึงเป็นโอกาสทองของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล หรือ “LHHOTEL” ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่เป็นทรัพย์สินหลัก 3 แห่ง คือ โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ และ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 ซึ่งที่ตั้งของแต่ละโรงแรมเป็นพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ และอยู่ในแหล่งที่นักท่องเที่ยวและคนทำงานส่วนใหญ่เลือกพัก เพราะใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ทำให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ ยังมีความโดดเด่นในด้านการให้บริการ ความคุ้มค่าของราคา (Value for money) และโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักได้เป็นอย่างดี
หากใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับทรัสต์กองนี้ LHHOTEL มีผู้จัดการกองทรัสต์ คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด โดยมีการลงทุนในสิทธิการเช่าโรงแรมระดับ 5 ดาวที่พัฒนาโดยกลุ่ม บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ และนับว่าเป็นกองทรัสต์ที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เป็นกองทรัสต์ประเภทโรงแรมที่มีขนาดสินทรัพย์รวมตลอดจนมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในปัจจุบัน[1]และผลประกอบการโดดเด่นหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย
ล่าสุดกองทรัสต์ LHHOTEL เตรียมเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินประเภทโรงแรมอีก 2 แห่ง ในพัทยา คือ
- โครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา เป็นอาคารสูง 27 ชั้น มีห้องพักจำนวน 490 ห้อง รวมพื้นที่ทั้งหมดที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนประมาณ 73,057 ตารางเมตร โดยมีจุดเด่นของโครงการ คือ
- มีการออกแบบและตกแต่งอาคารแตกต่างและโดดเด่นจากอาคารทั่วไปในพัทยา ทั้งตัวห้องพักที่ตกแต่งโดยนำแนวคิดของอวกาศและจักรวาลมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบธีมอาคาร ห้องพัก ที่ได้รับรางวัลการออกแบบมากมาย รวมถึงมีสวนน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นไฮไลต์สำคัญ โดยมีการตกแต่งด้วยธีมอวกาศจำนวน 4 โซน ตลอดจน สปาและออนเซ็น ขนาดใหญ่ และห้องประชุมที่ทันสมัยที่สุดในเมืองพัทยาในตอนนี้
- มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยถึง 89% ในปี 2565 ที่เพิ่งเริ่มเปิดดำเนินงาน และเฉลี่ย 91% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566
- ตั้งอยู่ในย่านพัทยาเหนือซึ่งเป็นแหล่งธุรกิจที่สำคัญของพัทยา โดยมีทั้งร้านอาหาร ศูนย์การค้า โรงแรมระดับ 4-5 ดาว และอยู่ห่างจากชายหาดพัทยาเพียง 700 เมตร
- โครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา เป็นอาคารสูง 25 ชั้น ซึ่งมีห้องพักจำนวน 396 ห้อง รวมพื้นที่ทั้งหมดที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนประมาณ 41,022 ตารางเมตร โดยมีจุดเด่นของโครงการ คือ
- ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา ซึ่งภายในศูนย์การค้ามีทั้ง ร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับผู้เข้าพักอาศัยในโครงการและผู้คนโดยรอบ
- มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 82% ในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ปี 2562 และเฉลี่ย 91% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566
- ทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวกเนื่องจากตั้งอยู่หัวมุมถนนแยกวงเวียนปลาโลมา โซนพัทยาเหนือ สามารถเข้าออกโครงการผ่านถนนหลัก 3 เส้น ได้แก่ ถนนพัทยาเหนือ ถนนพัทยาสาย 2 และถนนเพ็ชรตระกูล ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของพัทยาเหนือ
โอกาสการเติบโตที่แข็งแกร่งจากการขยายพอร์ตทรัพย์สินใหม่
จุดเด่นของ LHHOTEL คือ มีผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและโดดเด่น (V-Shaped Recovery) หลังจากผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวของไทย และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2565 สะท้อนถึงคุณภาพของทรัพย์สินและความสามารถในการบริหารจัดการโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมพัทยา 2 แห่ง จะเพิ่มความแข็งแกร่งแก่กองทรัสต์ในด้านต่างๆ ดังนี้
- สามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตจากสินทรัพย์ที่อยู่ในทำเลที่แตกต่างกัน ทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา
- การเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้มีการขยายสินทรัพย์และขยายกลุ่มลูกค้า ที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวแบบครอบครัวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
- ขยายระยะเวลาสิทธิการเช่าโรงแรมของกองทรัสต์โดยรวม ให้นานยิ่งขึ้น
- เพิ่มโอกาสทำเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนสูงขึ้น จากศักยภาพของโรงแรมที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม
Reference:
- ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ LHHOTELซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
- https://onceinlife.co/travel-trend-2023
[1] ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2566
[บทความนี้เป็น Advertorial]