แอลจี ตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกเทคโนโลยีดิจิทัลเชิงพาณิชย์ (Digital Signage) ด้วยการเปิดตัว LG OLED Digital Signage 4 รุ่นใหม่ ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการการทำธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มลักชัวรี รีเทล พร้อมยกระดับคอนเท้นต์ให้พรีเมี่ยมขึ้น ภายใต้แนวคิด “Innovation for a Better Life”
ทั้ง 4 รุ่นที่แอลจีเปิดตัวในวันนี้ ได้แก่ รุ่น OPEN-FRAME หน้าจอดัดโค้งได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละสถานที่, รุ่น DUAL-VIEW CURVED ดีไซน์บาง โค้งมน สามารถแสดงผลได้ทั้งสองด้านในครั้งเดียว, รุ่น DUAL-VIEW FLAT หน้าจออัจฉริยะดีไซน์บางเฉียบ 2 จอ รวมกันเพียง 8 มิลลิเมตร และรุ่น WALLPAPER บาง 3.7 มิลลิเมตร ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ เหมาะจะนำไปติดตั้งภายในร้านค้าต่างๆ หน้าจอมีความยืดหยุ่น ดัดแปลงเพื่อแนบหน้าจอรอบเสาได้
โดยรุ่น DUAL-VIEW CURVED, รุ่น DUAL-VIEW FLAT และรุ่น WALLPAPER จะเจาะกลุ่มลักชัวรี รีเทล โดยเฉพาะ ด้วยความคมชัด และสีสันสดใส ทำให้สินค้าที่ถูกฉายผ่านจอจะให้แบรนด์และสินค้ามีภาพลักษณ์พรีเมี่ยมขึ้น ส่วนรุ่น OPEN-FRAME เหมาะกับการใช้ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญในอนาคต เช่น ห้างสรรพสินค้า, สนามบิน หรือสถานที่ที่มีคนเยอะๆ ตอนนี้ รุ่น OPEN-FRAME มีการใช้งานที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน ประเทศเกาหลีใต้ (มูลค่าโครงการ 200-400 ล้านบาท)
จุดเด่นของ เปิดตัว LG OLED Digital Signage มีด้วยกัน 5 ข้อ คือ Perfect Black สีดำสนิท, Perfect Color สีสันสดใส, Perfect respontime, Perfect Design และ Perfect Viewing Angle ทั้งหมดผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 200,000 บาท ราคาจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของลูกค้า เพราะต้องมีการดีไซน์ และออกแบบให้เข้ากับสถานที่นั้นๆ
หากใครที่กำลังสงสัยว่า OLED ต่างจาก LCD อย่างไร อธิบายง่ายๆ OLED จะบางกว่า เพราะไม่มีส่วนที่เรียกว่า Backlight หรือแหล่งกำเนิดแสง ทุกพิกเซลสามารถเปิดปิดได้ และกำหนดแสดงเองได้
คุณวิญญู กล่อมเกล้า ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์อินฟอร์เมชั่น ดิสเพลย์ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า การเปิดตัวในวันนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่พร้อมมากับนวัตกรรมใหม่ๆ ถือเป็นการปฏิวัติวงการผลิตภัณฑ์จอดิจิทัลเชิงพาณิชย์ในไทย แอลจีไม่ได้มาเพื่อขายจอภาพ แต่มาเพื่อขายนวัตกรรมและงานศิลปะ ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
นอกจากนี้ แอลจียังได้ต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรให้ลูกค้า พร้อมบริการหลังการขายอย่างทั่วถึง พร้อมตั้งเป้าเพิ่มพาร์ทเนอร์ 20% ภายในปีหน้า ในส่วนของส่วนแบ่งการตลาด ปัจจุบันแอลจีมีส่วนแบ่งการตลาดจอดิจิทัลไซเนส 33% มูลค่าตลาด 700 – 900 ล้านบาท สำหรับปี 2560 แอลจี ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดจอดิจิทัลเชิงพาณิชย์ไว้ที่ 38% จากมูลค่าตลาดรวม 800-900 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 20% คาดว่าปีหน้าแอลจีจะยังเป็นผู้นำตลาดอยู่เหมือนเดิม