เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน จะเห็นการแข่งขันมหกรรมช้อปใหญ่แห่งปี นั่นคือ เมกะแคมเปญ “11.11” จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งในแต่ละปี ต่างยกทัพแบรนด์ดัง ดีลเด็ด โปรโมชั่นส่วนลดกระหน่ำ และแน่นอนว่าดีกรีการแข่งขันดุเดือดขึ้นทุกปี ดังนั้นบรรดาแพลตฟอร์มจึงต้องพยายามนำเสนอ “สิ่งใหม่” เพื่อสร้าง Wow! Experience หรือประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค หรือผู้ใช้งาน ในการดึงคนมาช้อป มาใช้เวลาอยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น ถี่ขึ้น
อย่างล่าสุด “LAZADA” (ลาซาด้า) เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งเมกะแคมเปญ “11.11” ก็ว่าได้ เพราะถือเป็นผู้ริเริ่มแคมเปญนี้ในประเทศไทย จนกลายเป็น Signature Campaign ที่อยู่คู่กับ LAZADA มายาวนาน ทว่าในปัจจุบันเมื่อคู่แข่งหันมาทำ 11.11 เช่นกัน ประกอบกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัล เปลี่ยนแปลงเร็ว มองหาประสบการณ์ใหม่เสมอ
เพราะฉะนั้น “LAZADA” ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งเมกะแคมเปญ “11.11” จึงต้องเร่งสปีดตัวเองให้สร้างความแตกต่าง และส่งมอบประสบการณ์ช้อปให้สนุกยิ่งขึ้น เพื่อดึงผู้บริโภคให้เข้ามาช้อปกับแพลตฟอร์ม LAZADA และไม่ใช่แค่ช้อปเท่านั้น แต่มากไปกว่านั้นคือ ต้องสร้าง Engagement กับผู้บริโภคในระยะยาว เพื่อทำให้อยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น (Stickiness) และเกิด Loyalty กับแพลตฟอร์ม LAZADA
ด้วยเหตุนี้เอง เมกะแคมเปญ 11.11 ในปีนี้ของ LAZADA จึงให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ช้อปให้สนุกขึ้น และสร้าง Engagement ระยะยาว ด้วย 4 กลยุทธ์ดังนี้
1. กลยุทธ์ Gamification & สะสม LazCoins แลกรับส่วนลด
LAZADA ได้พัฒนาฟีเจอร์เกม “LazGame” เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปแบบ Shoppertainment ให้กับนักช้อป ควบคู่กับการจูงใจให้กลับมาเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยที่นักช้อปสามารถเล่นเกมโดยตรงผ่านแอปฯ LAZADA และสามารถเล่นระหว่างเลือกชม ค้นหา และซื้อสินค้าไปได้พร้อมกัน
ขณะเดียวกันยังให้นักช้อปสะสม “LazCoins” ขณะเล่นเกม ผู้ใช้งานสามารถสะสมเหรียญบนแอปฯ (virtual coins) ซึ่งนักช้อปสามารถเปลี่ยนเหรียญที่สะสมจากการเล่นเกม มาแลกเป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ เช่น แลกเป็นคูปองส่วนลด เพื่อความคุ้มค่าอีกขั้นในการช้อปในช่วงแคมเปญ 11.11
ปัจจุบันบนแพลตฟอร์ม LAZADA มี 3 เกมหลักคือ
– LazLand เป็นเกมที่ LAZADA ประเทศไทยพัฒนาขึ้น สำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ โดยผู้เล่นสามารถปลูก รดน้ำ และเก็บเกี่ยวข้าวเพื่อพิชิตภารกิจต่างๆ พร้อมรับข้าวหอมมะลิทองฟรี 1 ถุงจาก LAZADA ประเทศไทยเมื่อทำภารกิจสำเร็จ โดยพบว่าผู้เล่น LazLand กว่า 70% กลับมาเล่นเกมเพื่อดูแลต้นข้าวที่ปลูกไว้ และปริมาณข้าวหอมมะลิทองที่นักช้อปได้รับไปตลอดทั้งปีนี้ มีน้ำหนักรวมกว่า 200 ตัน
– นอกจากนี้ยังมีอีก 2 เกมเปิดให้นักช้อปใน 6 ประเทศได้ร่วมเล่น ได้แก่ Merge Boss และ GoGoMatch โดยพบว่าในช่วงแคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมา เวลารวมที่ผู้ใช้งาน LAZADA ทั่วทั้งภูมิภาคเข้ามาเล่นเกม GoGoMatch มียอดรวมเทียบเท่าเวลา 310 ปี และมียอดเก็บเหรียญในเกม (tokens) รวมถึง 755 ล้านเหรียญ จากการเล่นเกมรวม 19 ล้านครั้ง
เหตุผลที่ LAZADA ใช้กลยุทธ์ Gamification เนื่องจากเกมเป็นเครื่องมือที่มีส่วนสำคัญทำให้ผู้ใช้อยู่กับแพลตฟอร์ม LAZADA นานขึ้น ช่วยเพิ่มการใช้งาน (Stickiness) และสร้าง Platform Loyalty โดยผลสำรวจพบว่า
– 51% ของผู้ที่เล่นเกมบนมือถือ มองว่าประสบการณ์ที่สนุกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาใช้เวลาบนเกมอย่างต่อเนื่อง
– 80% ของผู้เล่น LazGame ในประเทศไทย กลับมาใช้งานแอปพลิเคชันเป็นประจำทุกสัปดาห์
– ผู้เล่น LazGame ในประเทศไทย มีการใช้งานแอปพลิแคชัน LAZADA สูงกว่าค่าเฉลี่ยผู้ใช้งานปกติถึง 3 เท่า
“เราเชื่อว่า Gamification จะเป็นกลยุทธ์ที่มีบทบาทโดดเด่นยิ่งขึ้นในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอนาคต เนื่องจากการผสมผสานความสนุกสนานจากการเล่นเกม เข้ากับความคุ้มค่าจากการสะสมเหรียญผ่านการเช็กอินรายวันและพิชิตภารกิจต่าง ๆ เปิดโอกาสให้แพลตฟอร์มสามารถสร้าง Engagement ควบคู่ไปกับการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อตอบแทนนักช้อปได้พร้อม ๆ กัน” คุณมาริสา ยูนิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวถึงการนำเกมมาเชื่อมต่อกับผู้บริโภค
2. พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ใช้เทคโนโลยี AI และ AR ช่วยนักช้อปค้นหาสินค้า – ทดลองสินค้าเสมือนจริงก่อนซื้อ
– Image Search: ฟีเจอร์ Image Search ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำให้การค้นหาสินค้าเป็นเรื่องสะดวกยิ่งขึ้น โดยนักช้อปเพียงนำรูปภาพ item ที่ต้องการมาสแกน หรือถ่ายรูปผ่านแอป LAZADA ผลการค้นหาก็จะแนะนำ item ที่ใกล้เคียงกันมาให้
ฟีเจอร์นี้สามารถตอบโจทย์นักช้อปสายแฟชันที่ชอบติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยให้สามารถช้อปตามลุคใหม่ ๆ ที่พบเห็นหรือชื่นชอบได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันก็นำเสนอสินค้าที่หลากหลายให้เป็นตัวเลือกเพิ่มเติม
ผลการสำรวจ พบว่า นักช้อปไทยถึง 92% ตัดสินใจซื้อสินค้าที่พวกเขาพบจากฟังก์ชันค้นหาบนแอป LAZADA
– Put in My Home: ฟีเจอร์ใหม่บน LazHome ใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) เข้ามาช่วยให้นักช้อปสามารถทดลองวางเฟอร์นิเจอร์และไอเท็มตกแต่งบ้านอื่น ๆ ในห้องบนภาพพื้นที่จริง โดยฟีเจอร์นี้จะวางภาพสินค้าซ้อนทับลงบนภาพสถานที่จริงจากกล้องบนสมาร์ทโฟน ช่วยให้นักช้อปได้เห็นสินค้าในพื้นที่จริงก่อนซื้อ และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
3. จัดเต็มดีลและโปรโมชั่นพิเศษ
แคมเปญ 11.11 ในปีนี้ LAZADA จัดดีลและโปรโมชันสุดพิเศษ ได้แก่
– LazFlash ช่วยเปย์สูงสุด 90%
– คูปองลาซโบนัส สูงสุด 10,000 บาท
– คูปองส่วนลดสูงสุด 2,500 บาท
– Pre-sale: รับข้อเสนอสุดพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำบน LazMall เพียงจองสินค้าล่วงหน้า ด้วยการชำระค่ามัดจำตั้งแต่วันนี้ – 10 พฤศจิกายน และชำระส่วนที่เหลือระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤศจิกายน
– Crazy Brand Mega Offers: รับส่วนลดสูงสุด 90% เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการบน LazMall ระหว่างเวลาเที่ยงคืน – ตีสอง ของวันที่ 11 พฤศจิกายน
4. ขยายระยะเวลาจัดเมกะแคมเปญ 11.11 เป็น 3 วัน
เมกะแคมเปญ 11.11 ในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ LAZADA ขยายระยะเวลาจัดเป็น 3 วัน ระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤศจิกายน 2566 ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเดิมจัดวันเดียว เฉพาะวันที่ 11 พฤศจิกายนเท่านั้น
เหตุผลที่ LAZADA ขยายระยะเวลา 11.11 เป็น 3 วัน ผู้บริหาร LAZADA ประเทศไทย กล่าวว่า ต้องการให้ผู้บริโภคมีเวลามากขึ้นในการซื้อสินค้าที่ต้องการ
แน่นอนว่าการขยายวันเมกะแคมเปญเพิ่มขึ้น ย่อมเพิ่มโอกาสการขายที่มากขึ้นให้กับร้านค้าบนแพลตฟอร์ม LAZADA ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปีได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันทางด้าน LAZADA ได้ engagement กับผู้ใช้งานมากขึ้น ทั้งจากการเข้ามาช้อปบนแพลตฟอร์ม มาเล่นเกมจากฟีเจอร์ LazGame และทำให้เกิดการสะสมและแลกสิทธิ์จาก LazCoins