หลังจากชื่อของ “เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 1OX)” เป็นที่รู้จักมาระยะเวลาหนึ่ง ในแง่ของหน่วยงานหนึ่งของ SCB ในวันนี้ SCB 10X ถือกำเนิดเป็นตัวเป็นตนอย่างสมบูรณ์กับภาระกิจหน้าที่ในการมองหา Startup ที่มีศักยภาพในการลงทุน โดยแบ่งรูปแบบการลงทุนออกเป็น 3 รูปแบบ ทั้งการเข้าไปลงทุนร่วมสร้าง (Venture Builder) การเข้าไปร่วมลงทุน (Partnership Venture) และเข้าไปลงทุน (Venture Capital)
สำหรับ SCB 10X ถือเป็นการแตกบริษัทใหม่ในนาม บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ภายใต้การลงทุนของ SCB แบบ 100% โดยเตรียมเดินหน้าสร้างการเติบโตรูปแบบใหม่ (New Growth Engine) ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัลเทคโนโลยีผ่านภารกิจ “Moonshot Mission” ที่มุ่งเน้นการลงทุนที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
SCB 10X ดูแลธุรกิจด้านเทคโนโลยีธนาคาร
ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด และผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ชี้ว่า ในยุคปัจจุบันจะเห็นได้ว่า Startup หลายๆ ค่ายเริ่มให้บริการและมีอัตราการเติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นที่น่าตกใจมากเมื่อ Grab มีมูลค่าทางธุรกิจถึง 4 แสนล้านบาท แม้จะยังอยู่ในภาวะขาดทุนก็ตามและกำลังจะเข้าสู่อุตสาหกรรม Financial ขณะที่ SCB มีลูกค้ากว่า 16 ล้านรายและเป็นฐานลูกค้าดิจิทัลกว่า 10 ล้านคน กลับมีมูลค่าทางธุรกิจเพียง 3 แสนล้านบาท
นั่นจึงทำให้ SCB ต้องเร่งสร้างการหาโอกาสเติบโตทางธุรกิจในรูปแบบใหม่โดยเร็ว เพื่อให้ทันกับผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นต่อธนาคาร ที่ผ่านมา SCB ได้ทดลองลงทุนและสร้างสิ่งใหม่ๆ จนมีความพร้อมที่จะยกระดับการทดลอง (Experiment) สู่การสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential) เช่น การเปิดตัว SCB 1OX จากหน่วยงานหนึ่งในธนาคารสู่การเป็นบริษัทอย่างเต็มตัว
โดย SCB 10X จะอยู่ในรูปแบบของ Holding Company ที่จะเข้ามาดูแลบริษัทด้านเทคโนโลยีที่อยู่ในกลุ่ม SCB ทั้งหมด เช่น ดิจิทัล เวนเจอร์ส (Digital Ventures), เอสซีบี อบาคัส (SCB Abacus) และมันนิกซ์ (MONIX) รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีที่จะจัดตั้งหรือลงทุนในอนาคต โดยตั้งงบลงทุนรวม 2 หมื่นล้านบาท สำหรับใช้ในระยะเวลา 3 ปี
3 รูปแบบการสร้างธุรกิจของ SCB 10X
ซึ่งรูปแบบการลงทุนจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ทั้ง Build, Partnership และ Invest โดยรูปแบบ Build จะเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นแห่งแรกในไทย โดยเป็นลักษณะ Venture Builder หรือการลงทุนร่วมสร้าง โดย SCB 10X จะมองหา Tech Startup ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ โดยจะเน้นไปที่เรื่องของธนาคารเป็นหลัก ที่จะเกิดขึ้นได้ โดย SCB 10X จะเข้าไปสนับสนุนทั้งด้านการเงินเพื่อทดลอง จนไปถึงจุดที่บริษัทสามารถสเกลและระดมทุนจากภายนอกได้
นอกจากนี้ยังร่วมสร้างธุรกิจผ่านการให้การสนับสนุนผู้มีความสามารถ (Talent) การเข้าถึงเทคโนโลยี (Tech Access) การนำเสนอธุรกิจสู่ตลาด (Go-to Market) รวมถึงแชร์เซอร์วิสอื่นๆ เพื่อให้เจ้าของไอเดียสามารถโฟกัสการสร้างธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และถ้าเจ้าของไอเดียหรือผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถสร้างไอเดียจนสำเร็จ ก็จะมีโอกาสร่วมเป็นเจ้าของบริษัทด้วย โดย SCB 10X จะอยู่ในฐานะ Co-Founder
รูปแบบ Partnership จะเป็นการร่วมลงทุนทางยุทธศาสตร์ และเป็นการร่วมมือกับบริษัทด้านเทคโนโลยีต่างๆ ในลักษณะ Joint Venture รวมถึงการหาโอกาสในการสร้างธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาขีดความสามารถให้กับ SCB ด้วย และรูปแบบ Invest หรือการลงทุนในบริษัทเทคคอมพานีและสตาร์ทอัพทั่วโลกในลักษณะ Venture Capital (VC) หรือคือการลงทุนที่ช่วยให้บริษัทหรือสตาร์ทอัพเหล่านั้นเติบโตยิ่งขึ้น
ไม่หยุดแค่ในไทย แต่ยิ่งใหญ่สู่ Unicorn
ดร.อารักษ์ยังชี้ว่า บริษัท SCB 10X ไม่ได้หวังการแข่งขันภายในประเทศไทย แต่มุ่งหวังสู่การเป็นผู้นำในอาเซียนด้านการลงทุนร่วมสร้างและการลงทุนดิจิทัลเทคโนโลยีภายใน 5 ปี โดยมุ่งหวังให้สตาร์ทอัพของไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็น Unicorn ระดับโลก นอกจากนี้ SCB 10X จะรับช่วงดูแล Startup ที่มีศักยภาพต่อจาก Digital Venture (DV) หลังจากพัฒนาการเติบโตของ DV ขยายสู่ธุรกิจระดับโลก
นอกจากการค้นหาสตาร์ทอัพใหม่ๆ แล้ว SCB 10X ยังมีหน้าที่ดูแลบริษัทด้านเทคโนโลยีที่อยู่ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ทั้งหมด ได้แก่ บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด (DV), บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด และบริษัท มันนิกซ์ จำกัด โดย Digital Venture แตกตัวออกจาก SCB โดยมี SCB เป็นผู้ลงทุนหลัก และให้ไปทำธุรกิจ Blockchain ระดับโลก
ขณะที่ SCB Abacus ก็แตกตัวออกไปจาก SCB โดยมี SCB เป็นผู้ลงทุนหลัก และหันไปทำธุรกิจด้าน AI ที่ใช้ในการทำ Digital Lending ส่วนมันนิกซ์ (Monix) เป็นการร่วมทุน (JV) กับบริษัทจากจีนในนำบริการทางการเงินเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนที่ยังเข้าไม่ถึงธุรกรรมทางธนาคาร