กรุงศรี ผสานกำลัง มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เปิดตัวแคมเปญ “SME Export 3+2” ดึงกลุ่มคู่ค้าประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นใช้บริการ ชูจุดเด่นเรื่องความรวดเร็วและลดค่าบริการ พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อกลุ่ม SME ขนาดกลางและขนาดเล็กโต 8%
คุณสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในปี 2017 ที่ผ่านมาการเติบโตของสินเชื่อสำหรับกลุ่มธุรกิจ SME ขนาดกลางและขนาดเล็ก ยังมีอยู่ถึง 11.8% สินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศเติบโต 31% และสินเชื่อด้าน Supply Chain มีอัตราโต 46%
สำหรับภาพรวมตลาด SME ของกรุงศรี ในปี 2017 พอร์ตสินเชื่อมีมูลค่า 1,550 พันล้านบาท แบ่งเป็น
สัดส่วนสินเชื่อ SME
- Retail 728 พันล้านบาท (47%)
- JPC/MNC 171 พันล้านบาท (11%)
- SME 221 พันล้านบาท (14%)
- Thai Corporate 431 พันล้านบาท (28%)
การเติบโตของสินเชื่อในปี 2017 เติบโตขึ้น 2.8%
- 2016 มูลค่าเติบโต 215 พันล้านบาท
- 2017 มูลค่าเติบโต 221 พันล้านบาท
สำหรับในปี 2018 กรุงศรีได้สร้างความแข็งแกร่ง ร่วมกับกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์ญี่ปุ่น (JPC/MNC) และเครือข่าย MUFG เพื่อต่อยอดการให้บริการและขยายฐานลูกค้า ทั้งนี้ยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมตอบสนองความต้องการในยุคสังคมไร้เงินสด พร้อมชูแคมเปญ SME Export 3+2 สำหรับ SME ผู้ส่งออกชาวไทยที่มีคู่ค้าเป็นชาวต่างชาติ (สมาชิก MUFG) จะได้รับวงเงินสินเชื่อการค้าต่างประเทศ
ทั้งนี้ แคมเปญ SME “Export 3+2” คือสินเชื่อระหว่างประเทศ จะทำให้ผู้ส่งออกชาวไทยรวมถึง SME ที่ทำการค้ากับญี่ปุ่น สะดวกในการทำการค้าเพิ่มมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนอาจต้องใช้เวลา 3-7 วันสำหรับการโอนเงิน ปัจจุบันสามารถโอนรับส่งได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีบล็อกเชน
แคมเปญ SME “Export 3+2”
3 สินเชื่อ
- วงเงินสินเชื่อ Packing Credit (ก่อนส่งออก)
- วงเงินสินเชื่อขายลด Export Invoice
- วงเงิน Fx
2 ฟรี
- ฟรี บริการจัดส่งเอกสารส่งออก (shipping documents)
- ฟรี ค่าธรรมเนียมเงินโอนขาเข้า (200-500 บาท)
ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้ดิจิทัลเพย์เมนท์เพื่มมากขึ้น ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องเดินทางไปยังธนาคารหรือเพื่อโอนเงินผ่านบัตร ATM ด้วยพฤติกรรมนี้ทำให้ธนาคารเองต้องปรับตัวให้ทันโลกดิจิทัล ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ ค่าธรรมเนียมจะลดลง
อนึ่ง มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เชิงกลยุทธ์รายใหม่ของ “กรุงศรี” ซึ่งการผนึกกำลังครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อนักธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะจะสามารถทำงานได้รวดเร็ว และลดต้นทุนในการทำธุรกิจอีกด้วย