เดี๋ยวนี้แอปฯ ธนาคารกลายเป็นหนึ่งในแอปฯ ที่มีความสำคัญไม่ใช่เฉพาะในเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น แต่แอปฯ ธนาคารกลายเป็นแอปฯ ที่มีการใช้งานบ่อยที่สุดไม่น้อยหน้าไปกว่าแอปฯ โซเชียลหรือแอปฯ เกมเลยโดยเฉพาะฟังก์ชั่นการโอน เติม จ่ายและการกดเงินแบบไม่ใช่บัตรที่กำลังได้รับนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อการทำธุรกรรมการเงินบนมือถือไร้ค่าธรรมเนียม ธุรกิจอย่าง e-Commerce จึงเข้าใกล้ลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม
Krungsri หนึ่งในธนาคารที่มีการให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปฯ กรุงศรี โมบาย แอปพลิเคชัน (Krungsri Mobile Application – KMA) เตรียมพัฒนาเทคโนโลยีสู่การเป็นแพลตฟอร์มการเงินในอนาคต ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้านคาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าผู้ใช้งาน KMA เพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านรายได้ในปีนี้
โดย คุณฐากร ปิยะพันธ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า ในปีที่ผ่านมาแอปฯ KMA มีจำนวนผู้ใช้งานมาอยู่ที่ 2.5 ล้านราย โดยมีปริมาณการทำธุรกรรมการเงินแตะ 1,000 ล้านรายการตลอด 1 ปีเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน 2560 ด้วยยอดธุรกรรมสูงสุดถึง 7,000 รายการต่อนาที คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 500,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
โดยฟังก์ชั่นที่มีการใช้งานมากที่สุด คือ การเช็คยอดเงินบัญชี, ดูรายการเดินบัญชีที่ผ่านมา, โอนเงิน, จ่ายบิลและเติมเงิน ขณะที่ฟังก์ชั่นการกดเงินไม่ใช้บัตร (Krungsri Cardless) มียอดธุรกรรมเกิดขึ้นราว 3 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท รวมไปถึงการบริการชำระเงินผ่าน QR Code มีมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของ Digital Lending มีผู้สมัครขอใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล Krungsri iFIN ราว 30,000 ใบสมัคร สมัครบัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ราว 3,000 ใบสมัครภายใน 1 เดือน รวมทั้งในด้านการลงทุนและบริหารความมั่งคั่ง มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ Krungsri Smart Advisor ราว 80,000 ครั้ง และมียอดการซื้อกองทุนผ่าน KMA ราว 13,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ Krungsri ยังเตรียมกลยุทธ์ไว้ในปี 2562 ถึง 3 ด้านด้วยกัน ทั้งด้านการขยายฐานลูกค้า (Acquisition) โดยเฉพาะการสมัครใช้งานทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงินผ่านเทคโนโลยี NDID และ e-KYC, ด้านการบริการ (Services) ที่ต้องทำให้ทุกธุรกรรมทางการเงินครบจบในที่เดียวแบบ One Stop Service และด้านการตลาด (Marketing) ที่จะเปลี่ยนให้ KMA เป็นแพลตฟอร์มการตลาด
โดยในด้านการขยายฐานลูกค้า (Acquisition) มีการใช้เงินลงทุนเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม KMA กว่า 800 ล้านบาท ช่วยให้การเปิดบัญชีออมทรัพย์ เปิดบัญชีกองทุนและเปิดบัญชีหุ้น สามารถทำได้ผ่านแอปฯ KMA ด้วยการสมัครและยืนยันตัวตนผ่าน Digital ID และ e-KYC ขณะที่การสมัครสินเชื่อยานยนต์และสินเชื่อบ้านผ่าน KMA จะเริ่มในช่วงไตรมาส 2 ส่วนการซื้อประกันอุบัติเหตุ การเดินทาง และสุขภาพผ่าน KMA จะเริ่มในช่วงไตรมาส 3
ด้านการบริการ (Services) โดยเฉพาะการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์จะสามารถซื้อสินค้าและชำระเงินผ่าน Facebook Pay และชำระเงินผ่าน QR Code ด้วยบัตรเครดิต VISA และ MASTERCARD รวมทั้งการใช้ QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าในต่างประเทศ
ขณะที่ด้านการตลาด (Marketing) จะมีการพัฒนาแอปฯ KMA ให้เป็น e-Marketplace หรือแพลตฟอร์มที่สามารถซื้อ-ขายสินค้าและบริการต่างๆ ได้ โดยจะเปิดให้พันธมิตรสามารถเพิ่มยอดขายด้วยการใช้พื้นที่ KMA e-Marketplace ในการเข้าถึงลูกค้าผ่านโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ขณะที่ลูกค้าผู้ใช้งาน KMA จะได้รับสิทธิพิเศษหรือส่วนลดเมื่อเลือกซื้อสินค้าและบริการต่างๆ
