การลงทุนคือการสร้างรายได้และมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน แต่การลงทุนที่ดีสำหรับคนส่วนใหญ่ย่อมต้องหมายถึงการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีตามไปด้วย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าการลงทุนแต่ละครั้งจะสามารถได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างที่คาดหวัง
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์เพื่อการลงทุนมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ น้ำมัน อสังหาฯ โอกาสการลงทุนก็มีอยู่ทั่วโลก ดังนั้น การจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใด ภูมิภาคไหน ช่วงเวลาใด ก็นับเป็นความท้าทายสำหรับนักลงทุน อีกทั้งการลงทุนในต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักลงทุนไทย เพราะข้อมูลที่นักลงทุนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ จะเป็นข้อมูลเฉพาะในประเทศ ทำให้การลงทุนในตลาดต่างประเทศมีความเสี่ยงที่มากกว่า แม้จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในประเทศก็ตาม
นั่นจึงทำให้ กรุงศรี ดึงพันธมิตรระดับโลกอย่าง แบล็คร็อค (BlackRock) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึง 7.81 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ 30 ก.ย. 63) เข้ามาร่วมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการลงทุนทั่วโลกในเชิงลึก เสริมความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศได้อย่างแม่นยำ
ความร่วมมือระหว่าง กรุงศรี และ แบล็คร็อค จะเน้นไปที่การให้คำแนะนำด้านการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งศักยภาพและความรู้ลึกในตลาดประเทศไทยของกรุงศรี เมื่อผนวกกับประสบการณ์ยาวนานในการลงทุนหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีและดาต้าเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของแบล็คร็อคจะช่วยให้เข้าถึงโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า เพื่อสร้างผลตอบแทนและการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร ทำให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนนำด็อกเตอร์ด้านการวิเคราะห์มาพบกับศาสตราจารย์ด้านการลงทุน เป็นการนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาผสานกันจนก่อให้เกิดเป็นความเชี่ยวชาญหนึ่งเดียว ทั้งความเชี่ยวชาญด้านความต้องการของลูกค้า และความเชี่ยวชาญตลาดการลงทุนทั่วโลกเป็นอย่างดี ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนของกลุ่มลูกค้าเวลธ์ของกรุงศรี
นอกจากนี้ ในแง่ของการให้คำปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้ทีมงานของกรุงศรีมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมศักยภาพแพลตฟอร์มของกรุงศรีให้มีมาตรฐานระดับโลกมากขึ้น และการเสริมผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือในครั้งนี้ คือ “กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE)” ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลูกค้ากรุงศรีโดยเฉพาะ บริหารโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลาย (Tactical Asset Allocation) ปรับพอร์ตอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับความผันผวนที่ไม่สูงนัก จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ที่สามารถลงทุนระยะยาวเพื่อเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน (Core portfolio) ได้
ทั้งหมดนี้ คือความร่วมมือกันครั้งใหญ่เพื่อเสริมศักยภาพบริการด้านการให้คำปรึกษา การลงทุน และการบริหารความมั่งคั่งของกรุงศรี เพื่อขยายโอกาสในการลงทุนทั่วโลกอย่างไร้ขีดจำกัดให้กับลูกค้ากรุงศรีนั่นเอง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/38L6zkS