ต้องยอมรับว่า “เวียดนาม” ในเวลานี้เป็นประเทศที่ “เนื้อหอม” มากที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน สามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติให้หลั่งไหลเข้าประเทศได้เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นรวมไปถึง “ธนาคารกสิกรไทย” ที่เข้าไปเปิดสาขาแรกในเวียดนามในช่วงปลายปี 2021 เปิดบริการ K PLUS Vietnam ในช่วงต้นปี 2022 นับจนถึงเวลานี้มีฐานลูกค้าแล้ว 600,000 คน พร้อมมุ่งหน้าสู่เป้าหมายผู้ใช้งาน 1.3 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ และ 8.4 ล้านคนในอีก 4 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนาม และเป็นธนาคารดิจิทัลในระดับภูมิภาคให้ได้
การที่จะไปถึงจุดนั้นก็จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท KBTG ซึ่งเป็น Technology Arm ที่แข็งแกร่งของธนาคารกสิกรไทย เบื้องหลังความสำเร็จของ K PLUS ที่มีผู้ใช้งานในไทยมากถึง 20 ล้านคนให้ไปช่วยพัฒนาระบบเทคโนโลยีทางการเงินและนวัตกรรมต่างๆ รองรับตลาดในเวียดนามและขยายบริการในระดับภูมิภาค นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ KBTG Vietnam เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยในนครโฮจิมินห์ นับเป็น KBTG สาขาที่ 3 ในเอเชียและสาขาที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียน หลังจากไปเปิดที่ประเทศจีนมาก่อนหน้านี้
เศรษฐกิจขยายตัวก้าวกระโดด
เหตุผลที่ “เวียดนาม” สามารถดึงดูดการลงทุนมาได้จากทั่วโลกเป็นเพราะเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเวียดนามมี GDP เติบโตมากกว่า 8% เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมานับเป็นการขยายตัวของ GDP ที่เร็วที่สุดในรอบ 25 ปี และได้รับการคาดหมายว่า GDP จะเติบโตขึ้นถึง 2 หลักกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (Newly Industrialized Country หรือ NIC) ภายในปี 2030 ยกระดับเป็นประเทศที่มีสถานะรายได้ปานกลางถึงระดับสูง และเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2045 ในขณะที่ตลาดในประเทศเวียดนามมีการเติบโตของผู้บริโภคกลุ่มหลัก โดยสัดส่วนคนชั้นกลางโตขึ้นมากถึง 36% ของประชากร 100 ล้านคนในประเทศแล้ว ขณะที่กลุ่มคนทำงานจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 71 ล้านคนภายในปี 2030 ด้วย
คุณขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า “เวียดนามมีการทำข้อตกลง FTA ถึง 15 ฉบับกับหลายประเทศที่มีสัดส่วน GDP รวมกันแล้วมากถึง 60% ของโลก ขณะที่มูลค่าการค้ารวมกันมากถึง 2 ใน 3 ของโลก นอกจากนี้วิสัยทัศน์ของรัฐบาลเวียดนามในการการเปลี่ยนผ่านเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามก็จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมธนาคารให้เติบโตด้วย”
หากมองเฉพาะการเติบโตของอุตสาหกรรมธนาคารในเวียดนามแล้ว นับเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกด้วยนั่นจึงเป็นเหตุผลให้ธนาคารกสิกรไทยเข้ามาเปิดสาขาในเวียดนามเพิ่มอีกสาขา หลังจากไปเปิดสาขาในลาว กัมพูชา อินโดนีเซียมาแล้ว และการที่จะก้าวไปเป็นธนาคารดิจิทัลในระดับภูมิภาคได้ตามเป้าหมาย จึงต้องมีพลังสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก KBTG และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ทรัพยากรบุคคล” ที่จะมาพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้
เวียดนามกับ Workforce คุณภาพ
การที่ KBTG จะสนับสนุนด้านเทคโนโลยีผลักดันธนาคารกสิกรไทยสู่ธนาคารระดับภูมิภาค และก้าวไปสู่เป้าหมาย “บริษัทเทคโนโลยีระดับท็อปของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ได้นั่นจำเป็นต้องมีทรัพยากรบุคคลด้านเทคโนโลยีอย่างเพียงพอ ดังนั้นในแง่ของ Workforce ประเทศเวียดนามนับเป็นโอกาสของ KBTG ที่จะหา Tech Talent มาร่วมงานเพื่อแก้ปัญหา Talent War ในไทย โดยหากนับสัดส่วนประชากรวัยทำงาน (15-64 ปี) แล้วประเทศเวียดนามมีสัดส่วนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 71 ล้านคนในปี 2030 เป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชียและที่สำคัญคนกลุ่มนี้มากถึง 69% ไม่มีบัญชีธนาคาร เทียบกับไทยแล้วตัวเลขประชากรวัยทำงานนั้นกลับลดลงอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าในปี 2030 จะลดลงไปอยู่ในหลัก 45 ล้านคน
นอกจากนี้หากนับบุคลากรที่จบการศึกษาสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) แล้ว เวียดนามเป็นประเทศที่มีบุคลากรจบด้านนี้เป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน และหากเปรียบเทียบกับประเทศไทยเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมาเวียดนามมีคนจบการศึกษาในกลุ่มนี้มากถึง 22.3 ล้านคน เทียบกับไทยที่มีเพียง 19.6 ล้านคนเท่านั้น ซึ่ง KBTG เองก็คาดการณ์ว่า จะมีจำนวนบุคลากรที่ต้องเข้ามาเสริมทีมเพิ่มขึ้นกว่า 500 ตำแหน่งในอีก 3 ปีข้างหน้า และจะก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยี ระดับภูมิภาค (Regional Tech Company) ภายในปี 2025 ด้วย
คุณวรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ยืนยันว่าการที่ KBTG มีฐานทัพและบุคลากรมากฝีมือทั้งในประเทศไทยประเทศจีนและประเทศเวียดนามจะช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของทั้ง 3 ประเทศ สามารถดึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญในแต่ละส่วนมาประกอบกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคนิค รวมถึงทักษะด้านต่างๆ ที่สำคัญเช่น AI, Blockchain, Supply Chain, Coding Methodology ของ KBTG ให้ก้าวหน้าอย่างอย่างรวดเร็วสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบให้กับลูกค้าทั้งในไทย เวียดนาม และประเทศอื่น ๆ ทั่วภูมิภาคได้
ขณะที่คุณเรืองโรจน์ พูนผล Group Chairman KBTB ยืนยันว่าเวียดนามกำลังจะเติบโตแบบก้าวกระโดดในลักษณะ digital leapfrog ที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดดลักษณะเดียวกับประเทศจีนเมื่อ 10 ปีก่อน และจะเกิดปรากฎการณ์ “เต่าทะเล” หรือ Reverse Brain Drain หรือสมองไหลย้อนกลับ Tech Talent กลับสู่ประเทศ และในช่วงเวลาที่โลกจะก้าวจาก Mobile First ไปสู่ AI First ก็จะทำให้อุตสาหกรรมต้องการบุคคลากรสายนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
KBTG สู่บริษัทเทคฯระดับท็อปในเวียดนาม
การที่ KBTG ที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเวียดนามในปี 2025 และก้าวสู่บริษัทชั้นนำระดับภูมิภาคได้นั้น KBTG ต้องวางกลยุทธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้นภายในปี 2023 นี้ KBTG Vietnam ตั้งเป้าสรรหาบุคลากรไอทีกลุ่มแรกจำนวน 200 คนให้ได้เพื่อเข้ามาพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ธนาคารกสิกรไทย โดยเฉพาะบริการ Flagship อย่าง K PLUS Vietnam ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 600,000 คน และตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานเป็น 1.3 ล้านคนภายในปีนี้ ขณะที่ระยะยาวตั้งเป้าจะดึงคนเข้ามาทำงานให้ได้ 300 คนในปี 2024 และให้ได้ 500 คนในปี 2025
ด้านนายธนุสศักดิ์ ธัญญสิริ Managing Director บริษัท KBTG Vietnam เล่าว่า KBTG Vietnam มีกลยุทธ์ในการก้าวสู่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและส่งมอบผลิตภัณฑ์ต่างๆด้วยหลักการ 3S คือ Speed (รวดเร็ว) Scale (เพิ่มขนาด) Sustain (ยั่งยืน) โดยมีความสำเร็จในประเทศไทยเป็นแนวทาง และมีการนำกรณีศึกษาทั่วโลกมาประยุกต์ใช้
- Speed คือการสร้างองค์กรที่มีความยืดหยุ่นในการทำงานและนำเทคโนโลยี AI อย่างเช่น GitHub CoPilot เทคโนโลยีที่ถูกใช้ทั่วโลก มาใช้เพิ่มความรวดเร็วในการทำงานช่วยให้การเขียนโค้ดทำได้เร็วขึ้น สามารถสร้างเทคโนโลยีรองรับความต้องการของตลาดให้ได้เร็วและทันเวลา
- Scale คือการทำงานร่วมกับ Partner รวมไปถึงมหาวิทยาลัยเพื่อดึง Tech Talent เข้าสู่บริษัทให้ได้ตามเป้าหมาย 500 คนในปี 2025 และมีการเปิด KBTG สาขากรุงฮานอย ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่จะเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงขยายความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
- Sustain ก็คือการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งในแง่สิ่งแวดล้อมด้วยแนวทาง Carbon Credits, การพัฒนาเทคโนโลยี EV และพลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนา Deep Tech โดยเตรียมตั้ง KBTG Vietnam’s Labs เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อยอดธุรกิจ และเรื่องนี้รวมไปถึงความสัมพันธ์ของบริษัทและพนักงาน เปิดโอกาสให้สร้างเส้นทางอาชีพให้กับตัวเอง และการสร้าง Tech Talent คนรุ่นใหม่ด้วยการให้ทุนการศึกษา ให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นต้น
รุกตลาดเวียดนามด้วยคนเวียดนาม
คุณชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เล่าว่า การที่ธนาคารจากประเทศไทยจะเข้าไปชนะใจลูกค้าชาวเวียดนามได้นั้นจำเป็นต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าท้องถิ่นให้มากที่สุด แม้ผลิตภัณฑ์ K PLUS จะเหมือนกัน แต่รูปร่างหน้าตาของ User Interface จะต้องถูกจริตคนเวียดนาม ผลิตภัณฑ์ก็ต้องตรงความต้องการของชาวเวียดนามเช่น Digital Lending ที่ออกแบบมาเพื่อพ่อค้าแม่ค้าชาวเวียดนามโดยเฉพาะ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้พนักงานของ KBTG Vietnam จำนวน 97 คนจาก 100 คนในเวลานี้เป็นชาวเวียดนาม
อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยสร้าง Impact ในการสร้างความเติบโตก็คือวัฒนธรรมของชาวเวียดนามที่ไม่ได้แตกต่างจากไทยมากนัก ขณะที่วัฒนธรรมการทำงานของชาวเวียดนามจากประสบการขยายตลาดเข้าไปสู่เวียดนามของธนาคารกสิกรไทยพบว่าชาวเวียดนามเป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้พร้อมที่จะ reskill และสามารถ reskill ได้ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ยังเป็นคนกล้าแสดงออก พูดตรง และเป็นคนที่ทำงานเสร็จตรงตามเวลาที่ได้ให้สัญญาเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของบริษัทสูงมากด้วย
Online Marketing เจาะลูกค้าเวียดนาม
คุณชัช เล่าว่า ธนาคารกสิกรไทยเข้ามารุกตลาดเวียดนามได้แบบถูกจังหวะเวลา เพราะเข้ามาพร้อมกับที่รัฐบาลเวียดนามออกข้อกำหนด E-KYC ในการเปิดบัญชีหรือทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์พอดิบพอดี การเปิดบัญชีธนาคารในเวียดนามเวลานี้สามารถทำได้ผ่านโทรศัพท์มือถือได้เลยนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มีผู้ใช้งานมากถึง 600,000 คนในเวลาเพียงแค่ปีเศษ ๆ เท่านั้น
สำหรับกลยุทธ์ในการเพิ่มฐานลูกค้าเพื่อเดินสู่เป้าหมายลูกค้า 1.3 ล้านรายในปีนี้จะใช้กลยุทธ์ Online Marketing เป็นหลัก เนื่องจากพฤติกรรมของคนเวียดนามเป็นกลุ่มลูกค้า Digital Native ที่โตมาพร้อมกับอินเตอร์เน็ตและเข้าสู่ยุคของ Mobile Banking ทันที ไม่ได้ผ่านระบบอนาล็อกหรือ Web Base แบบประเทศไทยมาก่อน มีไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในโลกออนไลน์ซื้อของออนไลน์เป็นจำนวนมาก และสื่อสารกันผ่านแอปพลิเคชั่นอย่าง Zalo ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทในเวียดนามเอง ซึ่ง KBTG ก็มีไอเดียที่จะทำบริการลักษณะเดียวกับ “ขุนทอง” ใน LINE ต่อไปด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์ส่วนหนึ่งของ KBTG ที่ตั้งเป้าเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเวียดนาม และก้าวสู่บริษัทระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีให้กับธนาคารกสิกรไทยสร้างฐานลูกค้าในเวียดนามให้เติบโตขึ้นและก้าวสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลระดับภูมิภาคด้วยเช่นกัน การก้าวสู่ตลาดเวียดนามครั้งนี้ของ KBTG เป็นอีกเครื่องยืนยันว่า “เวียดนาม” คือตลาดสำคัญที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมธนาคาร จะช่วยสร้างข้อได้เปรียบในเรื่อง Economy of Scale, Economy of Speed รวมไปถึง Economy of Scope ให้กับ KBTG และธนาคารกสิกรไทย ที่อาจจะทำให้สามารถก้าวไปสู่ธนาคารระดับโลกต่อไปในอนาคตได้