ท่ามกลางการ Disrupt ในแวดวงธุรกิจที่เกิดขึ้นมากมาย ธนาคารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่อยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลง เพื่อพาธุรกิจไปให้ได้มากกว่าการเป็นแค่ “ธนาคาร”
ธนาคารกสิกรไทย หรือเคแบงก์ ถือเป็นหนึ่งในแบงก์ไทยที่ขยับตัวเร็ว มีความเคลื่อนไหวเชิงรุกอยู่ตลอด เริ่มต้นปี 2020 มานี้ ก็ได้ประกาศยุทธศาสตร์องค์กร “A Step Ahead Forever” ขยับสถานะธนาคารที่เป็นผู้นำ“Digital Platform” ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ไปสู่การสร้าง “Business Ecosystem” ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและในระดับโลก ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของผู้คนสะดวกสบาย ทำได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ลูกค้าต้องการ
พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า เป้าหมายคือ ไปอยู่ทุกที่ที่ลูกค้าต้องการ บริการของธนาคารสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการใหม่ ๆ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กรอบการให้บริการการเงินแบบเดิมอย่างที่ธนาคารเคยทำมาอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้ง การเดินทาง ความบันเทิง และอื่น ๆ อีกมากมาย ผ่านโครงสร้างเทคโนโลยี Powered by KBank ที่เชื่อมต่อกับแพลทฟอร์มของธนาคารกับแพลทฟอร์มของพันธมิตรทางธุรกิจได้อย่างไร้รอยต่อ
ให้บริการแบบ Multi-Channels ลูกค้าได้รับ Seamless Experiences
พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ส่วนใหญ่อยู่บนออนไลน์เป็นหลัก สถิติการทำธุรกรรมการเงินก็เป็นเช่นนั้น โดย คุณพัชร บอกว่า การทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS เพิ่มขึ้นจาก 2,900 ล้านรายการในปี 2018 เป็น 8,500 ล้านรายการในปี 2019 ขณะที่การทำธุรกรรมผ่านสาขาลดลง จากเดิม 160 ล้านรายการในปี 2018 เป็น 121 ล้านรายการในปี 2019
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้อัตราการทำธุรกรรมผ่านสาขาจะลดลง แต่ปริมาณการทำธุรกรรมก็ยังคงมีมากอยู่ เช่น การถอนเงินสดจำนวนมาก ๆ การยืนยันตัวตนเพื่อเปิดใช้ธุรกรรม เป็นต้น ดังนั้น โจทย์การให้บริการผ่านสาขาจึงเปลี่ยนไป เราต้องทำทุกแพลตฟอร์มอยู่ร่วมกันได้ในอีโคซิสเต็มส์ ต้องสร้างความหลากหลายให้เป็น Multi-Channels”
เพราะแนวคิดในการให้บริการแบบ Multi-Channels ตามที่คุณพัชร บอกว่า ธนาคารจะไปอยู่ในทุกที่ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการทางการเงิน นั่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ว่าทำไมธนาคารจึงต้องให้ความสำคัญกับมิติของงานบริการ ไม่ว่าจะทั้งสาขาหรือแอปออนไลน์ รวมถึงช่องทางใช้งานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“พาร์ทเนอร์” พลังขับเคลื่อนศักยภาพให้บริการกับลูกค้าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
นอกจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยตนเอง การสร้างโอกาสจาก “ความร่วมมือ” หรือต่อยอดจากประสบการณ์ที่พาร์ทเนอร์มีก็เป็นเรื่องสำคัญ
“Better Together” คือ ยุทธศาสตร์ที่เคแบงก์เดินหน้าร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ในธุรกิจต่างๆ โดยได้ร่วมกันพัฒนาศักยภาพการให้บริการของ แอปพลิเคชันหรืออี-วอลเลต (e-Wallet) ที่ขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างเทคโนโลยี “Powered by KBank” รวมถึงการเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชัน K PLUS ทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการของทั้งธนาคารและพันธมิตร สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น
การผนึกกำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ นอกจากเพิ่มโอกาสในการตอบโจทย์การใช้งานแก่ผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยเรียนรู้และทำความเข้าใจลูกค้า ต่อยอดสู่บริการอื่น อาทิ วิเคราะห์ความต้องการสินเชื่อและศักยภาพในการชำระคืน ก่อนส่งข้อเสนอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล สร้างรายได้ใหม่แก่ธนาคาร เป็นต้น
และนี่คือ 4 กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่เคแบงก์ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจชั้นนำและได้เปิดบริการให้ลูกค้าใช้งานได้แล้ว สร้างประสบการณ์การใช้จ่ายที่ไม่มีสะดุด ยังวางแผนขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจเดินทาง, ขนส่ง
Grab
- ร่วมกันพัฒนา GrabPay Wallet, Powered by KBank ทำให้ลูกค้าใช้จ่ายได้สะดวกและยังมีโปรโมชันต่าง ๆ เช่น ส่วนลดพิเศษ เครดิตเงินคืน และ GrabRewards
- ให้สินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับของ Grab
- ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับของ Grab
กลุ่มธุรกิจโซเซียลมีเดีย
LINE : ร่วมกับบริษัท LINE Financial จัดตั้งบริษัท กสิกรไลน์ จำกัด โดยเตรียมเปิดให้บริการสินเชื่ออย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ LINE BK ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 นี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดเล็กทั้งลูกค้าทั่วไปและผู้ประกอบการรายย่อย และจะเป็น Social Banking เต็มรูปแบบที่พร้อมให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ใช้งาน LINE กว่า 44 ล้านคน สร้างสีสันและปรากฎการณ์ในวงการการเงินของประเทศไทย
กลุ่มธุรกิจช้อปปิ้ง ออนไลน์
Central JD : สนับสนุนโครงการ Dolfin เพื่อทำให้การทำธุรกรรมการเงินอย่างการเติมเงินและการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่นทำได้อย่างสะดวก ผลักดันการขยายร้านค้า และจุดรับชำระเงิน E-payment เพื่อช่วยขยายวงจรธุรกิจการชำระเงินของ Dolfin Wallet ให้ครบสมบูรณ์ และมีแผนทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านช่องทาง Dolfin Application อีกด้วย
JD Central : เชื่อมต่อกัน JD Central และ K PLUS สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้ช้อปปิ้งออนไลน์แบบไร้รอยต่อผ่านเมนู K+ Market บน K PLUS นำเสนอสินค้าดีมีคุณภาพ การันตีของแท้ บริการส่งถึงมือแบบทันใจภายใน 24 ชม. โดยสามารถเลือกชำระค่าสินค้าด้วยบัญชีใน K PLUS หรือคะแนนสะสมของบัตรเครดิตกสิกรไทยได้
Lazada : เสนอสินเชื่อเงินด่วนเพื่อธุรกิจออนไลน์ ให้ผู้ขายสินค้าเข้าถึงเงินกู้ง่ายขึ้น โดยเริ่มต้นขอสินเชื่อที่แอป Lazada Seller Center ซึ่งเป็นแอปที่ผู้ขายใช้อยู่เป็นประจำ กดปุ่มเงินกู้แล้วรู้ผลอนุมัติไว 1 นาที และรับเงินที่แอป K PLUS ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ต้องยื่นเอกสาร และฟรีค่าธรรมเนียม
Shopee
- เสนอสินเชื่อเงินด่วน (Xpress Loan) เพื่อร้านค้า Shopee ไม่ต้องยื่นเอกสาร ไม่ต้องมีหลักประกัน ให้ร้านค้าบน Shopee ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS
- เสนอโซลูชั่นผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบครบวงจรผ่าน MADHUB ให้กับร้านค้าออนไลน์บน Shopee ที่ต้องการขยายโอกาสให้กับธุรกิจด้วยหลากหลายวิธีการ ทั้งองค์ความรู้สำคัญในการประกอบธุรกิจออนไลน์ คำแนะนำ หลักสูตร และดีลพิเศษที่จะเป็นการส่งเสริมให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้ทำธุรกิจอย่างมืออาชีพได้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ รวมถึงการมอบโปรโมชันพิเศษให้ลูกค้าที่ช้อปบนช้อปปี้และจ่ายด้วยบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย
กลุ่มธุรกิจเดินทางและท่องเที่ยว
OR : ร่วมพัฒนาแอป Blue CONNECT เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าและบริการ ณ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้านค้าปลีกในเครือโออาร์
YouTech : ร่วมกัน YouTech ผู้นำด้าน Multi-Currency Travel Wallet จากสิงคโปร์ เปิดตัว YouTrip บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลรองรับหลายสกุลเพื่อการเดินทาง (Multi-Currency Travel Wallet) เพื่อให้นักเดินทางสามารถใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศได้ด้วยเรทที่ดีกว่า โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ และสามารถใช้จ่ายได้มากกว่า 150 สกุลเงิน และสามารถทำงานร่วมกับ K PLUS ได้อย่างสมบูรณ์ กดสมัครง่ายเพราะเชื่อมต่อข้อมูลนำเข้าจาก K PLUS