“Purpose Driven” กลายมาเป็นแกนหลักของขับเคลื่อนธุรกิจในทุกวันนี้ ซึ่งประกอบด้วย 3Ps คือ Profit, People, Planet นั่นหมายความว่าองค์กร หรือแบรนด์หนึ่ง ๆ จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่มองเพียง “มิติผลประกอบการ” อย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ต้องให้ความสำคัญกับ “มิติสังคม” และ “มิติสิ่งแวดล้อม” ด้วยเช่นกัน เพื่อในที่สุดแล้วจะทำให้องค์กร หรือแบรนด์นั้น ๆ สามารถสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ใน 4 ผู้ถือหุ้น หลัก คือ Customer Engagement – Partnership Engagement – Social Engagement – Employee Engagement
หนึ่งในองค์กรของประเทศไทยที่มี Corporate Purpose ที่แข็งแกร่ง คือ “ธนาคารกสิกรไทย” (KBank) ที่ต้องการเป็น “ธนาคารแห่งความยั่งยืน” (Bank of Sustainability) มุ่งตอบโจทย์ความยั่งยืนใน 3 มิติ คือ สิ่งแวดล้อม, เศรษฐกิจ และการสร้างองค์ความรู้ทางการเงิน, สังคม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งลูกค้า – พันธมิตร – สังคม และพนักงาน
ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อน Corporate Purpose ให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม “ธนาคารกสิกรไทย” จึงได้ปรับโฉมใหม่ “สาขาสยามสแควร์” หนึ่งในสัญลักษณ์ของย่านสยามสแควร์มาเป็นเวลากว่า 5 ทศวรรษแล้ว ด้วยการพัฒนาสาขาแห่งนี้ให้เป็น “Sustainable Building” ที่จะเป็นอาคารต้นแบบของการผสานระหว่าง “การอนุรักษ์ทรัพยากร – สิ่งแวดล้อม” และ “เทคโนโลยี” เข้าด้วยกัน
โดยไม่เพียงแต่เป็นจิ๊กซอว์ไปสู่จุดหมายการเป็น “Sustainable Banking” ขณะเดียวกันดีไซน์ใหม่ “กสิกรไทย สาขาสยามสแควร์” ยังเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาส่วนพื้นที่พาณิชย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 385 ไร่ที่อยู่ในความดูแลของ “สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” (PMCU) ให้เป็น “Chula Smart City” ที่ประกอบด้วย 4 แกน คือ Smart Mobility, Smart Energy, Smart Environment และ Smart Living พร้อมทั้งทำให้ย่านนี้เป็น Walking Shopping Street
จับมือ “คณะสถาปัตย์ – คณะวิศวะ จุฬาฯ” เปิดเวทีให้ “คนรุ่นใหม่” แสดงพลังไอเดีย-ความคิดสร้างสรรค์
ความพิเศษ และความน่าสนใจของการออกแบบธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ครั้งนี้ คือ “ธนาคารกสิกรไทย” ได้ผนึกกำลังกับ “คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์” และ “คณะวิศวกรรมศาสตร์” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประกวดโครงการ “Sustainable Building : The Right Cycle Living Design Contest”
แต่ละทีมที่ร่วมประกวดครั้งนี้ ประกอบด้วยนิสิตจากทั้งสองคณะทำงานร่วมกัน โดยนำเอาองค์ความรู้จากที่เรียนมา ผสานกับความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาออกมาเป็นผลงานการออกแบบทั้งด้านสถาปัตยกรรม และด้านวิศวกรรม ภายใต้โจทย์ของธนาคารใน 3 มิติ คือ
- “สิ่งแวดล้อม” (Environment) พัฒนาสาขาสยามสแควร์ให้เป็นแลนด์มาร์คของ Green Building – Zero Waste Management เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy
- “เศรษฐกิจ” (Economic) นำเสนอประสบการณ์นวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ และสร้างองค์ความรู้ด้านการเงินให้กับประชาชน
- “สังคม” (Society) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน – ประชาชน
โดยทาง “ธนาคารกสิกรไทย” จะนำผลงานของนิสิตไปประยุกต์ในการออกแบบ – ปรับปรุงสาขากสิกรไทย สยามสแควร์ เพื่อให้อาคารนี้เป็นแลนด์มาร์คของย่านสยามสแควร์ และเป็นต้นแบบของ Sustainable Building
“ธนาคารกสิกรไทย มุ่งมั่นในการตอบโจทย์การให้บริการกับลูกค้า ทั้งในชีวิตส่วนตัว และชีวิตการทำธุรกิจ ภายใต้ปณิธานสำคัญคือ เป็น “ธนาคารแห่งความยั่งยืน” นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกสิกรไทยมีเจตนารมย์เดียวกัน คือ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคม และประเทศชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืน
คำว่า “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ต้องครอบคลุมในความสมดุลทั้งมิติเศรษฐกิจ, สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยผ่านการให้บริการ (Service) – การเรียนรู้ (Education) – การมีส่วนร่วม (Engagement) – การลงมือทำ (Practice) ดังนั้นการเป็นพันธมิตรร่วมกัน เรามีเป้าหมายที่จะทำให้สาขาสยามสแควร์เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ และแลนด์มาร์คในย่านนี้ ของกรุงเทพฯ และที่สำคัญที่สุดเป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน” คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึง Purpose ขององค์กร
ทางด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์เสก สวัสดี หัวหน้าภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขยายความเพิ่มเติมถึงโครงการประกวดในครั้งนี้ว่า การที่นิสิตได้ออกแบบในโครงการจริง จะทำให้นิสิตมีประสบการณ์จริง เข้าใจ และตระหนักถึงการออกแบบที่ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของโครงการ
ขณะเดียวกันเมื่อมีการแข่งขันเข้ามา แต่การแข่งขันนั้นจะช่วยทำให้เกิดความตั้งใจในการทำงาน และทำให้งานยกระดับมาตรฐานจากเดิมสูงขึ้น อีกทั้งนิสิตได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับองค์กรระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกสิกรไทย หรือพันธมิตรที่มาร่วมในครั้งนี้ ย่อมทำให้นิสิตมีความรู้กว้างขึ้นกว่าการเรียนในห้องเรียน และสิ่งเหล่านี้จะส่งผลดีต่อการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
“การเรียนในห้องเรียนกับการลงมือปฏิบัติจริงนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นโครงการประกวดของกสิกรไทยถือเป็นการช่วยเปิดโลกให้นิสิตเห็นว่าโลกความเป็นจริงเป็นอย่างไร ทั้งการทำงานเป็นทีมที่ต้องร่วมกันระหว่างวิศวะ และสถาปัตย์ ร่วมกันค้นคว้า วิเคราะห์ ปรึกษาหารือกัน
ทำให้นิสิตได้ประสบการณ์ว่าการออกแบบ และสร้าง Sustainable Building ขึ้นมาสักตึกหนึ่ง ทุกระบบต้องทำงานสอดคล้อง และสนับสนุนกัน ถึงจะได้งานที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันวัสดุที่ใช้ทุกอย่างต้องสอดประสานกลมกลืนกัน และสำคัญมากคือ การทำงานเป็น Teamwork” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัฒนชัย สมิทธากร รองหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงสิ่งที่นิสิตจะได้รับจากการประกวดครั้งนี้
เป็นมากกว่า “สาขาแบงก์” แต่คือแลนด์มาร์คที่ใครๆ ก็อยากมา
ถ้าพูดถึง Iconic Landmark ของกรุงเทพฯ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก หนึ่งในนั้นต้องยกให้กับ “สยามสแควร์” ด้วยจุดเด่นของการเป็นทั้ง “ย่าน” ขนาดใหญ่ครบวงจร ทั้งธุรกิจการค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ SME และแบรนด์ใหญ่, ศูนย์กลางด้านช้อปปิ้ง และแฟชั่น, แหล่งอัพเดทเทรนด์เทคโนโลยี และศูนย์รวมด้านการศึกษา
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี กี่ทศวรรษ “สยามสแควร์” ยังคงเป็น Destination ทั้งของคนไทย และคนต่างประเทศที่มาเยือนเมืองไทยต้องแวะมาเสมอ
เช่นเดียวกับ “ธนาคารกสิกรไทย” ที่อยู่กับย่านสยามสแควร์มากว่า 50 ปี จนกลายเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของสถานที่ใจกลางมหานครแห่งนี้ไปแล้ว
“ธนาคารกสิกรไทยมีสาขาอยู่ที่สยามสแควร์มากว่า 50 ปีแล้ว เรารู้สึกผูกพันกับพื้นที่แห่งนี้ และเป็นโอกาสดีที่ “สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ต้องการพัฒนาสยามสแควร์ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ว่าด้วย Learning, Living, Lifestyle
เราจึงอยากปรับปรุงสาขานี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ Community และเป็นตึกที่ช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน ด้วยการออกแบบทั้งงานสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม พร้อมทั้งผสานกับนวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้ามา ทำให้สาขานี้เป็น Sustainable Building” คุณขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เล่าถึงการรีโนเวทสาขาสยามสแควร์
โฉมใหม่ของธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ คาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม 2564 โดยสาขานี้ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก คือ
- “บริการทางการเงิน” และ “การส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน” ให้กับประชาชน
- “พื้นที่ใช้สอยร่วมกัน” เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เปิดให้กับทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้
- “พันธมิตร” ทั้งบริษัทในเครือกสิกรไทย และพันธมิตรข้างนอกในการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ร่วมกับอาคารนี้ เพื่อให้บริการกับประชาชน
- “คอนเซ็ปต์ด้านสิ่งแวดล้อม” เช่น อาคารประหยัดพลังงาน และ Zero Waste ทั้งตึก
“ในต่างประเทศ เราจะเห็นอาคารต่าง ๆ ออกแบบได้สวยงามมาก และเป็นแลนด์มาร์คที่ใคร ๆ ก็อยากมาดู อยากมาถ่ายรูป ไม่ว่าจะเข้าไปดูข้างในตึกว่าเป็นอย่างไร หรือถ่ายรูปด้านนอก เพราะฉะนั้นเรากำลังพัฒนาธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์เป็นแลนด์มาร์คที่ใครเห็นก็อยากเข้ามาสัมผัสข้างใน อยากถ่ายรูป
การจะเป็นเช่นนั้นได้ ต้องออกแบบภูมิสถาปัตย์ให้สวยงามทั้งภายนอก – ภายในที่คล่องตัว เพื่อปรับเปลี่ยนได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ขณะเดียวกันต้องมีระบบวิศวกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานกับหลัก Sustainability และ Technology เพื่อให้อยู่ร่วมกับ Community โดยรอบได้อย่างลงตัว”
จะเห็นได้ว่าในขณะที่ปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัล ใคร ๆ อาจมองว่าความสำคัญของ “สาขา” ของธนาคารจะลดลง เพราะการเข้ามาของการใช้ Mobile Banking ต่าง ๆ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว “สาขา” ไม่ได้ถูกลดความสำคัญลง หากแต่ปรับบทบาทไปสู่การเป็น Touch Point ในการสร้างแบรนด์ดิ้ง และสร้าง “ประสบการณ์” ให้กับผู้บริโภค ควบคู่กับการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำ “ผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน – การลงทุน” ที่มีความซับซ้อน และอีกหนึ่งบทบาทที่ขาดไม่ได้ คือ การเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้าน “การเงินการลงทุน” ให้กับประชาชน
เพราะฉะนั้นไม่ว่าโลกใบนี้จะ Go Digital อย่างไร ? แต่บทบาทของ “Physical” ยังคงความสำคัญเสมอ ยิ่งต่อไปเมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น ทั้งแพลตฟอร์ม Digital และ Physical จะถูกผสานเชื่อมเข้าหากัน เพื่อไปสู่การเป็น Omni-channel ที่ทั้งสองแพลตฟอร์มต้องสร้าง Seamless Experience ให้กับผู้บริโภค
เผยโฉมแนวคิด และดีไซน์ของ 3 ทีมผู้ชนะ
สำหรับผลการประกวดโครงการ “Sustainable Building : The Right Cycle Living Design Contest” ในที่สุดได้ 3 ทีมที่คว้ารางวัล ได้แก่
“K Move” ชนะรางวัลด้านการออกแบบและงานโครงสร้างระดับทีม
ออกแบบภายใต้แนวคิด “Move : Green Grow, Flow Forward Together for Sustainability” ที่ผสานธนาคารกสิกรไทย เข้ากับสยามสแควร์ เพื่อให้สร้าง 3 คุณค่าหลักให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ และชุมชนโดยรอบ คือ Economic, Social และ Environment
การออกแบบทั้งภายนอก และภายในอาคาร ประกอบด้วย
- Public Park พื้นที่เปิดโล่งที่เชื่อมโยง Community และผู้คน ทั้งอาคารของธนาคารกสิกรไทย และอาคารรอบข้าง ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมพื้นที่ธรรมชาติให้กับผู้ใช้งานอาคาร และส่งเสริมภาพลักษณ์ของพื้นที่รอบข้าง
- Retail Platform เข้าถึงบริการทางการเงินได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
- Retail Showcase พื้นที่นำเสนอตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ
- Retail โซนให้บริการทางการเงิน ที่มีพนักงานให้บริการ
- K-Workshop พื้นที่สำหรับจัด Meeting สำหรับประชุม/สัมมนา เพื่อให้ความรู้ด้านการเงินการลงทุน พร้อมทั้งมีบริการผ่านทาง PodKast
- K-Yard พื้นที่ Market ขนาดเล็กของกลุ่มธุรกิจ SME
- K-Roof พื้นที่สีเขียวอยู่ด้านบนอาคาร
“เราอยากให้กสิกรไทยเป็นมากกว่าธนาคาร ดังนั้นคำว่า Move หมายถึงการก้าวเดินไปข้างหน้า และความก้าวหน้าในอนาคตที่สะท้อนว่าธนาคารกสิกรไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค จึงออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานจริงว่าในสยามสแควร์ยังขาดอะไร และการผสมผสานเข้ากับสังคม – สิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้โจทย์ด้าน Sustainability ของธนาคารกสิกรไทยที่มีทั้งมิติเศรษฐกิจ – สร้างความรู้ด้านการเงิน, มิติสังคม และมิติสิ่งแวดล้อมเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น” ทีม K Move เล่าถึงเบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงาน
“KLOUD” ชนะรางวัลด้านออกแบบสร้างสรรค์ระดับทีม
ออกแบบภายใต้แนวคิด “The Future of New Business/Building Ecology for Sustainable Growing” ที่สนับสนุนผู้คน และทุกธุรกิจ ทั้งในด้าน Live, Work, Learn, Play
ภายในโครงการประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ
- KLOUD Space เป็นพื้นที่ Public Innovation Platform และเป็นส่วนเชื่อมต่อทั้งอาคาร จุดประสงค์คือ รวมพื้นที่เปิด กับ New Business เข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยพื้นที่ส่วนนี้มีเทคโนโลยีใหม่ ผสานกับพื้นที่สีเขียว เช่น มี K-Market สำหรับให้บริการด้านการเงิน โดยใช้เทคโนโลยีทางด้านภาพ เช่น Interactive VR
- KLOUD Financial Innovative Center เป็นพื้นที่รวมกันของ Financial innovation และ Learning Center เพื่อตอบสนองในการสร้าง New Banking Experience ซี่งไม่เน้นการทำธุรกรรมทางการเงินพื้นฐานที่สามารถทำได้ผ่าน K PLUS แต่เน้นให้ความรู้ และแนะนำการเงินที่ซัพพอร์ตลูกค้า ด้านการลงทุน และการพัฒนาธุรกิจ
“พวกเรามองว่าในอนาคตเมื่อพื้นที่มีอยู่อย่างจำกัด และน้อยลงเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง ต่อไปอาคารจะเป็น Public Space โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัว merge ธุรกิจ กับพื้นที่อาคารเข้าด้วยกัน ทำให้รีเทลมีขนาดเล็กลง ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านค้าขนาดใหญ่เสมอไป แต่สามารถออกแบบเป็นร้านค้าขนาดเล็ก เช่น รูปแบบ Kiosk พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการระบบต่าง ๆ ภายในร้าน และให้บริการลูกค้า ซึ่งโมเดลการพัฒนาอาคารให้เป็น Public Space ในย่านสยามสแควร์ จะช่วยผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก ได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ในย่านนี้ได้เช่นกัน” ทีม KLOUD เล่าแนวคิดการพัฒนาพื้นที่อาคารให้เป็น Public Space
“Kommunity” ชนะรางวัลด้านโครงสร้างสร้างสรรค์ระดับทีม
ออกแบบภายใต้แนวคิด “Bank of Time ลงทุนการเรียนรู้ การใส่ใจชีวิต และเพิ่มมูลค่าให้กับเวลา”
พื้นที่ภายนอก และภายในประกอบด้วย
- K Park พื้นที่ให้ผู้คนได้เข้ามาพักผ่อน และทำกิจกรรมภายในโซนนี้
- K Smart ฝาก ถอน โอน จ่าย กดบัญชี ทำธุรกรรมการเงินได้ในตู้ ๆ เดียว
- K Counter มีพนักงานคอยตอบคำถามในการทำธุรกรรม
- Time Space พื้นที่แห่งการเรียนรู้ อยู่ติดกับสวน ภายในมีหนังสือต่าง ๆ
- Auditorium พื้นที่ที่ทำให้ผู้ใช้งานได้มองเห็นกิจกรรมจากทั้งสวน และส่วนของสยามสแควร์
- Kommunity App แอปพลิเคชันที่ออกแบบมาให้ใช้ควบคู่กับการเข้ามาใช้สถานที่แห่งนี้ และสามารถใช้แลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ
“ด้วยความที่พวกเราเติบโตมากับสยามสแควร์ และใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ จึงอยากทำให้พื้นที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่พักเบรค และทำให้คนได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ที่กสิกรไทยจะมอบให้ เพราะเรามองว่านอกจากกสิกรไทยเป็นสถาบันการเงินแล้ว ยังเป็นแหล่งความรู้ด้านธุรกิจ การเงินการลงทุนอีกด้วย
การประกวดโครงการของกสิกรไทยในครั้งนี้ ทำให้พวกเราฝึกการทำงานร่วมกัน เนื่องจากเป็นการรวมทีมกันระหว่างเพื่อนที่อยู่คณะสถาปัตย์ และคณะวิศวะเข้าด้วยกัน ทำให้ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง และองค์ความรู้ในสายอาชีพ รวมทั้งได้ศึกษามุมมองของผู้ใช้งานจริง ๆ” ทีม Kommunity บอกเล่าความรู้สึกของการเข้าร่วมประกวด
การปรับปรุงธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความเป็น Bank of Sustainability ให้เด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น แต่เชื่อว่ากสิกรไทยสาขานี้ จะเป็นทั้ง Iconic ของย่านสยามสแควร์ และอาคารแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน