ศิลปะ ศาสตร์วิชาที่มีมายาวนานหากจะเรียกว่ายากก็แสนยากสุดหยั่งถึง หากจะเรียกว่าง่ายก็ง่ายจนถึงแก่นแห่งศาสตร์นี้ และเป็นที่ทราบกันว่าศิลปะมีมูลค่าในตัว ไม่ว่าจะเป็นศิลปะแขนงใดก็ตาม อาทิ ภาพวาด ดนตรี ภาพถ่าย ภาพยนตร์ ซึ่งศิลปะไม่มีต้นทุนที่ตายตัวทำให้ยากต่อการประเมินมูลค่า ยิ่งในโลกดิจิทัลที่การทำซ้ำกลายเป็นเรื่องง่าย แถมมีความเหมือนใกล้เคียงของแท้เกือบ 100%
นอกจากนี้หากไม่ใช่งานศิลปะที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โอกาสที่ศิลปะนั้นๆ จะมีมูลค่าหรือมีตลาดรองรับก็คงเป็นไปได้ยาก ซึ่งศิลปะแขนงต่างๆ ในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียต่างมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เพราะไม่มีตลาดหรือผู้เชี่ยวชาญในการประเมินมูลค่าของผลงาน ส่งผลให้ศิลปะเหล่านั้นไม่เป็นที่รู้จักและไม่สามารถสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้ ยังดีที่ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม NFT แหล่งสำหรับการค้าขายงานศิลปะผ่านรูปแบบดิจิทัล
แต่รู้หรือไม่ว่าแพลตฟอร์ม NFT ที่มีในปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้เงินดิจิทัลในการซื้อขายงานศิลปะ นั่นหมายความว่าผู้ที่สนใจต้องการซื้อขายงานศิลปะผ่านแพลตฟอร์ม NFT อย่างแรกคือต้องเปลี่ยนเงินปกติที่ถืออยู่ในมือให้กลายเป็นเงินสกุลดิจิทัลก่อน ถึงจะสามารถทำการซื้อขายงานศิลปะได้ซึ่งนั่นเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก ยังไม่นับรวมถึงขั้นตอนการซื้อขายในแพลตฟอร์ม NFT ที่ถือเป็นของใหม่สำหรับใครหลายๆ คน
ทำไมต้องใช้ Coral แพลตฟอร์ม NFT สัญชาติไทย
อย่างที่บอกไปแล้วว่า แพลตฟอร์ม NFT ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจำเป็นต้องใช้เงินดิจิทัลในการซื้อขายงานศิลปะ นั่นจึงทำให้ KASIKORN X หรือ KX บริษัทในเครือ KBTG เปิดตัวแพลตฟอร์ม NFT Marketplace สัญชาติไทยแท้ภายใต้ชื่อ “Coral” ซึ่งจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาข้อติดขัดในการซื้อขายงานศิลปะผ่านแพลตฟอร์ม NFT ช่วยให้การซื้อขายงานศิลปะกลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นไปอีก
ด้วยจุดเด่นหลักๆ ที่ Coral ได้รับการออกแบบให้มีรูปแบบการซื้อขายเหมือนแพลตฟอร์ม Shopping Online ทั่วไป และอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญ คือ สามารถซื้อขายงานศิลปะด้วยเงินสกุลปกติที่มีใช้กันทั่วโลก อย่างเงินบาท เงินปอนด์ เงินเยนหรือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาไปแลกเป็นเงินดิจิทัล และเพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกคิดค้นพัฒนาขึ้นโดย KX ที่มีการใช้เทคโนโลยีเดียวกับธนาคาร ช่วยให้การซื้อขายมั่นใจได้พร้อมระบบการยืนยันตัวตนที่ชัดเจน
นอกจาก Coral จะช่วยให้งานศิลปะสามารถซื้อขายได้ง่ายแล้ว ยังมีส่วนในการช่วยพัฒนาศิลปินและแบรนด์ให้สามารถก้าวเข้าสู่เวทีโลก และยังช่วยพัฒนาต่อยอดในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ของไทยให้เป็นที่รู้จักของนานาชาติ โดยปัจจุบันมีศิลปินไทยที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Coral แล้วถึง 9 ราย และยังคงเปิดรับศิลปินและพาร์ทเนอร์เพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
กว่าจะเป็น Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นมาจากแนวคิดการพัฒนา Startup ไทยให้ก้าวไกลในเวทีโลก โดยถือเป็นวิสัยทัศน์หลักของ KBTG (KASIKORN Business – Technology Group) จัดตั้งบริษัท KASIKORN X หรือ KX ในปี 2018 เพื่อทำหน้าที่เป็น Venture Builder เสมือนโรงงานที่ผลิต Startup ใหม่ๆ อย่างอิสระโดยไม่มีข้อผูกมัดกับธนาคาร ซึ่งมีเป้าหมายในการผลิตธุรกิจด้าน Decentralized Finance and Beyond
โดยเฉพาะระบบการเงินแบบกระจายอำนาจผ่านบล็อกเชน (Blockchain) ที่ทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบได้ สามารถทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน ภารกิจหลักของ KX จึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในโลกที่ปราศจากความน่าเชื่อถือ (Building Trust in the Trustless World) โดย KX จะใช้วิธีการบ่มเพาะไอเดียใหม่ๆ (Incubate) ขยายผล (Scale) และแยกตัวธุรกิจออกไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ (Spin-off) เมื่อเห็นทิศทางและโอกาสทางธุรกิจที่ชัดเจนแล้ว
ที่ผ่านมา KX ได้จัดตั้งบริษัทใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาแล้วคือ Kubix ที่ดำเนินธุรกิจ ICO Portal แพลตฟอร์มสำหรับการลงทุนเงินดิจิทัล ซึ่ง Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้กับ KX ที่พัฒนาขึ้นจากความเข้าใจปัญหาของนักสะสม ศิลปินและแบรนด์ และพร้อมที่จะสนับสนุนศิลปินไทยและเอเชียให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ประเดิมความร่วมมือกับสยามพิวรรธน์
นอกจากการพัฒนา Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace แล้ว KX ยังได้ร่วมกับพันธมิตรรายแรกอย่าง สยามพิวรรธน์ ในการศึกษาโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีทั้งในด้านออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งได้ร่วมสร้างคอมมูนิตี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้คนจากทุกมุมโลก การได้ร่วมก่อตั้ง Coral แพลตฟอร์ม NFT เป็นการตอกย้ำจุดยืนในการสนับสนุนศิลปิน และกิจกรรมที่แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ในทุกรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “Co-creation” และ “Creating Shared Value”
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้ร่วมกับศิลปินไทยและศิลปินระดับโลกในการสร้างสรรค์ผลงานและแรงบันดาลใจ รวมถึงเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา ได้มาใช้พื้นที่ในทุกโครงการ สร้างผลงานให้เกิดประโยชน์ โดยได้เปิดพื้นที่ของสยามพารากอนและไอคอนสยาม เพื่อจัด NFT Innovation Digital Wall เพื่อให้ผู้ที่มาศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art อย่างใกล้ชิด และยังช่วยให้เป็นการพบปะกันระหว่างโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์
ความร่วมมือระหว่าง KX และสยามพิวรรธน์ จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างธุรกิจและนวัตกรรมที่เชื่อมโลกปัจจุบันเข้ากับโลกดิจิทัล ปูทางสู่การนำสินค้า บริการและประสบการณ์ใหม่ๆ จากโลกอนาคตสู่คนไทยและต่างประเทศจำนวนมาก ทั้งรูปแบบที่จับต้องได้ (Physical) และดิจิทัล ความร่วมมือนี้จะเป็นแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ในการสร้างโอกาสหรือธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในระดับภูมิภาค
Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน และยังเป็นประตูสู่ตลาดการค้างานศิลปะที่สำคัญของศิลปินชาวไทยและในภูมิภาคเอเชีย โดยผลงานศิลปะเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงภาพวาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงวรรณกรรม ภาพถ่าย ดนตรี ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://coralworld.co และจะเปิดให้บริการแก่นักสะสมภายในช่วงปลายปีนี้