การลงทุนธุรกิจใดก็ตาม นอกจากจะต้องดูปัจจัยภายในอย่างงบประมาณการลงทุน ทรัพยากร กลยุทธ์การดำเนินงานความรู้ความสามารถของคนในองค์กรแล้ว ยังต้องดูปัจจัยภายนอกเพื่อมองเห็นโอกาสในการลงทุน และภัยที่กิจการของเราตั้งรับมือไว้โดยเฉพาะในปี 2017 ที่แม้เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัว แต่เศรษฐกิจแกนหลักของโลกยังเสี่ยงต่อการฟื้นตัว และการใช้จ่ายของภาคเอกชนอาจยังฟื้นตัวในกรอบจำกัด
และอะไรคือธุรกิจที่ไปได้สวยในปีหน้าล่ะ? นี่คือ 4 ธุรกิจดาวรุ่งปี 2017 ที่ธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาทำนายไว้
1. ธุรกิจยานยนต์
โครงการรถคันแรกที่ทยอยสิ้นสุดลง น่าจะเป็นผลดีต่อยอดขายยานยนต์ในประเทศ ในขณะที่ ส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนมีโอกาสฟื้นตัว โดยเฉพาะไปตลาดอาเซียนและออสเตรเลีย
2. ธุรกิจบริการสุขภาพ
ได้รับอานิสงส์จากกลุ่มลูกค้า Medical Tourism ซึ่งไทยได้เปรียบหลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
3. ธุรกิจท่องเที่ยว
แม้ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยอาจได้รับผลกระทบจาก BREXIT ผ่านความผันผวนของค่าเงิน และจากมาตรการดูแลคุณภาพทัวร์จีน แต่บางตลาดคงมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นเช่น รัสเซีย และสแกนดิเนเวีย
4. ธุรกิจก่อสร้าง
ซึ่งได้รับผลบวกจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อยๆฟื้นตัว เสริมด้วยการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน
ส่วนธุรกิจดังกล่าวจะไปได้สวยในปีหน้าหรือไม่ ก็ต้องดูปัจจับภายนอกด้วย ซึ่งนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ 5 ปัจจัยชี้ชะตาธุรกิจและเศรษฐกิจไทยไว้ดังนี้
1. เศรษฐกิจไทยปี 2560 อาจขยายตัวใกล้เคียงกับปี 2016 ตามแรงลงทุนจากภาครัฐ
GDP โต 3.3% คาดการณ์การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 20 โครงการของรัฐที่คาดว่าจะขยายตัว 8.5% ที่อยู่ในระหว่างวางแผนและดำเนินการก่อสร้างเช่นมอเตอร์เวย์ บางใหญ่ – กาญจนบุรี และบางประอิน – นครราชสีมา รถไฟฟ้าสารสีชมพู เหลือง ส้ม แดง ม่วงใหม่และน้ำเงินใหม่ เป็นต้น
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัว 2.8% การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวประมาน 0.8%
2. เศรษฐกิจแกนหลักของโลกยังเสี่ยงต่อการฟื้นตัว
เริ่มจากอังกฤษที่เริ่มกังวลต่อความเสี่ยงจาก Hard BREXIT และยุโรปมีพื้นฐานเศรษฐกิจและภาคการเงินการธนาคารที่เปราะบาง ความไม่แน่นอนทางการเมืองจำกัดการฟื้นตัว ทำให้ ECB ต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง ในขณะที่เศรษฐกิจของอเมริกาปีหน้าอาจได้แรงกระตุ้นจากมาตรการทางการคลังของประธานาธิบดีคนใหม่ นโยบายด้านการอพยบคนต่างด้าวอาจมีนัยถึงการปรับท่าทีของคู่ค้าของอเมริกา ซึ่งอาจการทบการลงทุนการส่งออกของไทย ทบทวนข้อตกลงทางการค้าเพื่อสนับสนุนปกป้องการค้า และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ FED เพี่อให้เศรษฐกิจเสถียร
เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องในระยะกลาง พร้อมมีประเด็นที่ต้องจับตาอย่างหนี้ และฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ เศรษฐกิจเอเชียโดยรวมยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ และต้องระวังความความผันผวนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย
ส่วนไทยยังต้องพึ่งพาแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐและการท่องเที่ยว
3. FED อาจขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้และอีก 1-2 ครั้งในปีหน้า
แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคงทรงตัวอยู่ เพื่อรอเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหากเงินเฟ้อไทยไม่เร่งขึ้นมาก แต่ประเด็นที่น่าติดตามคือกระแสเงินทุนไหลกลับของอเมริกา ราคาทรัพย์สินปรับฐาน ต้นทุนการเงินขยับขึ้น และเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่า
4. การใช้จ่ายของภาคเอกชน อาจยังฟื้นตัวในกรอบจำกัด
รายได้เกษตรกรยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากราคาสินค้ายังมีแรงกดดัน และหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง คงจำกัดกำลังซื้อของภาคครัวเรือน คิดเป็น 81 – 82% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ทำให้การใช้จ่ายของภาคเอกชนอาจยังฟื้นตัวในกรอบจำกัด คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนปีหน้าจะโต 2.2%
5. การท่องเที่ยว ยังประคองการเติบโตได้ค่อนข้างดี
ตัวเลขจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังเติบโตได้ที่ 4.8% ซึ่งค่อนข้างดี แม้จะชะลอตัวจากฐานที่สูงในปี 2559
การที่ผู้ประกอบการได้รู้ถึงปัจจัยชี้ชะตาธุรกิจและเศรษฐกิจไทย ย่อมทำให้กิจการได้วางแผนและรับมือได้ล่วงหน้าได้ ทำให้กิจการอยู่รอดและไปได้ดีแน่นอน
แหล่งที่มา
แถลงข่าวแผนธุรกิจธนาคารกสิกรไทยปี 2560 เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559