หลังจากปลุกปั้นตลาดนัดกลางคืน “จ๊อดแฟร์” (JODD FAIRS) ที่พระราม 9 สำเร็จและโด่งดังติด 1 ใน 5 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนไทย และมีแผนเดินหน้าขยายโครงการ “จ๊อดแฟร์” ไปยังทำเลต่างๆ ทั้งรัชดา (เริ่มเปิดมกราคม 2567) และล่าสุดได้พัฒนาที่ดินสวนสนุกแดนเนรมิตในตำนาน ให้เป็นโครงการ “จ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต” บนพื้นที่ 33 ไร่ ได้ฤกษ์เปิดวันที่ 28 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 16.00 – 24.00 น.
Marketing Oops! ชวนวิเคราะห์ 4 ปัจจัยที่จะทำให้ “จ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต” (JODD FAIRS DanNeramit) แจ้งเกิด และเป็นอีกหนึ่ง Destination ของกรุงเทพฯ ในย่านลาดพร้าว – พหลโยธิน
1. ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดใหญ่ 33 ไร่ ถนนพหลโยธิน ด้วยความที่มีพื้นที่ใหญ่ ทำให้สามารถออกแบบสถานที่แห่งนี้ให้ผสมผสานระหว่างการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจุดให้ถ่ายรูป เช่น ปราสาทเทพนิยาย ซึ่งเป็น Iconic ของสถานที่แห่งนี้ที่ยังคงเก็บเอาไว้ กลายเป็นแลนด์มาร์กของจ๊อดแฟร์ แดนเนรมิตที่ใครมาต้อง check-in ถ่ายรูป พร้อมทั้งยกคอนเซ็ปต์ “ม่อนจ๊อด เชียงใหม่” มาไว้ที่นี่ เช่น มีเรือใบขนาดเล็ก นำรถคลาสสิคมาจอด พร้อมด้วยทางโครงการจัดเตรียมพร็อพถ่ายรูป เพื่อให้ลูกค้าที่มาครีเอทมุมถ่ายรูปได้เอง
ผสานเข้ากับตลาดกลางคืนที่มีร้านค้าให้เลือกช้อปมากมายกว่า 1,200 ร้านค้า เช่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม คาเฟ่ บิวตี้ ของสะสม สินค้าวินเทจ งาน Craft & Handmade สตรีทแฟชั่น เสื้อผ้า สินค้าทั่วไป และร้าน Hang-out ต่างๆ
การมีจุดให้ถ่ายรูป จุดพักผ่อน การคัดสรรร้านค้าที่มีคอนเซ็ปต์แตกต่าง และตกแต่งเข้ากับบรรยากาศสถานที่ ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของผู้คนในปัจจุบันที่ชอบถ่ายรูป และแชร์เรื่องราวของตัวเอง ซึ่งตรงนี้จะเป็น Earned Media สำคัญในการบอกต่อปากต่อปากผ่านช่องทางดิจิทัลให้กับตัวโครงการจ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต
2. ทำเลทองอยู่ในย่านการค้า-ย่านเศรษฐกิจใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ โซนหนือ หรือ North CBD ที่มีความครบวงจรของความเป็นย่าน โดยมีทั้งที่อยู่อาศัย, ศูนย์การค้า, อาคารสำนักงาน, โรงเรียน, ร้านค้า, ระบบคมนาคม ทั้งทางรถ และรถไฟฟ้า และเป็นทำเลที่เชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักต่างๆ เช่น ลาดพร้าว, รัชโยธิน, เกษตร-นวมินทร์ และออกไปยังโซนรังสิตได้ ทำให้โซนนี้มีความหนาแน่นของประชากรสูง ทั้งผู้อยู่อาศัย คนทำงาน นักเรียน คนสัญจรไปมาผ่านเส้นทางนี้
3. เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ทั้ง MRT สถานีพหลโยธิน และ BTS ที่อยู่ใกล้ทั้งสถานีห้าแยกลาดพร้าว หรือสถานีพหลโยธิน 24
“การทำตลาดนัด หรือตลาดกลางคืน ถ้าเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่ผ่านมา กับปัจจุบัน ปัจจัยอาจต่างกันบางปัจจัย อย่างแต่ก่อนนี้ ช่วงที่เราทำเกือบ 10 ปีที่แล้ว ยังไม่มีการค้าขายออนไลน์มากอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นไม่ว่าออฟไลน์จะอยู่ที่ไหน ตลาดอยู่ที่ไหน ขอให้สถานที่นั้นออกแบบให้สวยงาม ทำให้คนที่มารู้สึกเท่ คนก็จะมา
แต่หลังจากออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญ มีอิทธิพลมากในวงการตลาด ไม่ว่าจะตลาดกลางคืน หรือไม่กลางคืนก็แล้วแต่ คนหันไปใช้บริการออนไลน์มากขึ้น ทำให้ตลาดออฟไลน์ตกลง และหลังจากออนไลน์เข้ามาสักพัก ก็มี COVID-19 ก็ยิ่งทำให้ตลาดออฟไลน์ ซบเซาหมดเลย และส่วนใหญ่ปิดตัวกันหมด รอวันที่จะกลับมาเปิด
เพราะฉะนั้นในปัจจุบันที่มีออนไลน์เข้ามาเบียดตลาดออฟไลน์แบบนี้ ผมว่าต้องหา “โลเคชั่นที่ดี” มาก่อน เพราะถ้าโลเคชั่นไม่ดี ไกล ก็ไม่มีใครอยากเดินทางไป สั่งออนไลน์ดีกว่า แต่ถ้าโลเคชั่นอยู่ในเมือง ใกล้ที่ทำงาน นั่งรถไฟฟ้าถึง หรือมีที่จอดรถสะดวก มีของกินเยอะ ผมว่าตลาดออฟไลน์ อย่างไรคนก็ยังมีความต้องการอยู่ เพราะคงไม่มีใครอยากสั่งอาหารมากินอยู่ในห้องทุกวัน
รวมทั้งตลาดกลางคืนยังมีเสน่ห์ เป็นเวลาที่ทุกคน relax จากการทำงาน ผมว่าเสน่ห์ตลาดกลางคืน ฆ่าไม่ตายต่อให้มีออนไลน์เข้ามาเบียดก็ตาม แต่ต้องมีโลเคชั่นที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญ ยิ่งหลัง COVID-19 คนจะหนีการอยู่ในห้องแอร์ มาอยู่ Outdoor มากขึ้น เกิดเป็นความเคยชินใหม่ พอปลดล็อกดาวน์ จึงยิ่งทำให้ตลาดออฟไลน์ ตลาดกลางคืนคึกคัก” คุณไพโรจน์ ร้อยแก้ว เจ้าของตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ และจ๊อดแฟร์ เคยให้สัมภาษณ์กับ Marketing Oops! ถึงหัวใจของตลาดกลางคืนที่โลเคชั่นที่ดีต้องมาก่อน
4. เสน่ห์ของตลาดกลางคืน (Night Market) บวกกับประสบการณ์ของคุณไพโรจน์ ที่พัฒนาโครงการสถานที่ด้วยแนวคิด “ศิลปะในการดำเนินธุรกิจ”
“ต้องใช้ศิลปะในการดำเนินธุรกิจ ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปแล้ว ปัจจุบันเป็นยุค Camera eat first ต้องถ่ายรูปได้ อาหารจะอร่อยอย่างเดียว อาจไม่พอ ต้องมีรูปร่างหน้าตาสวยด้วย ถ่ายรูปลง Instagram สวยๆ ทำให้ใครเห็นก็อยากลองกิน เพราะถ้าแพ็คเกจสวย จะช่วยดึงความสนใจของคน
อย่างทุกวันนี้ทุกคนใช้โทรศัพท์อยู่แล้ว แค่ดู Pinterest บ่อยๆ คุณจะเกิดภาพจำ ทำไมร้านนี้ ร้านนั้นสวยจัง ร้านค้าก็สามารถเอามาปรับใช้ เช่น จากเดิมเราขายผัดไท ใส่จานธรรมดา อาจเปลี่ยนไปใส่ใบตองห่อ ใช้เชือกกล้วยผูก หรือเอาใส่เข่งปลาทูก็ได้ และถ่ายรูปสวยๆ
อีกอย่างหนึ่งคือ ต้องทันเทคโนโลยี ฝึกการถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ และทุกวันนี้มีแอปพลิเคชันให้เลือกใช้ การนำเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ จะเป็นระบบ Analog อย่างเดียวไม่ได้แล้ว เช่น คุณยายทำผัดไทอร่อย ก็ให้ลูกหลานถ่าย YouTube ทำคอนเทนต์ดีๆ ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทุกวันนี้เทคโนโลยีช่วยเราได้ค่อนข้างมาก”
จับตา “ห้าแยกลาดพร้าว – พหลโยธิน – รัชโยธิน” ศูนย์กลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ
เวลานี้ทำเลโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ โดยเฉพาะช่วงห้าแยกลาดพร้าว – พหลโยธิน – รัชโยธิน และยังเชื่อมต่อกับถนนสายหลักหลายสายไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพฯ กำลังเป็นทำเลมาแรง เป็นไปตามการขยายตัวของเมือง และระบบรถไฟฟ้า ทำให้สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ชั้นใน สู่กรุงเทพฯ โซนต่างๆ ได้สะดวกขึ้น
ปัจจุบันบริเวณห้าแยกลาดพร้าวมีสองศูนย์การค้าใหญ่ปักหมุด ทั้งเซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์ นอกจากนี้บนถนนพหลโยธินที่เชื่อมต่อกับห้าแยกลาดพร้าว เซ็นทรัลพัฒนากำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการใหญ่ รูปแบบ Mega Mixed-use Development ซึ่งอยู่ตรงข้ามจีอดแฟร์ แดนเนรมิต มูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาทบนที่ดินขนาด 25 ไร่ โดยเทียบเท่ากับโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ ขณะที่การเกิดขึ้นของ “จ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต” จะยิ่งสร้างความคึกคักให้กับโซนนี้มากขึ้น
เมื่อตรงไปทางรัชโยธินยังเจอศูนย์การค้าอเวนิว รัชโยธิน, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และตลาดนัดกรีนวินเทจที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่นานนี้
ไม่เพียงแต่การเกิดขึ้นของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์เท่านั้น ขณะเดียวกันโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จึงทำให้ย่านนี้มีความผสมผสานระหว่างที่อยู่อาศัยเดิมที่อยู่มานาน กับที่อยู่อาศัยใหม่ รวมทั้งมีอาคารสำนักงาน, สถานศึกษา, ร้านค้า และระบบคมนาคม ทำให้มีประชากรอยู่อาศัย ใช้ชีวิต และสัญจรไปมาในย่านนี้สูง
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ย่านลาดพร้าว – พหลโยธิน – รัชโยธิน จะเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางของย่านการค้า หรือย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ
พาชมบรรยากาศจ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต
- อ่านเพิ่มเติม: เปิดมุมมอง “ไพโรจน์ ร้อยแก้ว” ผู้ปั้นตลาดนัดรถไฟ – จ๊อดแฟร์ “ตลาดกลางคืนฆ่าไม่ตาย ต่อให้ออนไลน์เข้ามา”
- อ่านเพิ่มเติม: “จ๊อดแฟร์” ขยายต่อ! เตรียมเปิดที่ “แดนเนรมิต” 33 ไร่ บรรยากาศโรแมนติกสไตล์ “ม่อนจ๊อด เชียงใหม่”
- อ่านเพิ่มเติม: กางแผน “เซ็นทรัลพัฒนา” ลงทุน 1.35 แสนล้าน – เตรียมสร้าง Mega Mixed-use ทำเล “พหลโยธิน”
