ถึงเวลาโกอินเตอร์ ‘JKN’ เปิดแผนชิงตลาดหมื่นล้านและการพิชิตเป้าหมายนักค้าคอนเทนท์เบอร์ 1 ในอาเซียน

  • 484
  •  
  •  
  •  
  •  

หลังจุดกระแสให้ซีรีส์อินเดียมาสร้างอภินิหารจนสะเทือนเลื่อนลั่นวงการทีวีไทย ทาง ‘JKN’ ประกาศบุกตลาดคอนเทนท์อาเซียน ด้วยการประเดิมส่งซีรีส์อินเดีย 3 เรื่องดัง ‘พระพิฆเนศ-ศึกสองราชันย์ โปรุส และอเล็กซานเดอร์-วัลลภ มหาราชสุดแผ่นดิน’ เป็นทัพหน้า ก่อนจะส่งละครไทยและรายการภายใต้แบรนด์ CNBC ไปเสริมทัพ เพื่อชิงตลาดหมื่นล้านและบรรลุเป้าหมายการเป็นนักค้าคอนเทนท์เบอร์ 1 ของอาเซียนในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

JKN หรือ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด(มหาชน) เป็น Content Provider ที่ถือลิขสิทธิ์คอนเทนท์ระดับโลกไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สารคดี หนัง และซีรีส์ต่างประเทศ ทั้งจีน เกาหลี ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะซีรีส์อินเดีย ที่ปัจจุบันกลายเป็นกระแสฮิตเรียกเรตติ้งให้กับทีวีดิจิทัลหลายๆ ช่อง ตั้งแต่เรื่อง ‘พระพุทธเจ้า’ ไล่มาถึง ‘สีดาราม’ , ‘หนุมาน สงครามมหาเทพ’ และ‘นาคิน’ เป็นต้น

0Q6A9978

มาถึงปีนี้กับการก้าวสู่ปีที่ 19 ทาง จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN ประกาศพลิกบทบาทของ JKN จาก ‘ผู้นำเข้า’ เป็น ‘ผู้ส่งออก’ นำคอนเทนท์ที่ถือลิขสิทธิ์ บวกกับคอนเทนท์ที่ผลิตเองออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ 15% ทุกปีตามที่ตั้งไว้ รวมถึงพิชิตเป้าหมายการเป็นนักค้าเบอร์ 1 ทั้งในไทยและในอาเซียนภายใน 3-5 ปีต่อจากนี้

“ถึงเวลาที่คอนเทนท์ไทยจะบุกไปในช่องดัง ๆ หลายช่องทั่วโลกบ้าง การทำแบบนี้ได้ เพราะเราอยู่ในตลาดนี้มานาน คุยและรู้จักกับเจ้าของคอนเทนท์ทุกรายบนโลก เริ่มต้นจากการนำเข้า ต่อจากนี้ต้องมาซื้อเราบ้าง”จักรพงษ์พูดถึงทิศทางของ JKN ต่อจากนี้

ส่งซีรีส์อินเดีย-ละครไทย ตีตลาดอาเซียน

ปัจจุบันการซื้อลิขสิทธิ์ของทาง JKN จะซื้อสิทธิ์ในทุกช่องทางของการเผยแพร่และครอบคลุมทั้งไทย , CLMV (กัมพูชา , ลาว , เมียนมาร์ และเวียดนาม) และบางเรื่องครอบคลุมอาเซียนทั้งหมด เพื่อรองรับการบุกตลาดดังกล่าว โดยจะเริ่มจากซีรีส์อินเดีย 3 เรื่องดัง ได้แก่ พระพิฆเนศ , ศึกสองราชันย์ โปรุส และอเล็กซานเดอร์ , วัลลภ มหาราชสุดแผ่นดิน เป็นตัวชิมลางตลาดในประเทศ CLMV

003 (1)

จากนั้น จะส่งละครไทยออกไปขาย ซึ่งมีทั้งละครที่ผลิตเอง ในรูปแบบของการร่วมมือสร้างกับบริษัทต่างประเทศ นำดาราทั้งไทยและต่างชาติมาร่วมแสดง และละครจากพาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัทผลิตละครชั้นนำของไทย

“เราสู้ได้ ซีรีส์อินเดียคนดูอยู่แล้ว ส่วนละครไทย ประเทศแถบนี้ดูละครไทยหมด รวมถึงจีน ถึงบอกว่า จะเริ่มใน CLMV และอาเซียนก่อน แต่ละครไทย ดาราไทยอย่างเดียวไปไม่ไหว ต้องมีอย่างอื่น ขณะที่ลิขสิทธิ์รายการอื่น ๆ เรายึดหัวหาดไว้หมดแล้ว เราไม่กลัว ทั้งรายการดัง ๆ และสารคดี จากเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก  , ดิสคัพเวอรี่ แชนแนล , บีบีซี , ซีเอ็นบีซี ฯลฯ”

 ปั้น CNBC Thailand เสริมพอร์ต 

นอกจากนี้ การผลิตละคร เป็นส่วนหนึ่งในแผนที่ทาง จักรพงษ์ ต้องการเพิ่มสัดส่วนคอนเทนท์ที่ผลิตเอง เพราะการพึ่งคอนเทนท์ที่ซื้อมามากเกินไป ถือเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยปัจจุบันรายได้ของ JKN 95 % มาจากคอนเทนท์ที่ซื้อมา อีก 5% มาจากการผลิตเอง แต่ในปี 2562 จะเปลี่ยนเป็นรายได้คอนเทนท์ที่ซื้อมา 70% และ 30% จะเป็นคอนเทนท์ผลิตเอง

การเพิ่มสัดส่วนดังกล่าว นอกจากจะมาจากผลิตละคร ยังมาจากการที่ JKN ได้รับสิทธิ์ National Broadcasting Company Universal (NBC) เพื่อผลิตคอนเทนท์ภายใต้แบรนด์ Consumer News and Business Channel หรือ CNBC ผู้ผลิตรายการข่าวธุรกิจและการลงทุนที่มีชื่อเสียงของโลก มีระยะสัญญา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2570

“สัญญา 10 ปีน่าทำ และ CNBC ไม่ได้มีเพียงข่าว มีอย่างอื่นมากมาย คอนเซปต์ คือ How to Make Money เน้นข่าวในตลาดหลักทรัพย์ เน้นวิสัยทัศน์ของคนรวย ซีอีโอชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ คือ ถ้าคุณอยากรวยต้องดู CNBC Thailand”

ส่วนสาเหตุที่เลือก CNBC จักรพงษ์ อธิบายว่า เป็นแบรนด์ที่ขายได้ มีความต่าง อีกทั้งยังเป็นสปริงค์บอร์ดต่อยอดสู่ธุรกิจอื่น ๆ เช่น การจัดสัมมนา การจัดกิจกรรม , จัดเอ็กซ์โป ฯลฯ และเป็นการเรียนรู้ Knowhow จากผู้ผลิตคอนเทนท์ยักษ์ใหญ่อย่าง CNBC

นอกจากนี้คอนเทนท์ที่ผลิตยังสามารถส่งคอนเทนท์ออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ และเป็นการต่อยอดธุรกิจกับ CNBC หลังจากทำธุรกิจในการซื้อคอนเทนท์กันมานาน ซึ่งทั้งหมดทำให้ JKN มีการเติบโต

lux2

โดยในปี 2562 จะมีการนำคอนเทนท์ที่ผลิตภายใต้แบรนด์นี้ ทั้งข่าว และรายการประเภทอื่น ๆ อาทิ Luxe Today by แหวนแหวน , Talk show , CNBC Conversation ฯลฯ ไปออนแอร์ใน 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 3 , ช่องไบร์ททีวี และมันนี่ แชนแนล ก่อนจะมีการตั้งเป็นช่อง JKN CNBC ออกอากาศทางเคเบิ้ลทีวีต่อไป

“คนไม่ดูข่าว แต่ทำอย่างไรที่จะทำให้ข่าวขายได้มากกว่าคนอื่น และเราไม่ได้ทำข่าวอย่างเดียว ไม่ได้ดูแค่การขายโฆษณา แต่เราทำเป็นรายการเพื่อขายลูกค้า ขายเจ้าของช่อง ที่สำคัญ CNBC เป็นแบรนด์ที่มีคอนเทนท์ที่เป็นสปริงบอร์ดไปธุรกิจอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เรามองตรงนั้น”

ชูซีรีส์อินเดีย-ฟิลิปินส์ ตีตลาดไทยต่อเนื่อง

ขณะที่ตลาดในประเทศยังบุกตลาดต่อเนื่อง และไฮไลท์อยู่ที่ซีรีส์อินเดีย ซึ่งทาง JKN ได้ทำสัญญาแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ 4 สตูดิโอยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตซีรีส์ในอินเดีย ได้แก่ Sony, FOX, Vicom และ Zee เป็นการกวาดซื้อแบบเหมามาหมด และปัจจุบันสามารถซื้อมาฉายในเวลาใกล้เคียงกับอินเดียได้เลย ไม่ต้องรอจบก่อนแล้วค่อยนำมาฉายเหมือนในอดีต

โดยปีนี้ได้มีการขายลิขสิทธิ์ซื้อซีรีส์อินเดียให้กับทีวีดิจิทัลไปแล้วประมาณ 40 เรื่อง อาทิ ‘วัลลพ มหาราชสุดรักสุดแผ่นดิน’ , ‘พระพิฆเนศ’ , ‘ม่านรักประเพณี นันธินี’ , ‘ลิขิตแค้นแสนรัก’ ฯลฯ

Promote_เมีย1

 

รวมถึงได้เพิ่มความหลากหลาย ด้วยการนำซีรีส์ฟิลิปินส์กว่า 100 เรื่องเข้ามาเสริมทัพ ซึ่ง ทางจักรพงษ์ ให้คำนิยามกับซีรีส์ฟิลิปปินส์ว่า แซ่บสุดอารมณ์ จนสามารถแทนที่ละครไทยได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ‘รักกระชากใจเดอะซีรีส์’ ละครสุดดราม่าที่จะมากระตุ้นให้ต่อมน้ำตาแตก ประกอบด้วยตอนย่อยหลายตอน เช่น เพลิงรักสีรุ้ง (My Husband’s Lover) , เมียหมายเลข 1 (The Legal Wife) ฯลฯ

แม้มูลค่าตลาดคอนเมทนท์ในอาเซียนจะไม่มีตัวเลขยืนยันชัดเจน แต่คนในธุรกิจนี้ต่างประเมินว่า มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านแน่นอน ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจมานาน บวกกับคอนเนคชั่นที่มีกับเจ้าของลิขสิทธิ์ชั้นนำทั่วโลก และการมีทุนจากการจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

การพิชิตเป้าหมาย นักค้าคอนเทนท์เบอร์ 1 ในไทยและอาเซียนของ ‘JKN’ ดูจะไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่จะบาลานช์พอร์ตการมีคอนเทนท์ของตนเองมาเติมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจได้อย่างไร เพราะการพึ่งพาคอนเทนท์ที่ซื้อมามากเกินไป ถือเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต้องระวังเช่นกัน

Copyright© MarketingOops.com


  • 484
  •  
  •  
  •  
  •