เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ได้กระจุกอยู่แค่ “หัวเมือง” เท่านั้น ผู้บริโภคในต่างจังหวัดก็พร้อมใช้จ่ายให้กับสิ่งที่ตนเองชื่นชอบเช่นกัน แถมตลาด “ภูธร” ยังมีสัดส่วนประชากรมากกว่าคนกรุงเทพฯ และแน่นอนว่ามูลค่าการใช้จ่ายก็มากกว่าด้วย
-
จากจำนวนประชากรไทย 65 ล้านคน แบ่งสัดส่วนเป็นคนต่างจังหวัด 84%
-
คนต่างจังหวัดใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคถึง 307,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 60% ของทั้งประเทศ
-
ภาคอีสาน ตลาดใหญ่มีประชากรมาก
-
ภาคใต้ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวและเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ
เรื่องนี้กลายเป็นโอกาสที่ “YDM Thailand” มองในฐานะดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง กับความท้าทายที่ว่า “Insight ของคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ไม่เหมือนกัน” และจากประเด็นนี้เอง ทำให้ YDM ตัดสินใจก่อตั้ง “แจ่มจรัส” เอเยนซี่แนวใหม่เพื่อเจาะตลาดภูธรโดยเฉพาะ ซึ่ง คุณธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะมีเอเยนซี่เจาะกลุ่มภูธรเกิดขึ้น”
ไขข้อข้องใจ…ทำไมต้อง “แจ่มจรัส” ทำไมต้อง “เอเยนซี่ภูธร”
คุณธนพล อธิบายว่า แจ่มจรัส ถือเป็นคำที่ฟังแล้วสะท้อนถึงความเป็นไทยในสไตล์ภูธรได้ในทันที เป็นคำง่าย ๆ เรียกง่ายอ่านง่าย โดยบริษัทใช้ทุนจดทะเบียนราว 5 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเป็น YDM Thailand 45% RMS 45% และผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เป็นกลุ่มผู้บริหารอีก 10% แม้เราจะมีบริษัทในเครืออยู่แล้วถึง 8 บริษัท แต่ความร่วมมือกับ RMS (บริษัท อาร์เอ็มเอส สตูดิโอ แอนด์ มัลติมีเดีย จำกัด) เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงลูกทุ่งรายใหญ่ของไทย ซึ่งมีเครือข่ายกับศิลปินกว่า 300 ราย ทั้งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของคนภูธร อาทิ ฝน ธนสุนธร, หลิว อาจารียา, ฟิล์ม นรินท์ทิพย์, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, อาภาพร นครสวรรค์, ปอยฝ้าย มาลัยพร เป็นต้น รวมถึง แซ็ค ชุมแพ เจ้าของเพลงคำแพง ที่มียอดวิวบน YouTube มากกว่า 400 ล้านวิว โดยศิลปินเหล่านี้จะถือเป็น Influencer ระดับแนวหน้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำ Phutorn Marketing
เนื่องจากความท้าทายของธุรกิจเอเยนซี่ในปัจจุบัน คือการเป็นบริษัทในเครือต่างชาติ จึงขาดความเข้าใจและเข้าไม่ถึงลูกค้ากลุ่มภูธรแบบเจาะลึก ดังนั้น หน้าที่ของแจ่มจรัสคือช่วยสร้างการเข้าถึงผู้บริโภคให้แบรนด์ โดยใช้ศิลปินลูกทุ่งซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนภูธรผ่านแพลทฟอร์มต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์ เช่น คอนเสิร์ต, รายการวิทยุ และออนไลน์ อาทิ YouTube, Facebook, IG, Twitter โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 70 ล้านบาทในปีแรก จากฐานลูกค้าเดิมของ YDM Thailand และตั้งเป้าหมายไว้ที่ลูกค้ารายใหญ่ราว 30 บริษัท และกลุ่มลูกค้ารายย่อย SME อีก 5-6 บริษัท
“การทำตลาดภูธรศิลปินลูกทุ่งจะตอบโจทย์ได้มากกว่าดาราคนดัง ซึ่งคนดังอาจสร้างกระแสได้แมสกว่า มีศักยภาพในการสร้างอะแวร์เนสกับคนจำนวนมาก แต่ศิลปินลูกทุ่งจะสร้างเอ็นเกจเมนท์มากกว่า หรือแม้แต่ต่อยอดสู่การขายก็ง่ายขึ้น ซึ่งเราจะให้ศิลปินเข้ามามีส่วนร่วมในการทำตลาดออนไลน์ เช่น โพสต์ภาพ – วิดีโอ หรือร่วมออกแบบคอนเทนต์กึ่งโฆษณา เป็นต้น”
นอกจากนี้ คุณธนพล ยังวิเคราะห์โอกาสการทำตลาดในต่างจังหวัด ว่า..
“ภูธร” ไม่ได้มีความหมายแค่คำว่า “ต่างจังหวัด”
สำหรับความหมายของคำว่า ภูธร ของแจ่มจรัสนั้น เป็นการรวมผู้คนหลากหลายกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ คนหัวเก่า อายุค่อนข้างมากเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ราคาเป็นสิ่งสําคัญในการตัดสินใจมากกว่าคุณภาพและความงาม, กลุ่มไต่บันได ผู้ที่ต้องการก้าวสู่ความทันสมัย พร้อมจ่ายเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์, กลุ่มหนุ่มสาวคล่องแคล่ว อายุ 15-29 ปี เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ เป็นผู้นําเทรนด์ ชอบสินค้าทันสมัย และ กลุ่มหัวคิดก้าวหน้า มีการศึกษาสูง ต้องการสิ่งดี ๆ เช่น การศึกษาสำหรับลูกหลาน
Insight คนเมือง vs คนภูธร
ในด้านของความชื่นชอบนั้น คนกรุงเทพฯ ชื่นชอบชีวิตที่มีความทะเยอทะยาน ต้องการมีความก้าวหน้าสูง ขณะที่คนต่างจังหวัดจะมองถึงความสุขและความสนุกสนานในการใช้ชีวิตเป็นหลัก ทำให้คอนเทนต์ที่สามารถตอบโจทย์ Insight ต้องมีความแตกต่างกัน รวมถึงการส่งแมสเสจสื่อสารกับผู้บริโภคก็ต้องแตกต่างกันเดียวกัน นอกจากนี้กลุ่มคนภูธรยังมี Insight ที่น่าสนใจอื่น อาทิ กล้าใช้จ่ายกับสินค้าที่มีราคาแพงขึ้น, เชื่อคำพูดแบบปากต่อปากมากกว่าการโฆษณา, เหตุผลหลักในการใช้ YouTube ก็เพื่อผ่อนคลายและฟังเพลง เป็นต้น
อย่ามองข้าม “คนต่างจังหวัด” กับแพลทฟอร์ม “ออนไลน์”
ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่จะประสบความสำเร็จจากการทำตลาดกับผู้บริโภคในต่างจังหวัด จากทั้งพฤติกรรมการเข้าถึงและใช้สื่อที่แตกต่างกัน ทำให้แบรนด์ควรหา Insight ของผู้บริโภคให้เจอและทำความเข้าใจกับความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจมองว่าคนต่างจังหวัดยังไม่นิยมสื่อแพลทฟอร์มดังกล่าว แต่ในความเป็นจริง คนต่างจังหวัดเสพสื่อออนไลน์สูงถึง 90% แล้ว โดยเฉพาะ LINE Facebook และ YouTube ที่เป็นแพลทฟอร์มยอดนิยม
นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของคนภูธรยังคงสูงถึง 89% และใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 3.48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่คนกรุงเทพฯ ใช้เวลาเฉลี่ย 5.83 ชั่วโมง สะท้อนถึงพฤติกรรมการเสพสื่อออนไลน์ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ส่วนแพลทฟอร์มการทำโฆษณาที่สามารถเข้าถึงคนภูธรได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สื่อออนไลน์ โทรทัศน์ และสื่อ Out of Home
