iPrice Group, บริษัทที่มีแพลตฟอร์มค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคาชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ระดมทุนใหม่จาก Line Venture พร้อมความร่วมมือจาก Cento Venture และ Venturra
นับตั้งแต่การระดมทุนครั้งล่าสุดเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีนักช้อปออนไลน์กว่า 50 ล้านรายเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าพร้อมการเพิ่มจำนวนสินค้าจากหลายสิบล้านเป็น 500 ล้าน SKU ใน 7 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย, เวียดนาม และฮ่องกง
iPrice มีจำนวนผู้เข้าชมสินค้ากว่า 150 ล้านคนในปีนี้ เป็นผลมาจากการขยายตัวของตลาดในประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตมากถึง 30 เท่าในช่วงระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งการขยายตัวและมูลค่าอีคอมเมิร์ซที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ส่งผลให้ iPrice ได้รับอนิสงค์จนขยายตัวตามไปด้วย
“สาเหตุที่ทำให้ iPrice เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดอีคอมเมิร์ซภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีทีมงานที่มากไปด้วยศักยภาพ พร้อมการประสานงานและความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นเลิศ ทำให้บริษัทนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางแรกแห่งโลกช้อปปิ้งออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” June Cha, General Manager ของ Line Ventures กล่าว
นาย David Chmelař, CEO ของบริษัท iPrice กล่าวว่า “นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าตื่นเต้น ในสาธารณรัฐเช็กหรือบ้านเกิดของฉันมีผู้คนเข้าชมแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาชั้นนำอย่าง Heureka ประมาณสองครั้งต่อเดือน โดยมีผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านรายต่อเดือนในภูมิภาค พร้อมมีผู้ใช้บริการรายใหม่กว่า 100,000 คนต่อวัน จึงเป็นเรื่องง่ายที่เราสามารถมองเห็นโอกาสสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ iPrice ได้”
นอกเหนือจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ใช้บริการช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาแล้ว iPrice ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างสื่อมีเดียแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคได้อย่างดีเยี่ยม อาทิ Mediacorp ในสิงคโปร์, ไทยรัฐในประเทศไทย และ Samsung ในประเทศอินโดนีเซีย
มากไปกว่านั้น iPrice ยังมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซด้วยการศึกษาสถานการณ์และความเป็นไปของตลาดอีคอมเมิร์ซในแต่ละภูมิภาค พร้อมจัดทำ The State of eCommerce in Southeast Asia ซึ่งเป็นการวิจัยที่รวมข้อมูลสำคัญในแต่ประเทศเอาไว้ด้วยกัน
เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระยะยาว สำนักงานที่กัวลาลัมเปอร์เพิ่งปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ Electronics, Fashion และ Commercial Content เพื่อปรับรูปแบบการให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมที่สุด
“วันนี้ เราให้บริการแก่นักช้อปออนไลน์ด้วยช่องทางค้นหาสินค้าที่มีกว่าร้อยล้านรายการ พร้อมการเปรียบเทียบราคาและยังมอบคูปองเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง เชื่อว่าในไม่อีกกี่ปีข้างหน้าการช้อปออนไลน์จะกลายกิจกรรมในชีวิตประจำวันสำหรับทุกคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านอีคอมเมิร์ซผู้ซื้อล้วนแล้วแต่มองหาช่องทางดี ๆ เพื่อให้ได้สินค้าตรงตามต้องการ ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการเป็นจุดหมายปลายทางให้กับนักช้อปเหล่านั้น” นาย David Chmelař กล่าว