ท่ามกลางความกังวลด้านเศรษฐกิจทั่วโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากปัญหาเงินเฟ้อที่ความต้องการซื้อมีสูงมากเกินไปจนก่อให้เกิดการตั้งราคาสินค้าที่สูงเกินความเป็นจริง ส่งผลให้กิจกรรมการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และส่งผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ของโลก ซ้ำเติมด้วยภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ดีดให้ราคาน้ำมันโลกผันผวน
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ตัดสินใจออกนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดความต้องการลง เรียกว่าจะซื้ออะไรเกรงใจดอกเบี้ยด้วย หลังจากที่ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ยังคงเดินหน้าได้ต่อไป และลดผลกระทบในช่วงเวลานั้น
ล่าสุดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีชี้ให้เห็นถึงสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อเริ่มลดลง แม้จะเป็นการลดลงที่เล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับขึ้น แต่นั่นก็หมายถึงนโยบายด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะชะลอเพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้น
และนั่นจะส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะชะลอนโยบายการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีภาระหนี้สินคงที่
Source: Reuters