ทำความรู้จัก IDEA LAB ทางลัดสู่ความสำเร็จระดับโลกของแบรนด์ไทย

  • 52
  •  
  •  
  •  
  •  

 

การจะก้าวไปเป็นหนึ่งใน Player ของสนามการค้าโลกได้นั้น การพัฒนาแบรนด์ให้ดี มีคุณค่าและมูลค่าย่อมได้เปรียบ เรามักจะเห็นว่าผู้ประกอบการไทยหลายรายมีของดีอยู่ในมือ แต่ยังขาดกระบวนการพัฒนาและยกระดับให้เป็นแบรนด์ที่เหมาะต่อการส่งออก โครงการบ่มเพาะแบรนด์ไทย หรือ IDEA LAB : Thai Brand Incubation Program ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ​ (DITP) เป็นโครงการที่เน้นการยกระดับผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ตอบโจทย์ความต้องการเมกะเทรนด์ของตลาดโลก เปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการส่งออกได้เข้าร่วมเพื่อรับการบ่มเพาะแบรนด์แบบเข้มข้นเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ

ที่สำคัญคือจะได้รับประกาศนียบัตรและ Brand Bible หรือแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และสินค้าในรูปแบบเฉพาะตัวของแบรนด์นั้นๆ ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศให้ผู้ประกอบการได้นำไปพัฒนาแบรนด์เพื่อก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างยั่งยืน

โดยตลอดเส้นทางการเดินทางของโครงการ IDEA LAB ทั้ง 7 รุ่นนั้น มีหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สุขภาพและความงาม และไลฟ์สไตล์ โดยจะขอพาไปดูตัวอย่างแบรนด์ในแต่ละรุ่นว่าจุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการจนถึงปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร

 

Jasberry” สินค้าออร์แกนิคจากข้าว บุกตลาดโลก

 

Jasberry (แจสเบอร์รี่) ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจากข้าว Jasberry® ที่มีจุดเริ่มต้นจากความต้องการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร การเข้าร่วม IDEA LAB รุ่น 1 ในปี 2018 และได้ Brand Bible ในครั้งนั้นทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอย่างมาก เพราะได้นำมาพัฒนาแบรนด์ ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่ เข้าใจตลาดและผู้บริโภคมากขึ้นนำไปสู่การส่งออกในที่สุด จนถึงขณะนี้ได้ทำการส่งออกแล้วถึง 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ดูไบ นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย

โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักเพราะเป็นตลาดสินค้าออร์แกนิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถขยายตลาดเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วสหรัฐฯ ได้มากกว่า 3,000 สาขา (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2024) และคว้ารางวัลในประเทศนี้มากมายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักของแบรนด์คือ Organic Superfood Rice และ Organic Ready-to-eat Superfood Riceทั้ง 4 รสชาติ ได้แก่ Original, Coconut, 9 Grains และ Green Curry

 

Moonler” เฟอร์นิเจอร์ไม้จามจุรี ผสานศิลปะ-ความงามอย่างยั่งยืน

 

ถัดมาใน IDEA LAB รุ่น 2 มีแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไม้จามจุรีจากเชียงใหม่อย่าง Moonler (มูนเลอร์) ที่โดดเด่นด้วยการสะท้อนถึงมรดกการออกแบบอันล้ำค่าและความมุ่งมั่นที่ลึกซึ้งต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ศิลปะ และการออกแบบที่คงความงามอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่ของรูปทรงและการใช้งาน การเข้าร่วมโครงการครั้งนั้นทำให้แบรนด์ได้รับกลยุทธ์สำหรับสร้างและพัฒนาแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการพัฒนากระบวนการสื่อสารและการถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ได้คำแนะนำด้านการพัฒนากระบวนการผลิตให้ยั่งยืนโดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถขยายฐานลูกค้าให้เติบโตได้อย่างอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน Moonler เพิ่มความหลากหลายของสินค้าด้วยการใช้เทคนิคใหม่ๆ อย่าง การสานเชือกเพื่อเพิ่มความทนทานและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ ใช้วัสดุเบาะหนังและเบาะผ้ากับเก้าอี้เพื่อเพิ่มความสบายและความหรูหรา ด้วยการพัฒนาแบรนด์และสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Moonler ได้รับรางวัลด้านการออกแบบ อาทิ Design Excellence Award หรือ DEmark (ประเทศไทย) Good Design Award หรือ G-mark (ประเทศญี่ปุ่น) ขณะเดียวกันยังส่งออกสินค้าไปหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา ออสเตรเลีย ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นตลาดหลักของ Moonler ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับสถาปนิกหรือนักออกแบบในต่างประเทศเพื่อใช้ในโปรเจกต์ต่างๆ ทำให้เพิ่มการรับรู้และขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น

 

Stories of Silver” เครื่องประดับเงินภูมิปัญญาท้องถิ่น ตีตลาดต่างประเทศ

 

Stories of Silver (สตอรี่ส์ ออฟ ซิลเวอร์) แบรนด์เครื่องประดับเงินของ 2 นักออกแบบจากสองทวีปคือไทยและสโลเวเนีย ซึ่งได้เข้าร่วม IDEA LAB รุ่น 3 ด้วยแนวคิดของการทำงานด้านการออกแบบไปพร้อมกับช่วยส่งเสริมการรักษาขนบประเพณีดั้งเดิมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ แห่งหมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา โดยไม่ปรับเปลี่ยนวิถีการทำงาน แต่นำสิ่งที่แต่ละครอบครัวถนัดมารวมกันจนเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์ ช่วยสร้างโอกาสและรายได้ให้ช่างเงินและครอบครัว ตลอดจนสร้างความภาคภูมิใจในวิถีการทำเครื่องเงินที่ส่งต่อจากบรรพบุรุษ

การเข้าร่วมโครงการทำให้แบรนด์มีความพร้อม ความเข้าใจในการเข้าถึงตลาดนานาชาติ เป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสสำคัญในเวทีโลก ปัจจุบันนอกจากในไทยแล้วยังมีสาขาอยู่ที่ประเทศสโลเวเนีย และขายผ่านช่องทางออนไลน์ไปสหรัฐอเมริกาและไต้หวัน ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ประจำปีนี้คือการที่เครื่องประดับเงินของ Stories of Silver กำลังจะได้วางจำหน่ายที่พิพิธภัณฑ์ Mingei International Museum ที่ให้คุณค่ากับ Beauty of Everyday’s item จากทั่วโลก ถือเป็นพิพิธภัณฑ์งานคราฟท์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ นับเป็นความสำเร็จในการเจาะตลาดกลุ่มพิพิธภัณฑ์ของแบรนด์

 

Doganic” ต่อยอดสมุนไพรไทย สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์เลี้ยงและทุกคนในครอบครัว

 

Doganic (ด็อกแกนิก) ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ที่ต้องการค้นหาทางเลือกในการรักษาสัตว์เลี้ยงที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่าเคมีสังเคราะห์ทั่วไป ทุกผลิตภัณฑ์ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “Family Friendly” ที่ใช้ได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง โดยนำตำรับสมุนไพรไทยที่เต็มไปด้วยพลังและความศักดิ์สิทธิ์มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย

โดยแบรนด์ได้เข้าร่วมโครงการ IDEA LAB รุ่น 4 และเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่โลโก้ รูปแบบการนำเสนอ ไปจนถึงทิศทางของแบรนด์ โดยยึดหลักการจาก Brand Bible ทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ สามารถต่อยอดให้มีคุณภาพควบคู่ไปกับความน่าเชื่อถือ ขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นและสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ในระยะยาว โดยสินค้าถูกส่งออกไปยังเวียดนาม มาเก๊า และฮ่องกงที่เป็นตลาดที่โดดเด่นที่สุด เพราะผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ผลิตภัณฑ์ของ Doganic จึงได้รับความนิยมในตลาดนี้เป็นอย่างมาก

 

JUN” แบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายจากผ้าทอธรรมชาติที่ให้คุณค่างานคราฟต์  

 

JUN (จุน) มาจากคำว่าเจือจุน เป็นแบรนด์เสื้อผ้าบุรุษที่ดีไซน์สินค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบ Urban Lifestyle สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ชายที่ชอบความเรียบง่ายแต่มีรายละเอียด โดยใช้ผ้าทอคุณภาพจากเส้นใยธรรมชาติในท้องถิ่นมาตัดเย็บด้วยช่างเทเลอร์ฝีมือดีของ จ.เชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการจ้างงานและกระจายรายได้สู่ชุมชน สินค้าทุกชิ้นจึงมีความเป็น Custom-made ที่มีคุณภาพสูงและมีรูปแบบเฉพาะตัวต่างจากการผลิตแบบโรงงาน ลวดลายการทอที่แตกต่างกันในผืนผ้า ทำให้ได้คุณค่าแบบงาน Craft ในเสื้อผ้าจากแบรนด์จุน

การเข้าร่วม IDEA LAB รุ่น 5 ทำให้แบรนด์ปรับเปลี่ยนพัฒนาสินค้าให้ไปในทิศทางที่เป็นสากลมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยึดแนวทางจาก Brand Bible เพื่อสร้างทิศทางที่ชัดเจน ทั้งในแง่ CI แบรนด์ และแนวทางการพัฒนารูปแบบสินค้า รวมไปถึงการสร้างเนื้อหาต่างๆ ให้แบรนด์ ทำให้รูปแบบการนำเสนอค่อนข้างแตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง ทำให้มีจุดยืนและลายเซ็นต์ของแบรนด์อย่างชัดเจน ด้านการเปิดตลาดต่างประเทศนั้น มีโอกาสได้รับคัดเลือกเข้าไปทดลองตลาดที่ไต้หวัน ได้เปิด pop up ในห้างสรรพสินค้าสินค้าในเซี่ยงไฮ้ และโตเกียว รวมถึงการเปิดตลาด B2B เป็นครั้งแรกในงาน Who’s next ที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

 

Eatvolution” ฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ พัฒนาอาหารสุขภาพข้าวทางเลือก

 

มาถึง IDEA LAB รุ่น 6 Eatvolution (อีทโวลูชั่น) ฟู้ดเทคสตาร์ทอัพที่นำเสนอนวัตกรรมอาหารสุขภาพรูปแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์ทุกเป้าหมายสุขภาพ อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ สินค้าตัวแรกของแบรนด์คือ ข้าวถั่วลูกไก่ นวัตกรรมอาหารสุขภาพของข้าวทางเลือก โดยข้าวถั่วลูกไก่ 100 กรัม ให้โปรตีนสูงถึง 12 กรัม ไฟเบอร์ 8 กรัม คาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าข้าวทั่วไปถึง 50% ผลิตมาจากพืชตระกูลถั่ว ได้แก่ ถั่วลูกไก่ ถั่วขาวเมล็ดใหญ่ เมล็ดแฟลกซ์ และโปรตีนจากถั่วลันเตา ให้รสสัมผัสเทียบเคียงข้าวกล้องไร้เปลือก ที่สำคัญคือปราศจากกลุ่มอาหารก่อภูมิแพ้ทั้ง 8 ชนิด รวมถึงแป้งข้าว กลูเต็น สารกันเสีย และสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

สิ่งที่แบรนด์ได้จากการเข้าร่วมโครงการคือการได้ออกจาก comfort zone เปิดโอกาสให้ได้เปิดกว้างทางความคิด ความเข้าใจ มองเห็นภาพใหญ่ขึ้นของการสร้างแบรนด์และการทำธุรกิจ ได้พบเจอโอกาสทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบกับผู้คนในแวงวงธุรกิจจากหลายอุตสาหกรรม ตระหนักคิดมากขึ้นว่าการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ มีมากกว่าการผลิตสินค้าและขายของ นั่นคือการใช้ใจเพื่อเข้าใจตัวเองและลูกค้า ลงมือทำ สร้างและขยายเครือข่ายธุรกิจเพื่อต่อยอดต่อไปในอนาคต

 

Zeedder” จากร้านยำผลไม้ สู่การปั้นแบรนด์เครื่องจิ้มผลไม้ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น

 

และล่าสุดกับ IDEA LAB รุ่น 7 ที่เพิ่งจบไปนั้น Zeedder (ซี๊ดเด้อ) แบรนด์ที่อยากสื่อสารความเป็นไทยผ่านเครื่องจิ้มที่นำไปรับประทานกับผลไม้ท้องถิ่นแต่ละประเทศหรือจะทานกับผลไม้เปรี้ยวของไทยก็ได้เช่นกัน จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงร้านยำผลไม้เล็กๆ ที่ต้องการให้ลูกค้าได้ทานจากวัตถุดิบที่เลือกสรรมาอย่างดีและทำเครื่องจิ้มแบบ Homemade เมื่อเข้าร่วมโครงการได้รับการบ่มเพาะอย่างจริงจัง ได้รับการเปิดมุมมองใหม่จากผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม นำ Brand Bible ไปพัฒนาเพื่อยกระดับการส่งออกสินค้าไปสู่ตลาดสากล โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ หรือแม้แต่การนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์ มีการออกแบบที่ Inside Out และ Outside in ในระดับที่สมดุล และที่สำคัญคือยังคงจุดยืนความเป็นตัวตนของแบรนด์ไว้ได้เป็นอย่างดี

 

 

ปัจจุบันโครงการดังกล่าวเดินทางบ่มเพาะแบรนด์ไทยมาแล้วถึง 7 รุ่น 113 แบรนด์ โดย 3 ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมเดินทางมากับโครงการตั้งแต่รุ่นแรกนั่นคือ ณทัต ณ สงขลา ผู้ก่อตั้ง The Double Rabbits Creation Agency สมชนะ กังวารจิตต์ ผู้ก่อตั้ง Prompt Design และ ทรงพล  เนรกัณฐี นักรังสรรค์แบรนด์และนักการตลาดเชิงกลยุทธ์ ที่ให้ความเห็นโดยรวมเกี่ยวกับโครงการนี้ว่า IDEA LAB ทำให้ได้เห็นว่าประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่มีฝีมือ มีสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ ผู้ประกอบการบางรายอาจจะยังมองไม่เห็นคุณค่าของแบรนด์ที่ซ่อนอยู่ ผู้เชี่ยวชาญในโครงการจะช่วยแกะคุณค่าเหล่านั้นออกมาฉายภาพให้เห็นว่าสามารถต่อยอดหรือยกระดับแบรนด์ให้มีคุณค่าได้อย่างไร จนเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพ พร้อมช่วยจัดทำกลยุทธ์ที่เป็นท่าเฉพาะตัวของแบรนด์นั้นๆ ออกมาในที่สุด

ผู้ประกอบการแบรนด์ไทยรายได้ที่มีเป้าหมายที่จะส่งสินค้าออกไปยังต่างประเทศ ลองติดตามข้อมูลได้จากเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/DitpValueCreation หรือ https://www.ditp.go.th แล้วจะพบว่าทางลัดดีๆ นั้นจะช่วยแบรนด์ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น

 


  • 52
  •  
  •  
  •  
  •