ลองจินตนาการถึงวันที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เราใช้ทุกวัน ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราดูดีขึ้น แต่ยังช่วยดูแลโลกไปพร้อมกันด้วย — ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป! IBM และ L’Oréal ได้ร่วมมือกันสร้างโมเดล AI สุดล้ำที่มุ่งพัฒนาสูตรเครื่องสำอางให้ยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งความงามและสิ่งแวดล้อม
นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเกม แต่คือการสร้างกฎใหม่ทั้งหมดในอุตสาหกรรมความงาม
AI + Beauty = การปฏิวัติวงการเครื่องสำอางที่ไม่เหมือนใคร
L’Oréal ซึ่งเป็นบริษัทความงามระดับโลก กำลังเปลี่ยนวิธีคิดด้วยการใช้ Generative AI (GenAI) ของ IBM เพื่อนำข้อมูลสูตรเครื่องสำอางที่มีอยู่มากมายมาวิเคราะห์และสร้างสรรค์สูตรใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกมุมโลก
“AI ไม่ได้มาแทนที่นักวิจัย แต่คือเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้พวกเขาสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้” — กิลโยม เลอรัว-เมลีน, IBM Distinguished Engineer
ด้วยพลังของ AI นี้ L’Oréal สามารถเร่งกระบวนการพัฒนาสูตรใหม่ได้ในเวลาเพียงเสี้ยวของสิ่งที่เคยเป็น
ความสวยที่ยั่งยืน: ทำไมถึงสำคัญ?
เราอาจเคยได้ยินว่าโลกกำลังเผชิญปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง L’Oréal มองการณ์ไกล ด้วยการตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ให้ใช้วัตถุดิบชีวภาพหรือหมุนเวียนได้ทั้งหมดภายในปี 2573
“นี่คือวิธีที่เราตอบแทนโลกและผู้บริโภคในยุคที่ทุกคนต้องการผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเฉพาะตัว” — สเตฟาน ออร์ติซ, Head of Innovation ของ L’Oréal
ลองนึกถึงการใช้ลิปสติกที่ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังช่วยลดของเสียและประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิตด้วย — ฟังดูดีใช่ไหม?
AI Foundation Model: หัวใจของการเปลี่ยนแปลง
AI Foundation Model ไม่ใช่แค่เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล แต่คือ “นักสร้างสรรค์” ที่ช่วย L’Oréal คิดค้นสูตรใหม่ที่เข้าถึงหัวใจของผู้บริโภค
“AI คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราสร้างผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับความต้องการของแต่ละคน ในขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลกับสิ่งแวดล้อม” — มัตติเยอ คาสซิเยร์, Chief Transformation & Digital Officer ของ L’Oréal
มากกว่าความงาม: ความหวังสำหรับโลกใบนี้
ความร่วมมือนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างสูตรเครื่องสำอางที่ล้ำสมัย แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้ง IBM และ L’Oréal ในการสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
“นี่คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งอุตสาหกรรมและโลกใบนี้” — อเลสซานโดร คูริโอนี, IBM Fellow กล่าวไว้อย่างน่าประทับใจว่า
การสร้างโมเดล AI นี้จะใช้สูตรและข้อมูลส่วนประกอบจำนวนมากเพื่อเร่งสปีดภาระงานในหลายๆ ด้านที่จะดำเนินการโดย L’Oréal รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การพัฒนาสูตรใหม่ของเครื่องสำอางที่มีอยู่ และการปรับระบบให้รองรับการผลิตในสเกลที่ใหญ่ขึ้น โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยเสริมศักยภาพนักวิจัย 4,000 คนทั่วโลกของ L’Oréal ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ IBM Consulting จะสนับสนุน L’Oréal ในการคิดค้นและออกแบบกระบวนการการค้นพบสูตรใหม่ โดยการเข้าใจคุณลักษณะของส่วนประกอบที่สามารถหมุนเวียนได้ในสูตรเครื่องสำอางจะช่วยให้ L’Oréal สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นพร้อมทั้งตอบสนองความหลากหลายและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับแต่ละบุคคลให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
Foundation model เป็นประเภทของโมเดล AI ที่ถูกฝึกด้วยชุดข้อมูล unlabeled ซึ่งสามารถจัดการกับภาระงานได้หลายอย่างและประยุกต์ใช้ข้อมูลจากสถานการณ์หนึ่งไปยังอีกสถานการณ์หนึ่งได้ โมเดลเหล่านี้สร้างความก้าวหน้าให้กับเทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) อย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ IBM กำลังเป็นผู้นำในการประยุกต์ใช้ foundation model ในด้านอื่นๆ เช่น เคมี ชุดข้อมูลลำดับเวลา และข้อมูลเชิงพื้นที่ โดยเทคโนโลยี AI ของ IBM มีศักยภาพในการเสริมความคิดสร้างสรรค์ของ L’Oréal ในการค้นหาสูตรเครื่องสำอางใหม่ๆ เพื่อทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมความงาม L’Oréal รวมถึงความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ IBM จะร่วมกันก่อร่างกำหนดอนาคตที่นวัตกรรมบรรจบกับความยั่งยืน ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัวหนึ่งเดียวเฉกเช่นเดียวกับผู้คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นในทุกๆ วัน
อนาคตของความงาม: เฉพาะตัวและยั่งยืน
IBM และ L’Oréal กำลังพาเราเข้าสู่ยุคที่ความงามไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์ แต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักลิปสติก รองพื้น หรือสกินแคร์ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คุณได้มีส่วนร่วมในการดูแลโลกไปพร้อมกัน
อยากรู้ว่าอนาคตของความงามจะเป็นอย่างไรต่อไป? ติดตามเราไว้ ไม่แน่ สิ่งที่เราเห็นในวันนี้อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม!