คุณเองก็อาจเป็นคนหนึ่งที่เคยใช้บริการที่มี AI หรือปัญญาประดิษฐ์อยู่เบื้องหลังมาแล้ว เพราะที่ผ่านมามีการนำ AI ไปใช้ในธุรกิจแล้วมากมาย ทั้งในรูปแบบของหุ่นยนต์บริการที่ธนาคารมิซูโฮที่สามารถเข้าใจอารมณ์ของลูกค้าได้จากการพูดคุยไม่กี่ประโยค แถมนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะกับลูกค้าคนนั้นๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว หรือที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในฐานะผู้ช่วยแพทย์ ช่วยศึกษางานวิจัยและเคสผู้ป่วยนับล้านชิ้นในไม่กี่วินาที เพื่อกลั่นกรองเป็นแนวทางการรักษามะเร็งตับ ปอด เต้านม และลำไส้ ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน
หุ่นยนต์เปปเปอร์ให้บริการลูกค้าที่ธนาคารมิซูโฮ
คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่ได้ดูงานแฟชั่นโชว์ Met Gala โดยไม่ทราบเลยว่าชุดที่นางแบบใส่ได้รับการออกแบบโดย AI หรือคุณอาจเคยใช้ AI ที่เข้าใจองค์ประกอบทางเคมีของอาหารแต่ละชนิด ในการช่วยออกแบบเมนูอาหารที่ตอบโจทย์ข้อจำกัดด้านวัตถุดิบหรือสุขภาพ เช่น เมนูเค้กรสหวานที่ไม่ใส่น้ำตาล หรือบาร์บีคิวรสเนื้อย่างที่ทำจากผัก 100% เป็นต้น
“Cognitive dress” จากการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่าง IBM และ Marchesa
จินนี่ โรเม็ตตี้ ซีอีโอของไอบีเอ็มและหนึ่งในสุภาพสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ อธิบายถึง AI หรือเทคโนโลยี Cognitive ของไอบีเอ็ม ว่าคือเทคโนโลยีที่สามารถเข้าใจข้อมูลไร้โครงสร้างอย่าง ภาพ เสียง หรือแม้แต่วิดีโอที่ถือเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน สามารถตั้งสมมติฐานและเทียบเคียงองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อหาเหตุผลเชื่อมโยงข้อมูล และสุดท้ายคือสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เจอได้อย่างไม่สิ้นสุด โดยในยุคปัจจุบันที่ปริมาณข้อมูลเติบโตอย่างก้าวกระโดด เทคโนโลยี Cognitive ที่มี AI เป็นกลไกสำคัญอย่าง IBM Watson จะเข้ามาเป็นกุญแจไขรหัสข้อมูลมหาศาล แทนที่เทคโนโลยีคอมพิ้วติ้งแบบ Programming ที่ยังต้องอาศัยการเขียนโปรแกรมควบคุมสั่งงานจากมนุษย์
“CogniToy” ของเล่นที่ใช้ AI เข้ามาช่วยในการเสริมพัฒนาการเด็กเล็ก
นั่นไม่ได้แปลว่า AI จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ แต่ AI จะก้าวเป็นผู้ช่วยสำคัญในการสังเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลมหาศาล จากโลกโซเชียล งานวิจัยหลายล้านฉบับ หรือแม้แต่อุปกรณ์อัจฉริยะหลายพันล้านชิ้นที่เชื่อมต่อกันอยู่ เพื่อประมวลเป็นมุมมองเชิงลึกสนับสนุนการตัดสินใจของมนุษย์และองค์กร
เมื่อเดือนที่ผ่านมา Alex Da Kid โปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานเพลงฮิตติดท็อปชาร์ตของศิลปินดังอย่าง Eminem และ Rihanna ใช้ AI ในการวิเคราะห์หาองค์ประกอบที่ทำให้เพลงดังติดชาร์ต โดยให้เทคโนโลยีอัจฉริยะ IBM Watson อ่านข้อมูลเชิงวัฒนธรรมจากบทความ บทภาพยนตร์ เนื้องเพลง ฯลฯ ย้อนหลัง 5 ปี เพื่อหา ‘อุณหภูมิทางอารมณ์’ ที่ปรากฎในแต่ละปี ร่วมกับการวิเคราะห์โครงสร้างของเพลงที่ติดชาร์ตบิลบอร์ดกว่า 46,000 เพลง ก่อนจะใช้เทคโนโลยี Watson BEAT ในการช่วยทำเพลง จนออกมาเป็นเพลง Not Easy ทีไต่ขึ้นอันดับ 4 ของ iTunes “Hot Tracks” ในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง พร้อมรั้งอันดับ 1 บน Spotify ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
โปรดิวเซอร์ชื่อดัง Alex Da Kid ใช้ AI วิเคราะห์หาองค์ประกอบที่ทำให้เพลงดังติดชาร์ต
ล่าสุด เจเนอรัล มอเตอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านยนตรกรรมของโลก เตรียมนำ AI เข้าช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถ ด้วยแอพที่สามารถแจ้งเตือนกิจกรรมในแต่ละวัน ช่วยสั่งกาแฟแบบ on-the-go หรือช่วยคำนวณระยะทางและเวลารถติด พร้อมเตือนผู้โดยสารให้เติมน้ำมันเผื่อไว้โดยแสดงตำแหน่งที่ตั้งของปั๊มที่อยู่ใกล้ที่สุดให้เสร็จสรรพ ขณะที่แชฟฟ์เลอร์ ผู้นำอุตสาหกรรมตลับลูกปืนระดับโลก เริ่มใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์หลายล้านชิ้นเพื่อหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยานยนต์และเครื่องจักรต่างๆ
เจเนอรัล มอเตอร์ กับการนำ AI ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้รถ
ในอนาคตอันใกล้นี้ เรายังจะได้เห็นการผนวกรวมเทคโนโลยีด้านการรักษาโรคของเทวา ฟาร์มาซูติคัล บริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลก เข้ากับความสามารถของ IBM Watson ในการประมวลผลข้อมูลกว่า 6,000 ล้านดาต้าพอยท์ ร่วมด้วยข้อมูลสภาพอากาศ เพื่อวิเคราะห์หารูปแบบสถานการณ์ที่เป็นสัญญาณเตือนอาการกำเริบของโรคหอบหืดล่วงหน้า โดยพ่วงผลลัพธ์ที่ได้กับแอพสั่งยาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเตรียมป้องกันอาการหอบหืดได้ทันท่วงที
รวมทั้งความร่วมมือระหว่างไอบีเอ็มและสหพันธ์ครูแห่งอเมริกาในการสร้างแอพ Teacher Advisor เพื่อเป็นผู้ช่วยครูในการเลือกแนวทางการสอน บทเรียน และอุปกรณ์การเรียนการสอนออนไลน์ที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน โดยจะเริ่มที่สาขาวิชาด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์)
จินนี่ โรเม็ตตี้ มองว่าเทคโนโลยี AI อย่าง IBM Watson กำลังจะเข้าพลิกโฉมธุรกิจทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรมใน 5 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1) การช่วยให้องค์กรส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการและเสริมสร้างสัมพันธภาพกับลูกค้าได้แนบแน่นยิ่งขึ้น 2) การทำให้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้และความชำนาญเฉพาะสาขาได้ 3) การนำ AI เข้าไปเสริมความสามารถของผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ 4) การช่วยร่นระยะเวลาและกระบวนการในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ และ 5) การเสริมศักยภาพงานค้นคว้าและวิจัยต่างๆ
การใช้ AI วิเคราะห์บุคลิกภาพของแต่ละคนจากรูปแบบข้อความที่เราเขียน
วันนี้ ผู้บริโภคกว่า 250 ล้านคนทั่วโลกกำลังใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี AI ผ่านการช็อปปิ้ง ซื้อประกัน ใช้บริการธนาคาร เดินทางท่องเที่ยว หรือติดต่อภาครัฐ ผู้ป่วยกว่า 250 ล้านคนกำลังรับบริการทางการแพทย์ที่มี AI อยู่เบื้องหลัง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย 275 แห่งทั่วโลกกำลังเรียนวิชา AI และแสวงหาแนวทางในการนำ IBM Watson ไปต่อยอดธุรกิจ ขณะที่นักการตลาดจำนวนมากกำลังหันมาใช้ AI ในการวิเคราะห์และหามุมมองเชิงลึกที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลท่วมท้น เทียบเคียงกับสภาพอากาศและข้อมูลบนโลกโซเชียล โดยเอาเวลาไปสร้างสรรค์แคมเปญที่ตรงใจลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลแทนการมานั่งปวดหัวกับไฟล์ตัวเลขและการใส่สูตรถูกๆ ผิดๆ
แอพ Macy’s On Call ของห้าง Macy’s ที่สามารถให้ข้อมูล บอกตำแหน่งที่ตั้งของสินค้า และแจ้งพนักงานเมื่อลูกค้าเตรียมไปรับสินค้า
จินนี่ กล่าวว่ากว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลกจะได้รับอิทธิพลจาก AI ภายในปีหน้า คุณพร้อมหรือยังที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและอนาคตที่คุณเลือกได้