‘แกร็บ’ จับเทรนด์ Retail Media คลื่นที่ 3 ของ Digital Advertising ประกาศพร้อมลุย GrabAds เต็มสูบ ชู 3 จุดแข็งสำคัญ

  • 12
  •  
  •  
  •  
  •  

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคนี้เป็นยุคดิจิทัล ที่ส่งผลต่อยอดการสเป็นเงิน ดิจิทัลมีเดียเติบโต ซึ่งสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นในหลายๆ ธุรกิจ แม้แต่เจ้าแห่ง Delivery อย่าง Grab เองก็หันมาสนใจที่จะลงมาเล่นในสมรภูมิของการเป็น “ธุรกิจมีเดีย” ลองมาดูว่า Grab มองเห็นโอกาสทางธุกริจนี้อย่างไรบ้าง

 

จากตัวเลขจะเห็นการเติบโตของ มีเดีย สเป็นดิ้งในไทย แตะบวกที่ +5.6% (เดือนมกราคม – มิถุนายน 2023) โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 25% การเติบโตดังกล่าว สร้างโอกาสให้ผู้เล่นใหม่ๆ อยากที่จะเข้ามาในสมรภูมินี้

ที่สำคัญ เป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายได้ นอกเหนือจากการอัดเม็ดเงินไปที่สื่อออนไลน์, โซเชียลมีเดีย หรือดิจิทัลมีเดียอื่นๆ ดังนั้น โดยภาพรวมๆ จึงเรียกว่าเป็น Retail Media

 

การมาของ Retail media เวฟที่ 3 ของ Digital Advertising

Retail media (สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก) คือคลื่นลูกที่ 3 คลื่นลูกใหม่ที่มาแรงของ Digital Advertising ต่อจาก Search และ Social media หลายสำนักยืนยันตรงกันถึง ความร้อนแรงของ Retail media ทั้งการที่พบว่า มียอดการซื้อที่เพิ่มขึ้นจากเอเจนซี่และแบรนด์ รายงานของตลาดเอเชียที่ระบุว่า 99% ของนักการตลาดในเอเชียเพิ่มการใช้จ่ายสื่อค้าปลีก รวมทั้งการคาดการณ์ว่ามีเม็ดเงินใน Retail media สูงถึง 125.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023

ดังนั้น Retail media คือระบบนิเวศใหม่ ที่จะขับเคลื่อนสินค้าและแบรนด์ อย่างครบลูปแบบ Full-funnel ของการโฆษณา พร้อมกับผลักดันทรานส์แซกชั่นของ First-party Data ให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย

จากความร้อนแรงของ Retail media ทำให้ Grab สนใจในสมรภูมินี้อย่างเต็มตัว ซึ่งอันที่จริง เริ่มมาตั้งแต่ปี 2018 ในโซนเซาท์อีสต์เอเชีย ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย โดยที่ผ่านมาดำเนินการในรูปแบบ Super-app Advertising ที่ผลักดันผลลัพธ์ให้กับแบรนด์ โดยฝังตัวอยู่ในทุกๆ เจอร์นีย์ของผู้บริโภค

 

สำหรับ แกร็บ ประเทศไทย ได้ลุยธุรกิจโฆษณานี้มาพักใหญ่แล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการวางแผนที่จะเจาะกลุ่มนักโฆษณาและการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัล โดยกลุ่มลูกค้าที่เล็งไว้ ได้แก่ FMCG ยานยนต์ และสถาบันการเงิน นอกเหนือจากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมตั้งเป้าเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกอันดันต้นๆ ในประเทศไทย

 

จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่มีการผสมผสานกันอย่างไร้รอยต่อ ทำให้นักโฆษณาและนักการตลาดต้องออกแบบกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต และสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์บนโลกออนไลน์และออฟไลน์ของผู้บริโภคให้ได้อย่างลงตัว หากเจาะไปที่ธุรกิจโฆษณาในปีที่ผ่านมา (2565) สื่อออนไลน์และออฟไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลง ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา1 สื่อออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 5.6% ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาในสื่อออฟไลน์ลดลง 1.9% จากการถดถอยของสื่อโทรทัศน์ ขณะที่สื่อนอกบ้าน (Outdoor & Transit media) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

“นอกเหนือจากสื่อโฆษณาหลักเหล่านี้แล้ว อีกหนึ่งรูปแบบของสื่อที่กำลังมาแรงในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาคือ สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก (Retail Media Network) ซึ่งบริหารและให้บริการโดยผู้ประกอบการค้าปลีกหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ถือเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ในขณะที่กำลังซื้อสินค้าออนไลน์หรือหน้าร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยจุดแข็งของการมีฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านพฤติกรรมการจับจ่าย ความชอบ และประวัติการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ทั้งนี้ ในปี 2566 สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกถือเป็นสื่อที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยถูกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมทั่วทั้งโลกสูงถึง 125.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะสามารถทำรายได้รวมสูงกว่ารายได้จากสื่อโทรทัศน์ได้ภายในปี 2571

 

นอกจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่ให้ความสนใจและทุ่มงบโฆษณากับ GrabAds แล้ว เรายังพยายามขยายฐานลูกค้าไปในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย โดยในปีนี้ เราเตรียมรุกไปที่ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods: FMCG) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และกลุ่มสถาบันการเงินและธนาคาร (Finance & Banking) ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและใช้งบเพื่อทำการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราเชื่อว่า GrabAds จะเป็นเครื่องมือการตลาดอันทรงพลังที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมายอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

 

Grab เข้าสู่ธุรกิจโฆษณาครั้งแรกในปี 2561 โดยเริ่มจากการนำเสนอสื่อโฆษณาภายในรถยนต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ ก่อนจะขยายตัวมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในแอปพลิเคชันได้มากขึ้น และถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกที่ครบวงจรภายใต้ชื่อ “GrabAds” อย่างในปัจจุบัน ครอบคลุมช่องทางการโฆษณาทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดย

 

ล่าสุด GrabAds ติดอันดับหนึ่งในสามของสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้บริโภคให้การตอบรับและมีความรู้สึกที่ดีต่อโฆษณา (Ad Equity) มากที่สุด สำหรับในประเทศไทย GrabAds เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและทรงอิทธิพลด้วย 3 จุดแข็งสำคัญ นั่นคือ การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์ภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บได้อย่างไร้รอยต่อ และการดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ การเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

3 จุดแข็งสำคัญของธุรกิจสื่อโฆษณาจาก GrabAds  

  1. การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Online-to-Offline Integration within Grab’s Ecosystem)

GrabAds นำเสนอโซลูชันด้านการตลาดที่ครบวงจร ตั้งแต่ การสร้างแบรนด์ไปจนถึงปิดการขายกับกลุ่มเป้าหมาย (Awareness to Conversion) ด้วยรูปแบบและกลไกของสื่อที่มีความหลากหลาย ทั้งบนแอปพลิเคชันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง Masthead Native Banner Search เป็นต้น ที่ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้อสินค้า และผ่านทางการให้บริการออฟไลน์ อาทิ สื่อโฆษณาบนรถโดยสาร หรือ กระเป๋าส่งของของพาร์ทเนอร์คนขับ ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ

  1. การจับกลุ่มลูกค้าคุณภาพที่มีกำลังซื้อ (Capturing High-Value Audience)

กว่า 60% ของผู้ใช้บริการในประเทศไทยที่เปิดแอปพลิเคชันแกร็บมีการทำการใช้จ่ายบนแอปพลิเคชันในเดือนนั้น จึงทำให้อัตราการคลิกโฆษณา (Click Through Rate: CTR) สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ในประเทศไทย ถึง 3 – 5 เท่า นอกจากนี้ จากการสำรวจของแกร็บ ยังพบว่า กว่า 77% ของผู้ใช้บริการไทยรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บ

  1. การเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภค (First-party Data Insights)

ด้วยฐานข้อมูลคุณภาพ ที่รวบรวมพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงของผู้ใช้บริการบนแอปพลิเคชัน Grab ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติของการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าใจอินไซต์และเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เช่น ไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาทิ เมนูอาหารที่ชอบ ประเภทสินค้าที่สั่งเป็นประจำ สถานที่ที่มักเดินทางไปบ่อยๆ รวมถึงวิธีการเดินทาง

 

รูปแบบโฆษณาของ GrabAds มีอะไรบ้าง และตอบโจทย์อะไรบ้าง

  1. Superapp Hero format มีทั้งที่เป็น Masthed, ภาพและวิดีโอ ซึ่งช่วยสร้างทั้ง Awareness และ Consideration
  2. Mobile OOH and In car เป็นได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือจะอยู่ที่รถของไรเดอร์ (In-car Hanger) ก็ได้ ช่วยได้ตั้งแต่ Awareness, Considertion และ Conversion
  3. Rewarded Native Formats ได้ทั้งภาพและวิดีโอ หรือให้เป็นรีวอร์ดเก็บแต้มก็ได้ ซึ่งช่วยสร้างทั้ง Awareness และ Consideration รวมไปถึงสร้าง Conversion และ Loyalty
  4. Sampling ทำได้ทั้งกับ Grabfood, Grabkitchen, Grabmart และ Grabtransport หรือจะ Samlping survey ก็ได้
  5. GrabFood/GrabMart Hero Formats เป็นอีกรูปแบบที่ตอบโจทย์ทั้ง Full-funnel

 

 

Success Case  

ตัวอย่างการลงโฆษณากับ GrabAds ที่ประสบความสำเร็จ

  • อายิโนะโมะโต๊ะ มีเป้าหมายต้องการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้รู้จักแบรนด์มากขึ้น ใช้วิธีการแจกสินค้าตัวอย่างผ่านคำสั่งซื้อเดลิเวอรีร้านส้มตำชื่อดังต่างๆ เพื่อให้เกิดการจดจำแบรนด์และเลือกซื้อในอนาคต
  • เป๊ปซี่ เปิดตัวรสชาติใหม่ “เป๊ปซี่ ไลม์” ลงโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็ฯแบนเนอร์ แร็พอัป Grab car รวมถึงเสื้อและกระเป๋าไรเดอร์

 

นับเป็นอีกหนึ่ง business line ใหม่ของ GrabAds ที่ก้าวออกมาจากธุรกิจที่ตัวเองประสบความสำเร็จ แต่ต้องถือเป็นก้าวที่ท้าทายมาก เพราะต้องแข่งกับสื่อและมีเดียอีกหลายเจ้า รวมไปถึงโซเชียลแพล็ตฟอร์มต่างๆ แม้ว่าจะเล่นกันคนละเกมส์ก็จริงอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมรภูมิของการเป็น “พื้นที่โฆษณา” หอมหวนยิ่งสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลแบบนี้.


  • 12
  •  
  •  
  •  
  •  
Tukko Nathida
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ MarketingOops.com กับความตั้งใจในการนำเสนอเนื้อหาที่ทันเหตุการณ์ และเกิดประโยชน์ ให้สามารถนำเนื้อหาความรู้ และ Insight ไปต่อยอดกับอนาคตของธุรกิจ และการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี ครีเอทีฟ การตลาด โฆษณา และสตาร์ทอัพ