แกร็บ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจแอปเรียกรถและแอปสั่งอาหารอันดับ 1 เผยไฮไลท์ความสำเร็จในปี 2567 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Lead with Purpose” ผ่าน 5 กลยุทธ์ “S.M.A.R.T” มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Sustainability) ขยายบริการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Market Expansion) นำเสนอทางเลือกของบริการในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordability) รักษาฐานลูกค้าและมัดใจคนขับ-พาร์ทเนอร์ร้านค้า (Retention) พัฒนาเทคโนโลยี และบริการใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน (Tech & Innovation)
แกร็บ ประเทศไทย เปิดแถลงข่าวใหญ่เป็นครั้งแรกของปี 2568 หลังการปรับเปลี่ยนผู้นำทัพใหม่ โดยได้แม่ทัพเป็นผู้นำสาวคนเก่ง “จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม” ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย หรือ Head of Thailand เติบโตจากสายงานการตลาดด้วยการดูแล FMCG ก่อนจะย้ายบ้านมาอยู่ที่แกร็บ และทำงานในฝั่งการตลาดที่แกร็บเป็นเวลา 7 ปี ในที่สุดก็ก้าวสู่จุดสูงสุดขององค์กร ซึ่งเธอยอมรับว่า ทั้งท้าทายแต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานในการทำงาน ที่สำคัญมั่นใจในลูกทีมเป็นอย่างมาก พร้อมที่จะนำพาแกร็บสู่ เบอร์ 1 ในทุกๆ มิติ
“ปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ยอดเยี่ยมของ แกร็บ ประเทศไทย โดยเรายังคงครองความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้ใช้ให้ความเชื่อมั่นทั้งในบริการเรียกรถผ่านแอปและเดลิเวอรี ทั้งยังสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกธุรกิจ โดยมีไฮไลท์ความสำเร็จมากมาย ทำให้ในปีที่ผ่านมา เป็นปีที่พวกเราภาคภูมิใจเป็นอย่างมากในความสำเร็จ”
ความสำเร็จปี 2024
แกร็บ ดำเนินการอยู่ใน 8 ประเทศ ใน 800 หัวเมือง พร้อมผู้ใช้งาน 41 ล้านคน (ตัวเลขระดับภูมิภาค ปี 2024) และเป็นอันดับ 1 ในแบรนด์ส่งอาหารและแอปเรียกรถ ในประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม (วัดผลโดย Kantar)
– บริการเรียกรถไปยังสนามบิน 4 แห่ง และมีโครงการเพิ่มจุดเรียกรถต่อไป
– บริการเรียกรถ เติบโต 90% โดยมีโครงการขยายไปยังหัวเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น
– นักท่องเที่ยวเรียกใช้บริการสูงถึง 138%
– การตอบรับในฟีเจอร์ Group Order เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
– บริการ Advanced Booking หรือการจองโต๊ะนั่งทานในร้าน มีการใช้บริการสูงถึง 60% เติบโตเพิ่มโดยเฉพาะในช่วง Festive Season
– บริการ Dine out หรือการซื้อคูปองไปนั่งทานที่ร้าน เป็นฟีเจอร์ได้รับการตอบรับดี เติบโตเพิ่มขึ้น 11 เท่า (ร้านอาหารเช่น บาร์บีคิวพลาซ่า, โมโม่พาราไดซ์ ฯลฯ)
– บริการเรียกรถ GrabCar เติบโต 5 เท่า
– บริการเรียกรถแบบ GrabBike เติบโต 4 เท่า
– ธุรกิจแบบ B2B โดยเฉพาะ GrabAds ซึ่งมีบริการที่ปรึกษาในการทำโฆษณาให้ลูกค้าด้วย (In house consulting marketing) เติบโตต่อเนื่อง โดยมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 80% สำหรับลูกค้า 3 อันดับแรกจะเป็นกลุ่ม ร้านอาหาร, แบงก์กิ้ง และเทคโนโลยี
– 12 ปีกับการทำธุรกิจที่ประเทศไทย แกร็บ มีส่วนทำให้ GDP ประเทศเติบโต 1%
ทิศทางและเป้าหมายปี 2568
ปี 2568 แกร็บ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้ วิสัยทัศน์ “Lead with Purpose” โดยมุ่งสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันและตอกย้ำบทบาทของแกร็บ ในฐานะผู้นำซูเปอร์แอปเพื่อยกระดับมาตรฐานของธุรกิจการเดินทางและเดลิเวอรี ควบคู่ไปกับการสานต่อพันธกิจ GrabForGood ที่มุ่งใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับคนไทย โดยจะมุ่งเน้นไปที่
กลยุทธ์ “S.M.A.R.T”
สำหรับ 5 แนวทางหลักภายใต้กลยุทธ์ “S.M.A.R.T” ซึ่งประกอบด้วย
1) S – Sustainability
2) M – Market Expansion
3) A – Affordability
4) R – Retention
5) T – Tech & Innovation
S: Sustainability มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นอกจากการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แกร็บยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลง เชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเดินหน้าสานต่อโครงการสำคัญอย่าง “โครงการ Grab EV” ที่ส่งเสริมให้คนขับใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลดผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมียอดการใช้รถ EV แล้วกว่า 10,000 คัน ควบคู่ไปกับ “โครงการชดเชยคาร์บอน” ที่ให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงินผ่านฟีเจอร์ Carbon Offset เพื่อนำไปซื้อคาร์บอนเครดิตและทำกิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มทดลองกิจกรรมใหม่ๆ อย่าง “โครงการ Grab Go Green อิ่มคุ้มช่วยโลกกับ GrabFood” ที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารในราคาพิเศษในช่วงก่อนปิดร้านเพื่อช่วยลดขยะอาหารจากร้านค้า เป็นต้น
ล่าสุด แกร็บจับมือกับ BYD ในระดับภูมิภาค นำรถจำนวน 50,000 คัน มาใช้สนับสนุน โดยในส่วนประเทศไทยได้มาจำนวน 10,000 คัน เพื่อใช้งานในธุรกิจ Mobility ซึ่งช่วยให้คนขับเข้าถึงรถ EV ได้ง่ายขึ้น เริ่มต้นผ่อนเพียงเดือนละ 900 บาท ก็มีรถไว้ใช้งานสร้างรายได้สร้างอาชีพได้แล้ว
ขณะที่ด้านสังคม นอกเหนือจากกลุ่มคนขับและพาร์ทเนอร์ร้านค้าซึ่งเป็นคนในอีโคซิสเต็มแล้ว แกร็บยังได้ส่งเสริมการสร้างโอกาสให้กับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ผ่าน “โครงการ GrabSpark” ที่เปิดเวทีให้นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดแผนธุรกิจ พร้อมโอกาสในการฝึกงานกับแกร็บ รวมถึง “โครงการ GrabScholar” กับการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาที่มีศักยภาพ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
M: Market Expansion ขยายบริการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน
ในการขยายฐานลูกค้า ซึ่งแกร็บระบุว่า Gen Y เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก สร้างความเชื่อมั่นด้วยการร่วมงานกับ “เบลล่า – ราณี” พรีเซ็นเตอร์หลัก มานานกว่า 4 ปีแล้ว ซึ่งสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่ม Gen Y มาด้วยดี แต่ก็ขอเดินหน้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าเพิ่มเติม โดยล่าสุดได้เปิดตัว 4 หนุ่มสุดฮอตอย่าง เจมีไนน์-โฟร์ท และ สกาย-นานิ ในฐานะ “Friends of Grab” เพื่อดึงดูดกลุ่ม Gen Z และ Millennials เสริมทัพ
นอกจากนี้ แกร็บยังได้ผลักดันการใช้ฟีเจอร์บัญชีครอบครัว (Family Account) เพื่อขยายการให้บริการไปยังกลุ่ม Baby Boomer และ Gen Alpha ผ่านผู้ใช้บริการหลัก (Core User) ที่ต้องการเรียกรถให้กับสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคนอาวุโส (พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่) และกลุ่มเด็กเล็ก (ลูก-หลาน) โดยกลุ่มนี้ มีความต้องการเรื่องการดูแลความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยทางแกร็บเองก็มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการในจุดนี้
ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปีนี้แกร็บยังคงเดินหน้าสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะนโยบาย “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ของรัฐบาล ผ่านการสนับสนุนและเข้าร่วมอีเวนท์สำคัญระดับประเทศและเทศกาลเชิงวัฒนธรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี อาทิ งาน S2O Songkran Music Festival งาน Siam Songkran Music Festival และ Maha Songkran World Water Festival 2025 เป็นต้น
A: Affordability นำเสนอทางเลือกของบริการในราคาที่เข้าถึงได้
• แกร็บเตรียมต่อยอดความคุ้มค่าสำหรับบริการเรียกรถด้วยการขยายบริการ GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมที่ทดลองให้บริการเฉพาะหัวเมืองหลัก
• สำหรับบริการฟู้ดเดลิเวอรี แกร็บยังคงชูไฮไลท์ซับแบรนด์ “Hot Deals” ดีลลดแรงจากร้านดังทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มจำนวนร้านที่เข้าร่วมโปรแกรม ควบคู่ไปกับการนำเสนอโปรโมชันตามช่วงเทศกาลหรือโอกาสพิเศษต่างๆ
• รวมถึงการชูแคมเปญใหญ่ อย่าง “GrabFood Mega Sale” ที่มอบส่วนลดจัดหนักสูงสุดถึง 80% พร้อมส่งฟรีให้กับผู้ใช้บริการทั่วประเทศ
R: Retention รักษาฐานลูกค้าและมัดใจคนขับ-พาร์ทเนอร์ร้านค้า
• GrabUnlimited มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 3 เท่า ถือเป็นโปรแกรมหลักที่ช่วยมัดใจผู้ใช้บริการผ่านการมอบสิทธิประโยชน์และส่วนลดที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกบริการ ด้วยแพ็คเกจสมาชิกรายเดือนเพียง 19 บาทต่อเดือน หรือรายปีเพียง 99 บาทต่อปี ไม่เพียงเท่านั้น
• ปีนี้แกร็บยังได้พัฒนา GrabVIP หรือโปรแกรมสิทธิพิเศษเหนือระดับสำหรับผู้ใช้บริการที่มี ยอดใช้จ่ายสูงกว่า 30,000 บาทในระยะเวลา 3 เดือน อาทิ รับสิทธิ์ส่งอาหารไว (Priority Delivery) 5 ครั้งต่อเดือน และความช่วยเหลือพิเศษก่อนใคร (Priority Support) จากศูนย์ช่วยเหลือแกร็บ
• สำหรับคนขับ แกร็บจัดเต็มสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับคนขับที่ให้บริการดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฟรีประกันรถจักรยานยนต์ และการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับบริการสินเชื่อเงินสด สำหรับคนขับ GrabBike และฟรีประกันสุขภาพสำหรับคนในครอบครัว สำหรับคนขับ GrabCar พร้อมจัดกิจกรรมเซอร์ไพรส์แจกรถยนต์-รถจักรยานยนต์ในช่วงเทศกาลสำคัญ เป็นต้น
• สำหรับกลุ่มพาร์ทเนอร์ร้านค้า แกร็บยังเดินหน้าพัฒนาบริการสินเชื่อเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและเป็นทุนในการขยายธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาประกันค้าขายหายห่วง เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ประกอบการธุรกิจจากเหตุไม่คาดฝันด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท
พร้อมการจัดอันดับความขยันของไดร์ฟเวอร์ ด้วยการให้เลเวลเป็น “เทพแกร็บ” และ “เซียนแกร็บ” สำหรับไดร์ฟเวอร์ที่ขยันขันแข็งในการรับงาน พร้อมรีวอร์ดต่างๆ ซึ่งปีที่ผ่านมามีไดร์ฟเวอร์ที่ขยันมากจนได้รถฟรีไป 1 คัน
T: Tech & Innovation พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน
• ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับภูมิภาค แกร็บยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันและตอบโจทย์ความต้องการของคนในอีโคซิสเต็ม
• ในปีนี้ แกร็บได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ตั้งแต่ต้นปี อาทิ Advance Booking for Airport Pickups บริการจองรถล่วงหน้าเพื่อให้มารับที่สนามบินโดยสามารถระบุไฟลท์และเวลาเดินทางเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนขับได้ ซึ่งปัจจุบันได้ทดลองให้บริการแล้วที่สนามบินภูเก็ต GrabExecutive บริการเรียกรถล่วงหน้าระดับพรีเมียม ที่เจาะกลุ่ม
• นักธุรกิจและลูกค้าไฮเอนด์และนักท่องเที่ยว Book Table บริการสำหรับจองร้านอาหารเพื่อรับประทานที่ร้าน ซึ่งเป็นการผสานความร่วมมือและเชื่อมต่อกับระบบของ Chope ซึ่งมีจุดแข็งในด้านระบบการจองร้านอาหาร
• ล่าสุดกับการพัฒนา QR Payment เพื่อเพิ่มทางเลือกการชำระเงินให้กับผู้ใช้บริการ ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาให้กับคนขับที่อาจมีเงินสดสำรองไม่เพียงพอ
“ตลอดระยะเวลาเกือบ 12 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แกร็บภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย และมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสะท้อนผ่านผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ระบุว่ากิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงจรธุรกิจของ Grab ในปี 2566 ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยสูงถึง 1.79 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สิ่งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นแรงผลักดันให้แกร็บยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีเป้าหมาย พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและยกระดับคุณภาพชีวิตของไทยต่อไป” นางสาวจันต์สุดา กล่าวปิดท้าย