การชำระเงินรูปแบบ Mobile Contactless ที่ใช้โทรศัพท์มือถือแตะเพื่อจ่ายเงินค่าสินค้าและบริการ มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ผู้คนนิยมทำทำธุรกรรมการเงินอยู่บนมือถือ ล่าสุด “Google” เปิดให้บริการ “Google Wallet” ในประเทศไทย เริ่มนำร่องกับบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพ ทั้ง Visa และ Mastercard และบัตรเครดิตเคทีซี ทั้ง Visa และ Mastercard
คุณแจ็คกี้ หวาง Country Director, Google ประเทศไทย กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันที่การชำระเงินแบบดิจิทัลเพื่อประสบการณ์ที่ราบรื่นได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงถือโอกาสเปิดตัว Google Wallet ในประเทศไทย เพื่อมอบประสบการณ์การชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้ โดยรองรับการใช้งานบัตรต่างๆ ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่น บัตรสะสมคะแนน บัตรเข้าชมงานต่างๆ และบอร์ดดิ้งพาส
จากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ e-Conomy SEA 2022 พบว่าการชำระเงินแบบดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าการชำระเงินแบบดิจิทัลในไทยจะมีมูลค่าธุรกรรมรวม (Gross Transaction Value: GTV) สูงถึง 1.61 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568
- อ่านเพิ่มเติม: 12 เรื่องน่ารู้ “e-Conomy SEA Report 2022” เศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – “ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย” ใหญ่อันดับ 2 ของภูมิภาค
ด้วย Google Wallet ผู้บริโภคสามารถแตะเพื่อจ่ายเงินในร้านค้า หรือเช็คเอาท์ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งเข้าถึงบอร์ดดิ้งพาสสำหรับการเดินทางที่เร่งรีบในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปลายปีได้อย่างง่ายดาย เปรียบเสมือนการรวมทุกกระเป๋าไว้ในที่เดียวในทุกการเดินทาง ซึ่งทั้งสะดวกและปลอดภัย
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพ (บัตรเครดิต Visa และ Mastercard) และบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี (บัตรเครดิต Visa และ Mastercard) สามารถเพิ่มบัตรลงใน Google Wallet และแตะเพื่อจ่ายด้วยโทรศัพท์ Android หรืออุปกรณ์ Wear OS ในร้านค้าที่รองรับการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัส และผู้ที่ถือบัตรของทรูมันนี่ (บัตร Prepaid Mastercard) จะสามารถเพิ่มบัตรลงใน Google Wallet ได้ในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังสามารถใช้บัตรชำระเงินใน Google Wallet เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์หรือภายในแอปกับร้านค้าและผู้ให้บริการต่างๆ ได้ เช่น Airbnb และดีแทค หรือทุกที่ที่มีปุ่มตัวเลือกการชำระเงินผ่าน Google Pay
นอกจากการบันทึกและเข้าถึงบัตรชำระเงินแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มบอร์ดดิ้งพาสของสายการบินแอร์เอเชียลงใน Google Wallet ซึ่งจะทำให้ได้รับการแจ้งหากเวลาออกเดินทางและประตูขึ้นเครื่องมีการเปลี่ยนแปลง และสามารถผ่านประตูขึ้นเครื่องที่สนามบินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถแตะเพื่อจ่ายได้อย่างปลอดภัยโดยใช้ Google Wallet ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องใช้บัตรจริง (แต่ต้องเปิดใช้งานการชำระเงินข้ามพรมแดนสำหรับบัตรที่ต้องการจะใช้ก่อน)
เริ่มต้นใช้งาน Google Wallet อย่างไร ?
สำหรับขั้นตอนการใช้งาน Google Wallet ดังนี้
หากผู้ใช้บันทึกบัตรเครดิตไว้ในบัญชี Google ของตัวเองแล้ว บัตรนั้นจะปรากฏบน Google Wallet โดยอัตโนมัติ จากนั้นเพียงตั้งค่าการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสโดยทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ
ในกรณีที่หากยังไม่ได้บันทึกบัตรและต้องการเพิ่มบัตรใบใหม่ลงใน Wallet ให้แตะที่ “เพิ่มบัตร” (“Add a card”) จากเมนูที่อยู่ด้านบนของหน้าจอ
จากนั้นระบบจะขอให้คุณตรวจสอบและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของผู้ออกบัตรก่อนใช้งาน เมื่อคุณแตะยอมรับและยืนยันข้อมูลของบัตรแล้ว บัตรจะถูกแปลงเป็นโทเค็นและพร้อมใช้งานใน Google Wallet
นอกจากนี้ การเพิ่มบัตรต่างๆ ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่น บอร์ดดิ้งพาส ลงใน Google Wallet ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ในเพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอน
ตัวอย่างเช่น หลังจากที่คุณซื้อตั๋วเครื่องบินจาก airasia Super App คุณจะเห็นปุ่ม “เพิ่มลงใน Google Wallet” (“Add to Google Wallet”) ซึ่งบอร์ดดิ้งพาสที่อยู่ใน Google Wallet ของคุณจะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล
หากคุณมีบัตรสมาชิกหรือบัตรสะสมคะแนนที่ต้องพกหลายใบ คุณสามารถใช้ Google Wallet เพื่อจัดเก็บบัตรเหล่านั้นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพกให้หนักกระเป๋าอีกต่อไป
ตอนนี้ผู้ใช้ในไทยสามารถบันทึกและเข้าถึงบัตรสะสมแต้ม OneSiam ของสยามพิวรรธน์ และบัตรเข้าชมงานต่างๆ จากไทยทิคเก็ตเมเจอร์ได้ด้วยเช่นกัน หากการตั้งค่า Gmail ของคุณอนุญาตให้ใช้งานบริการนี้ได้ Google Wallet จะแสดงบัตรสมาชิกและบัตรสะสมคะแนนของคุณโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มบัตรด้วยตัวเองโดยกดปุ่มเดียวกับตอนที่เพิ่มบัตรชำระเงิน
ความปลอดภัยของ Google Wallet
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของ Google Wallet โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยของโทรศัพท์ Android ครบทุกฟีเจอร์ รวมถึงการแปลงโทเค็นตามมาตรฐานอุตสาหกรรม Google Wallet จะใช้ระบบการทำธุรกรรมที่สมมติหมายเลขบัตรขึ้นมา (โทเค็น) ซึ่งเป็นหมายเลขเฉพาะของอุปกรณ์นั้นๆ และเชื่อมโยงกับรหัสความปลอดภัยแบบไดนามิกที่จะไม่ซ้ำกันในแต่ละธุรกรรม
ทั้งนี้ ผู้ที่จะใช้ Google Wallet จะต้องได้รับการยืนยันจากธนาคารก่อนว่าคุณเป็นผู้ถือบัตรตัวจริง ถึงจะสามารถเพิ่มบัตรลงในโทรศัพท์ของคุณได้ และคุณสามารถตั้งค่าการล็อกหน้าจอเพื่อไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์ของคุณได้ หากโทรศัพท์ของคุณสูญหายหรือถูกขโมย คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน “หาอุปกรณ์ของฉัน” (Find My Device) เพื่อล็อกอุปกรณ์นั้นโดยทันทีได้จากทุกที่ ตั้งรหัสผ่านใหม่เพื่อความปลอดภัย หรือแม้แต่ลบข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรชำระเงินทั้งหมดที่อยู่ในอุปกรณ์นั้น
สามารถดาวน์โหลดแอป Google Wallet จาก Google Play Store เพื่อเริ่มต้นใช้งานได้แล้ววันนี้