ในยุคที่ใครๆ ก็มีสมาร์ทโฟนกันได้ ถ้าโฟกัสเฉพาะประเทศไทยตลาดขยายตัวเร็วและครอบคลุมไปหมดแล้ว หากตัดผู้บริโภคกลุ่มเด็กๆ ออกไป เชื่อว่าทุกคนต่างมีสมาร์ทโฟนกันแทบทุกคน ถ้าจะโฟกัสเฉพาะตลาดที่มีขนาดใหญที่สุด ตลาดยังอยู่ในกลุ่มที่มีระดับราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท โดยสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 70% ของตลาดโดยรวม ส่วนโทรศัพท์ที่มีราคา 1.5 หมื่นบาทขึ้นไปมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 30% เท่านั้น
ส่วนที่น่าจับตาคือตลาดในระดับราคา 3- 7 พันบาท ยังมีการเติบโตในระดับสูงมากกว่า 20-35% ส่วนกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 พันบาท มีการเติบโตลดลงเกือบ 30% เลยทีเดียว
สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคได้ว่า พร้อมและยอมจ่ายถ้าได้เทคโนโลยีหรือฟังก์ชั่นที่ล้ำหน้า ตอบโจทย์การใช้งานอย่างคุ้มค่ามากขึ้น ราคาที่จะยอมจ่ายง่ายๆ จะอยู่ที่ราว 5-7 พันบาท ตลาดกลุ่มนี้เติบโตถึง 35% ส่วนราคา 3-5 พันบาท ที่มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มสมาร์ทโฟนที่เป็น Entry Market มีการเติบโต 24% กลุ่มต่ำกว่า 3 พันบาทที่สมาร์ทโฟนราคาถูกที่สุดกลับเติบโตลดลงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
แปลว่าการตัดสินใจของผู้ซื้อ แม้ว่าจะอยู่ในตลาดของคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟน ก็ไม่ได้มองแค่เรื่องราคามาเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อ
ยิ่งไปกว่านั้นโทรศัพท์กลายเป็นเครื่องบ่งบอกตัวตน สะท้อนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต รสนิยมสังคมหน้าที่การงาน เป็นมากกว่าเครื่องมือสื่อสารไปแล้วในปัจจุบัน ถึงขนาดมีการถกเถียงกันในโลกออนไลน์ว่า ถ้าใช้ไอโฟนต้องเป็นคนรวย ยิ่งถ้ารวยหมื่นล้านจะต้องสั่งช่างทำรุ่นพิเศษ พิศดารกว่าชาวบ้านทั่วๆ ไป
แต่ความจริงก็คือปฏิเสธไม่ได้ว่า โทรศัพท์กลายเป็นของจำเป็นต่อชีวิตไปแล้วสำหรับยุคเทคโนโลยีดิจิทัล แต่ยิ่งถ้าเป็นสมาร์ทโฟนทองคำ ตลาดน่าจะเป็นกลุ่มไหน และแน่นอนว่าจะต้องเป็นกลุ่มตลาดดับเบิลสุดยอด Niche Market อย่างแท้จริง
Tech+Fashion Lifestyle
คุณมาร์ค-สุทธิเกียรติ ผู้ก่อตั้งและประธาน Gold EliteParis (Thailand) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับไฮเอ็นท์ ถือเป็นแรกรายและรายเดียวในประเทศไทยที่ทำโทรศัพท์ทองคำขึ้นมาในรูปของบริษัท โดยได้ร่วมกับ Designer ชั้นนำ เพื่อออกแบบดีไซน์และผลิตมาตั้งแต่ปี 2014 ร่วมกับเจ้าของแบรนด์ชั้นนำอย่างซัมซุงไทยแลนด์ หรือแอปเปิล โดยทำตลาดผ่านซุปเปอร์สตาร์ รวมทั้งดาราและผู้มีชื่อเสียงระดับโลก
ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ไอเดียผสานกับสิ่งที่เป็นกระแส’ ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างเทคโนโลยีกับแฟชั่นไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
GOLD ELITE (โกลด์ อีลีท) ได้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นยอดนิยมมาแปลงโฉมเพิ่มเสน่ห์ด้วยทองคำบริสุทธิ์ 24K (99.9%) ผสานเทคนิคการผลิตขั้นสูงของงาน fine jewelry (ไฟน์ จิวเวลรี่) บนตัวเครื่องโทรศัพท์ ให้มีลุคสุดหรูหรา เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จคู่กับไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งมีหลากหมาย Model เช่น Gold Elite iX และ i8 Plus, Gold Elite Samsung Galaxy S8+ และ Note 8 นอกจากนี้ยังมี Power Bank หูฟังไร้สายทองคำ และ Accessoriesอื่นๆพร้อมการรับประกัน 14 เดือน
จากประสบการณ์ที่ได้เปิดดำเนินกิจการจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และ อุปกรณ์สื่อสารมาตั้งแต่ปี 2547 จนกลายเป็นผู้ค้าส่งที่มียอดจำหน่ายสูงติดอันดับ 3 ของประเทศไทย นับเป็นเวลา 10 ปี ที่ได้คัดเลือกสินค้า Smart Phone, Tablet, Accessory, และ Gadget ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก เน้นคุณภาพและดีไซน์ หลากหลาย ให้ลูกค้าได้เลือกสรร
คุณสุทธิเกียรติจึงผันตัวเองมาขายมือถือให้โอปอเรเตอร์ค่ายใหญ่ และบริษัทชั้นนำต่างๆ ของเมืองไทย เมื่อมีประสบการณ์และความรู้ด้านการส่งออกมากขึ้น จึงทำหน้าที่เป็น exporter เต็มตัว ขณะเดียวกันก็เริ่มทำโทรศัพท์ทองคำเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
Gold Eliteซึ่งเปิดตัวที่ปารีสร่วมกับเพื่อนชาวฝรั่งเศส จากนั้นจึงได้พาร์ทเนอร์ที่ฮ่องกงสร้างโรงงานและตั้งเป็น Headquarters กระจายสินค้า ขณะนี้มีสาขาทั้งฝรั่งเศส มิลาน จีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย ลาว เวียดนามรวมทั้งประเทศไทยที่ Central Embassy ชั้น 4
Collaboration Model
นอกจากจะสร้างแบรนด์ตัวเองให้มีชื่อเสียงแล้ว Gold Elite ยังCollaboration กับอินเตอร์แบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านต่างๆ เช่น
Dtac แพ็คเกจ “ซีอีโอ ซีรีย์” (CEO Series) ซึ่งแพ็คเกจประกอบด้วยความคุ้มค่าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะได้ทั้งสมาร์ทโฟนทองคำ มาพร้อมสุดยอดหมายเลข (Super Platinum Number) ลงท้ายด้วย 1-1111 ถึง 9-9999 ที่มีจำนวนจำกัดมาก และเพิ่มความพิเศษสุดด้วยเบอร์มงคลระดับ 5 ดาว
โรลส์-รอยซ์ (Roll Royce) แบรนด์ซูเปอร์คาร์ระดับโลก ผลิตโทรศัพท์มือถือทองคำรุ่นลิมิเต็ดแพงที่สุดในโลก 34.9 ล้านบาท ดีไซน์พิเศษสลักตรา ‘Spirit of Ecstasy’ หรือ ‘Flying Lady’ สัญลักษณ์เทพีหน้ารถโรลส์-รอยซ์อันเป็นตำนานระดับโลกมากว่า 113 ปี พิเศษสุดสำหรับเจ้าของ ‘โรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์’ (Black Badge) เท่านั้น
บํารุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ Siam Paragonโดยได้ผสานเทคโนโลยี สุขภาพ และไลฟ์สไตล์สุดหรูเข้าด้วยกัน สร้างสรรค์เป็นโทรศัพท์มือถือ ภายใต้แนวคิด “ความคุ้มค่าของชีวิต” (The Value of Life) พร้อมโปรแกรมดูแลสุขภาพครบวงจร และสิทธิพิเศษจากสยามพารากอนมากมาย
Bang & Olufsen เครื่องเสียงพรีเมียมจากเดนมาร์ก การร่วมมือกันออกแบบคอลเล็กชั่นพิเศษ The Luxurious Charm of Luck ประกอบด้วยลำโพง Beoplay A9 และ Gold Elite Paris I7 Plus 24 K ซึ่งมีเพียง 9 ชุดในโลกเท่านั้น
แน่นอนจากมุมมองของ Gold Eliteคุณมาร์คบอกว่า ต้องเข้าใจว่าโปร์ดักส์นี้ไม่ใช่ของจำเป็นหรือปัจจัยสี่ ต้องมีการวางแผนการตลาดพอสมควร การที่จะ Collab กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ไม่มีใครเฉือนต้นทุนเพื่อมาซื้อมือถือทองคำ นอกจากเขาจะคิดว่าเราทำอะไรให้เขาได้ ออฟชั่นต่างๆ เราต้องวางแผนไว้หมด
ซุปเปอร์สตาร์กับ Gold Elite
กลยุทธ์ของ Gold Elite ยังเน้นเรื่องการเลือกใช้ซุปเปอร์สตาร์ทั้งหมดทั่วทั้งเอเชีย ทั้งไทยทั้งฮ่องกงรวมทั้งต่างประเทศ บุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ มา Endorse สร้างแบรนด์ให้กับสินค้าของ Gold Elite อาทิ เฉินหลง, เจิ้งอี้เจี้ยน (ไอดอลคุณมาร์ค), กู่เทียนเล่อ, โทนี่ จา (ดาราไทยไปฮอลลีวูด), เจ้าของทีมเรอัล มาดริด โดยเฉพาะคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เห็นได้ว่าแต่ละคนจะมีคาแรคเตอร์เป็นตัวของตัวเองแตกต่างกันไป
ยกตัวอย่างเช่น คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ถ้าพูดถึงกรีชตียานู รูนัลดู ดุช ซังตุช อาไวรู (ชื่อโปรตุเกส) คงไม่มีใครรู้จักแน่ เจ้าของฉายา CR7 อย่างโรนัลโด้ที่นอกจากจะเป็นนักฟุตบอลชื่อก้องโลกแล้ว เข้ายังเป็นซุปเปอร์แบรนด์ในโลกธุรกิจ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ มากมาย IG CR7 มีมูลค่าเหมือนทอง (ถึงแม้ว่าจะถูกซื้อสิทธิ์ไปจากเจ้าตัวแล้วก็ตาม)
กระทั่งยานพาหนะ เช่น Rolls Royce ก็ยังสะท้อนภาพลักษณ์ของโรนัลโด้ รวมทั้งเดวิด เบ็คแฮม ให้โดดเด่นขึ้นไปอีก
และแน่นอนว่านอกจาก Rolls Royce ที่สินค้าซุปเปอร์ลักชัวรี่ หรืออัลตร้าลักชัวรี่แล้วรถยนต์อย่าง Ferrari, Porsche, Mercedes-Benz รวมทั้ง Rolls Royce ยังถูก Collab เข้ากับ Gold Elite
เช่นเดียวกับกางเกงยีนส์พรีเมี่ยมอย่าง Hold’em Denim และแบรนด์แฟชั่น Atelier Pichita ก็เข้าร่วมกิจกรรมการตลาดในยุคผู้บริโภคติดมือถืออย่างคึกคัก โดยนึกถึงคุณค่าที่อยู่ในตัวของ Gold Elite ที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์ทั่วๆ ไป
ก้าวข้ามตัวเอง
จากพ่อค้าขายมือถือมาบุญครอง ถึงวันนี้คุณมาร์คก้าวข้ามอุปสรรคทุกอย่าง ด้วยแนวคิดการตลาดที่แตกต่าง สร้างจากสิ่งที่ชอบกลายเป็นสินค้าจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ประการสำคัญได้เพิ่มมูลค่าบ่งบอกRoyalty ของผู้ใช้ จนกลายเป็นแบรนด์สำคัญคู่กายของเซเลบและซุปเปอร์สตาร์ชื่อก้อง
“เราต้องก้าวข้ามตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะบอกทุกคนยังไง บอกคนซื้อได้อย่างไรว่าต้องซื้อ ถ้าข้ามได้เราก็จะมีด้านเดียว มุ่งไปด้านเดียว ที่ยากที่สุดคือตัวเอง มันไม่เคยเกิดขึ้นจะเอาใครเป็นบรรทัดฐาน ถ้าไม่สามารถข้ามตัวเองก็ไม่สามารถจะไป Motivate คนอื่นได้”