กรณีศึกษาการสร้าง Game Changer ของ RS Group ผ่าน 4 กลยุทธ์ที่ไม่ใช่แค่ให้รอดในทุกวิกฤต แต่ปั้นรายได้ระดับหมื่นล้าน ใน 2 ปี

  • 11.7K
  •  
  •  
  •  
  •  

ขณะที่ปัจจุบันหลายองค์กรต้องเผชิญกับมรสุมทางธุรกิจลูกใหญ่ ทั้งจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรง  การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก และอำนาจการจับจ่ายของผู้คนลดลง ทว่า ‘บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘อาร์เอส กรุ๊ป’ กลับมีการเติบโตและแข็งแกร่งสวนกระแสกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)

เมื่อมองย้อนกลับไป อาร์เอส กรุ๊ป เองต้องผ่านการดิสรัปชั่นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ด้วยการปรับตัวและกล้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บวกกับการมองเกมขาดของแม่ทัพใหญ่ นั่นคือ ‘เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์’ อาร์เอส กรุ๊ป ที่ได้ตัดสินใจทรานฟอร์มองค์กรจาก ‘ธุรกิจเพลง’ สู่ ‘ธุรกิจคอมเมิร์ซ’ โดยนำEntertainmerce มาเป็นโมเดลธุรกิจหลักขับเคลื่อนการเติบโตเดินหน้าสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซและอื่นๆ ช่วยกระจายความเสี่ยง สร้างรายได้และการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แม้อยู่ท่ามกลางภาวะวิกฤตรอบด้าน

การเดินเกมดังกล่าวได้สร้างให้อาร์เอส กรุ๊ป เป็น Game Changer ในวงการสื่อและบันเทิง ที่ทรานฟอร์มองค์กรได้สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายทั้งหมดที่ทางเฮียฮ้อวางไว้ เพราะยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่ต้องไปให้ถึง ก็คือ การสร้างให้องค์กรแห่งนี้มีรายได้หมื่นล้านบาทใน 2 ปี ภายใต้ 4 กลยุทธ์  ซึ่งทั้งหมดจะเน้นใช้เทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ที่มี ecosystem เชื่อมโยงกัน เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจของทั้งกรุ๊ปเกิดความแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ

 

 

กลยุทธ์แรก : สร้างรายได้หลายช่องทางในธุรกิจสื่อและบันเทิง

ธุรกิจสื่อและบันเทิง เป็นธุรกิจหลักดั้งเดิมของอาร์เอส กรุ๊ป แต่อย่างด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงบวกกับเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การสร้างรายได้ในธุรกิจนี้หากยังยึดแบบรายได้ใครรายได้มัน จึงไม่ใช่วิธีที่ดีนัก ดังนั้นการสร้างรายได้ให้ยั่งยืนในธุรกิจสื่อและบันเทิง อาร์เอส ได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเทรนด์ที่เกิดขึ้น โดยนำจุดเด่นและความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้มาสร้างให้เกิดการ Synergy เพื่อสร้างการเติบโต

ตั้งแต่ ‘ธุรกิจมีเดีย’ (สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 และ COOLISM) ที่จะเน้นใช้กลยุทธ์กระจายช่องทางหารายได้ของธุรกิจมีเดียทั้งหมดเป็นแบบค้ำยันซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะมาจากรายได้การขายมีเดีย , สปอนเซอร์ , ลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครและซีรีย์ ฯลฯ รวมถึงพัฒนา COOLanything ให้ผู้ฟังเพลงจาก COOLfahrenheit ชอปปิ้งบนแอปพลิเคชันและบนเว็บไซต์ได้ในเวลาเดียวกัน ฯลฯ

‘ธุรกิจเพลง’ (RS Music) เน้นบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลง และสร้างคอนเทนต์ให้แก่เพลงในยุค ’90s ด้วยกระแส “โตมากับอาร์เอส” ควบคู่กับการเพิ่มมูลค่าจากโซเชียลมีเดียของแต่ละศิลปินในสังกัดภายใต้โมเดล Music Star Commerce รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆ

 

กลยุทธ์ที่ 2: การสร้างการเติบโตของ RS Mall ให้เป็น Wellbeing Partner ในใจคนไทย

ตอนนี้ธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง และ อีคอมเมิร์ซ กำลังมาแรงและแข่งขันกันอย่างดุเดือด เห็นได้จากการเข้ามาของรายใหม่ ขณะที่รายเดิมก็เร่งเครื่องทางการตลาดเต็มกำลัง ซึ่งในธุรกิจนี้ อาร์เอส เองถือเป็นหนึ่งผู้เล่นรายสำคัญ โดยมี RS Mall ที่ปัจจุบันมีฐานลูกค้ามากกว่า 1.6 ล้านราย เป็นหัวหอกในการบุก

เมื่อลองมาวิเคราะห์กลยุทธ์ของ RS Mall จะพบว่า นอกจากจะเน้นคุณภาพ และความหลากหลายของโปรดักท์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเรื่องสุขภาพ เรียกว่า ‘เทรนด์ไหนมา อาร์เอสไม่พลาด’ อย่างในงาน RS GROUP Open Day 2021 กับการเปิดตัวไลน์อัพผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชง-กัญชากว่า 8 SKU  ภายใต้แบรนด์ S.O.M., well u และ CAMU C โดยจะวางจำหน่ายทั้งใน RS Mall และช่องทางอื่นๆ

ความน่าสนใจ ก็คือ การให้ความสำคัญกับการสร้างและพัฒนาระบบ CRM ตลอดจนนำเทคโนโลยี ทั้ง Customer Data Platform, Data analytics และ  Voice analytics เข้ามาใช้ทำความเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด ในจังหวะเหมาะสม ซึ่งจะนำมาสู่การซื้อซ้ำ และต่อยอดไปถึงการสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว โดยเรื่องเหล่านี้ถือเป็นหัวใจของการพิชิตใจผู้บริโภคและทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน

 

กลยุทธ์ที่ 3: การพัฒนาผลิตภัณท์ของ Lifestar เพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่

ที่ผ่านมากระแสรักสุขภาพก็เป็นเทรนด์ที่มาแรงอยู่แล้ว และแรงขึ้นไปอีกเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้สินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ ตลอดจนเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ และ อาร์เอส เองมองเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไม่ควรพลาด

การบุกธุรกิจนี้ มี ‘ไลฟ์สตาร์’ บริษัทในเครืออาร์เอสที่ผลิตสินค้านวัตกรรมสุขภาพและความงาม เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งปีนี้จะมีสินค้าหลากหลายที่ตอบเทรนด์ข้างต้นที่กำลังมาแรง และเป็นการเข้าสู่ Mass Market อย่างเต็มตัว เช่น ‘well u คอลลาเจน’ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนระดับพรีเมียม ภายใต้คอนเซปต์ “คอลลาเจน 1เดียวที่เราเลือก เพื่อยู…ในทุกวัน” มีพรีเซนเตอร์ชื่อดังถึง 3 คน ได้แก่ เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ และ แพท-ณปภา ตันตระกูล

Functional Drink ในแบรนด์ “CAMU C” เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมคามู คามู วิตามินซีสูง 200% และวิตามินบี 12 สูง ในคอนเซปต์ “คุณใส่ใจตัวเองหรือยัง?” ที่ใช้ คิมซูฮยอน ซูเปอร์สตาร์ของเกาหลีที่มีค่าตัวสูงที่สุดในเวลานี้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ จำหน่ายทั่วประเทศ ผ่าน 3 ช่องทาง คือ ร้านสะดวกซื้อ, โมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีก

นอกจากนี้ในช่วงกลางปี 2564 ยังเตรียมเปิดตัวสู่ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ตลาดที่มีมูลค่าสูงกว่า 4 หมื่นล้านบาท เติบโตทุกปี ๆ ละ 10% รวมถึงมีแผนออกโปรดักส์ใหม่ที่ตอบเทรนด์ตลาดและผู้บริโภคอีกหลายตัวที่จะทยอยออกมา ซึ่งสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ อาร์เอส กรุ๊ป ได้ทาง www.rs.co.th

 

กลยุทธ์ที่ 4: การทำ Mergers and Acquisitions (M&A) และ Joint Venture (JV)

เฮียฮ้อ เคยกล่าวไว้ว่า “โลกธุรกิจในยุคนี้ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคู่แข่งเราจะมาจากไหน ทุกบริษัทสามารถข้ามมาทำธุรกิจอะไรก็ได้ ที่ตัวเองมองเห็นโอกาส เพียงแต่เรื่องนี้มันจะไม่น่ากลัวอะไรเลย หากตัวเราเองก็พร้อมที่จะข้ามไปแข่งขันกับคนอื่นๆ”

ดังนั้น ‘M&A และ JV’ จึงเป็นอีกกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโตและขยาย Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ปให้แข็งแกร่งทันกระแสของโลกธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้าง Synergy และเปิดโอกาสใหม่ ๆ แบบไม่จำกัด  โดยอาร์เอส กรุ๊ป คาดว่า จะมีการขยายธุรกิจอย่างน้อย 2-3 ดีล และตั้งงบดำเนินการไว้ที่ประมาณ 300-600 ล้านบาทต่อดีล เช่น เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้เข้าซื้อหุ้น ‘บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด’ จำนวน 35% มูลค่า 920 ล้านบาท เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย เป็นต้น

จากกรณีศึกษาของอาร์เอส กรุ๊ป จะเห็นได้ว่า หากทำธุรกิจแบบไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ พร้อมปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กล้าเผชิญกับความท้าทาย ไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามาดิสรัปหรืออยู่ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤต ก็สามารถเป็น Game Changer  ที่ประสบความสำเร็จและขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรต่อไปได้ ส่วนการก้าวสู่เป้าหมายต่อไป คือ มีรายได้หมื่นล้านบาทใน 2 ปีต่อจากนี้ ก็ถือเป็นอีกก้าวที่ท้าทายและน่าจับตาไม่น้อย


  • 11.7K
  •  
  •  
  •  
  •