G-Able บริษัทเทคฯ ที่เชื่อใน “Possible Simple” ว่าการทำ “Digital Transformation” ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยาก

  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ในยุคแห่ง “Economy 4.0” ที่มี “เทคโนโลยี” เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล (Digital economy) แล้วยังเป็นต้นตอของ Digital transformation (DX) ที่ได้ออกมาเรียกร้องให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้ทันต่อความเร็วชนิดที่เรียกว่าระดับ Hyper speed ​ ​

แต่การปรับตัวเพื่อตั้งรับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วจากเทคโนโลยี มักไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายธุรกิจที่จะทำได้ ถึงแม้จะ “เข้าใจ” ถึงความสำคัญ แต่ด้วยการทำงานที่ “คุ้นเคย” มาตลอดนั้นทำให้ขยับยาก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างสูง ที่จะต้องมีใครมาตอบรับคำเรียกร้อง กระโดดเข้ามาเป็น Solution ที่ไม่ซับซ้อนให้แก่ธุรกิจที่อยาก DX ตัวเอง ซึ่งเรียกสั้นๆ ว่า “Tech Enabler”

แบรนด์เทคฯ G-Able งัดกลยุทธ์ Video Marketing ยึดหลัก Customer centric สร้าง Motivational Ad​

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ Tech Enabler คือการสื่อสารแบรนด์ให้ดูมีความเข้าถึงง่าย หรือก็คือการคราฟต์ Brand message ให้มีโทนของความไม่สลับซับซ้อน ​

ดังนั้นแคมเปญล่าสุดของแบรนด์ G-Able บริษัท Tech Enabler ชั้นนำของไทย ที่มอบ All-round solutions ในด้าน Digital และ IT เน้นสื่อสาร Tagline ตัวใหม่ #PossibleSimple โดยมีใจความหลักที่จะสื่อว่า “สร้างความเป็นไปได้เพื่อให้ทุกธุรกิจสามารถ Digital Transform ตัวเองในเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เพื่อการเติบโต (Possible) ที่ไม่จำเป็นที่จะต้องยุ่งยากเสมอไป (Simple)” ซึ่งทางแบรนด์ G-Able ได้โฟกัสไปที่ Video Marketing ชูโฆษณาวีดีโอที่เป็น Motivational-driven เน้นสร้างแรงบันดาลใจ มากกว่าแค่การให้ข้อมูลในเชิงโปรดักต์และเซอร์วิสที่มี

 

การสื่อสารในโฆษณาตัวนี้ ได้ยึดหลักความเป็น Customer-centric model ในการเล่าเรื่อง หรือก็คือการยึด “ลูกค้า” เป็น “ฮีโร่” ไม่ใช่ตัวธุรกิจเอง โมเดลนี้ได้สะท้อนออกมาผ่านการเล่าเรื่อง เป็นเสียง Voice over คุยตรงกับผู้ที่กำลังชมโฆษณาตลอดเวลา ซึ่งเริ่มต้นมาก็กระชากความสนใจผู้ชมได้อย่างดี ด้วยประโยค “You… Yes, you” (คุณ ใช่ คุณนั่นแหละ) ให้รู้สึกราวกับว่าโฆษณานี้กำลังสนทนากับเรา ​

 

 

​ต่อมาก็คือตัวละครที่หันมามองหน้ากล้องหลังจากจบประโยคแรก เปรียบดั่งตัวละครนั้นก็คือตัวตนของผู้ที่กำลังรับชมอยู่ สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่กำลังดูได้อย่างมี “อารมณ์ร่วม” และทางแบรนด์ G-Able ได้นำปัจจัยนี้ มาเล่นต่ออย่างสร้างสรรค์ ด้วยการนำ Personality trait เป็นตัวขยายความของ “คุณ” ด้วยการเอ่ยว่า “คุณ” ผู้ที่เป็น “The Visionary ผู้สร้างวิสัยทัศน์, The Leader ผู้นำ, The Thinker นักคิด” จนไปจบที่ “The Supporter คนที่คอยสนับสนุนทุก ๆ คน” ซึ่งการใช้วิธีนี้ มีความเป็น Humanize มาก เพราะมองว่าลูกค้าก็คือคน ๆ หนึ่ง ที่มีความฝัน มีนิสัยหลากหลาย มี Aspiration ในชีวิตที่อยากจะเป็น (หรือเป็นอยู่แล้ว) ซึ่งทำให้รู้สึกว่า มีอารมณ์เพลิดเพลินร่วมไปกับโฆษณามากยิ่งขึ้น และการมีอารมณ์ร่วมนี้เอง จะช่วยสร้างประสิทธิภาพ ยกระดับให้โฆษณาให้มีความเป็น Motivational มากกว่ารูปแบบทั่วไป ที่แค่พยายามขายโปรดักต์หรือเซอร์วิส ​ ​ ​

 

 

การเล่าเรื่องภายในโฆษณา จะค่อย ๆ เชื่อมผู้ชมเข้ากับ tagline อย่างแยบยล โดยไม่ได้พยายามยัดเยียดอะไรเลย แต่เป็นการค่อย ๆ จูงมือเข้ามารู้จักอย่างนุ่มนวล และสุดท้ายก่อนจบโฆษณา ก็มีการนำอักษร “G” ทีเป็นตัวนำหน้าของชื่อแบรนด์ มาเล่นในรูปแบบของการ สัมผัสตัวอักษร (alliteration) “Good, Great, or Greatness…” พร้อม Tie-in ชื่อแบรนด์กับ Tagline อย่างเนียน ๆ “What is your next G? G-Able Possible. Simple” ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรวบทุกอย่างที่จะสื่อ มารวบจบได้อย่างสวยงามและมีชั้นเชิง ​

 

“Possible Simple” แบรนด์ Tagline ที่เรียบ แต่ทรงพลัง​

โฆษณาตัวนี้ของแบรนด์ G-Able ที่มีความยาวเพียงนาทีกว่า ๆ ซึ่งผิวเผินอาจดูเหมือนจะสั้น แต่ทว่ากลับมีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น เพราะการทำ Digital transformation (DX) ​ ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจได้ง่าย ๆ ทางแบรนด์จึงต้องหาวิธีเข้าไปนั่งในใจลูกค้าให้ได้เสียก่อน ดังคำกล่าวที่ว่า “ธุรกิจที่นั่งในใจลูกค้าได้ คือธุรกิจที่ชนะ” เพราะฉะนั้นการตรงไปที่การนำเสนอโปรดักต์หรือเซอร์วิสเลยจึงไม่ใช่คำตอบ ด้วยเหตุนี้ทางแบรนด์จึงต้องหาลู่ทางการวางแบรนด์ดิ้งเพื่อให้คุยภาษาเดียวกันกับลูกค้าให้ได้​

ดังนั้นการสร้าง Tagline ของ G-Able “Possible. Simple” ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยมีแนวคิดว่าการดีไซน์ Technology & Digital Solutions ที่ดีนั้นต้องไม่ซับซ้อน การคราฟต์โทนของ Brand message จึงเลือกแนวทางที่ Simple แต่มี Motivational ดังนั้นการที่ G-Able เลือกที่จะสื่อผ่านวีดีโอจึงสามารถสื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ที่ได้กล่าวไปอย่างเล่าเรื่องด้วย Customer-centric model​

 

 

พอการสื่อสารมีประสิทธิภาพ ก็มักจะทำให้เห็นถึงองค์ประกอบอันสำคัญของแบรนด์ได้ชัดเจนอีกด้วย ได้แก่:​​

Value ของทางแบรนด์ ว่าพวกเขานั้นพร้อมที่จะเข้าใจลูกค้า จากในมุมมองของลูกค้า ไม่ใช่จากมุมมองของทางตัวธุรกิจ (Customer perceived value) ​

Mission ของทางแบรนด์ ที่พร้อมจะเป็น Solution ด้าน Digital และ IT แบบ all-round และที่สำคัญ คือการเป็น Tech Enabler ผู้เชื่อมเทคโนโลยีกับธุรกิจของลูกค้าในรูปแบบที่ Simple ที่สุด ทั้งยังสามารถสร้างโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้ในหลากหลายมิติ ​

และ Vision ของทางแบรนด์ ที่เล็งเห็นว่าการทำ Digital transformation (DX) นั้นจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะอยู่รอดในเศรษฐกิจยุคดิจิทัลได้​

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ นำมาถึงจุดที่อาจเรียกได้ว่าสำคัญที่สุดของการวางกลยุทธ์แบรนด์ดิ้งที่ดี ก็คือการสร้างจุดยืนของแบรนด์ให้ชัดเจน (Brand position) เพราะการมีจุดยืนที่ชัดเจน สามารถช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดได้ ลดการแข่งขันด้วย “ราคา” และสู้กันที่ “คุณค่า” โดยจุดยืนของแบรนด์ G-Able ก็คือการเป็น “Trusted Tech Enabler Partner for Business Resilience” (ผู้ที่นำศักยภาพความพร้อมของเทคโนโลยีในทุก ๆ ด้าน เพื่อผลักดันและสนับสนุนลูกค้าให้สามารถทำการแข่งขันได้ในโลกดิจิทัล) ​

 

Tech Enabler ที่อยู่คู่เมืองไทยมานานกว่า 33 ปี​

จุดยืนของแบรนด์ G-Able ที่กล่าวไปด้านบน ก็ดูจะสะท้อนทั้งประวัติและเซอร์วิสออกมาได้อย่างชัดเจน เนื่องจากว่าทางแบรนด์นั้นได้พัฒนา ติดตั้ง และให้บริการด้าน Digital และ IT ในประเทศไทยมามากกว่า 33 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

Cybersecurity: บริหารจัดการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์​

Digital Business and Application: ออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ​

Cloud and Data Center Modernization: ใช้ระบบคลาวด์ทดแทนระบบดั้งเดิมที่เป็นการติดตั้ง Server ในองค์กร

Data & Analytics: พัฒนาบริการและโซลูชั่นที่เกี่ยวกับ “ข้อมูล” โดยนำมาช่วยวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ หาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเดิม และเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กับองค์กร​

Managed Tech Services: การให้บริการบริหารเทคโนโลยีต่าง ๆ ภายในองค์กร ​

​โดยทั้งหมดนี้ มี Core business อยู่ที่การเป็น Tech Enabler ​

ดังนั้นการที่แบรนด์ G-Able ได้ก้าวขึ้นมาเป็นท็อปในวงการ Tech Enabler จำเป็นจะต้องเสริมทัพด้วยกลุ่มธุรกิจ “Tech Spin-off” เสริมสร้าง New S-Curve ให้กับ G-Able ได้แก่บริษัท Blendata, InsightEra และ Mverge ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่เป็น “Potential growth” เพิ่มการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แก่กลุ่มบริษัท ซึ่งเน้นการต่อยอดจากกลยุทธ์ “Own IP Platform” พัฒนาผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ของ G-Able ในปีที่แล้ว

Blendata (เบลนเดต้า)

ให้การบริหารจัดการข้อมูล (Blendata Enterprise – Big Data platform) แบบประสิทธิภาพสูงสุด จากการพัฒนา Ready to use Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning Solution ซึ่งสามารถทำให้จัดการข้อมูลขนาดใหญ่กลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดขององค์กรมาไว้ที่เดียว นำมูลมาประมวลผลและวิเคราะห์สำหรับต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคตได้โดยไม่ต้องเขียน Code

ที่ผ่านมามีลูกค้าได้ชื่นชมทาง G-Able ว่ามีความเร็วเหนือกว่าคู่แข่งและเข้าถึงง่ายได้ทุกเวลาที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม เช่น Manufacturing ที่ได้เข้าไปทำระบบ Data automation ให้ข้อมูลขององค์กรพร้อมใช้งาน รวมถึงธุรกิจโทรคมนาคม โรงพยาบาล และอื่น ๆ อีกมากมาย ​

InsightEra (อินไซท์เอรา)

MARTECH เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าการตลาดยุคใหม่ขาดไม่ได้เลย หากต้องการวางแผนและ execute อย่างมีประสิทธิภาพ มีความพร้อมและเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จนสามารถวางกลยุทธแบบครบถ้วน โดยทางแบรนด์ G-Able สามารถตอบโจทย์การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดครบทุกมิติ ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ ไปจนถึงการวัดผลที่ “รวดเร็ว” และ “แม่นยำ”  และได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ด้วยการนำ เทคโนโลยีอย่าง Automation และ AI เข้ามาช่วยให้ทุกธุรกิจตอบสนองตลาดได้เร็วและทันการณ์ ยกตัวอย่างเช่นการนำ chatbot มาบริการลูกค้า Programmatic Ads ตลอดจน Online Advertising ที่สอดรับกับพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้า ซึ่งช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ​

 

​Mverge (เอ็มเวิร์จ)

มีบริการ Proptech platform หรือก็คือระบบบริหารจัดการพื้นที่เช่า สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถใช้ง่ายเพียงปลายนิ้วเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารจัดการพื้นที่ การจัดการข้อมูลการเงิน ข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน ให้เชื่อมโยงไปพร้อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ชี้ให้เห็นแนวทางการตัดสินใจและความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ​

ทั้งหมดนี้ ทาง G-Able พร้อมจะนำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันมาช่วยเพิ่มโอกาสในการต่อยอดทุก ๆ ธุรกิจให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญก็คือ พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงอย่างรสดเร็วจากความทันสมัย ซึ่งอาจเป็นจุดชี้ชะตา ว่าหลายธุรกิจจะ “อยู่” หรือ “ไป”

ดูรายละเอียด G-Able เพิ่มเติมได้ที่​

Facebook: https://facebook.com/gable.th​

Website: https://bit.ly/3ARcV01

 


  • 2.9K
  •  
  •  
  •  
  •