เพราะตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยคึกคักและเติบโตอย่างมาก แน่นอนว่าธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ไปตาม ๆ กัน ก็คือ “โลจิสติกส์” แต่ในช่วงที่เกิดประเด็นร้อน (ด้านลบ) กับ Kerry Express อยู่เช่นนี้ กลายเป็นประตูโอกาสให้ “น้องใหม่” ได้รุกตลาด ทำคะแนนขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะผู้ให้บริการรายล่าสุดที่เพิ่งกรุยทาง เปิดตลาดในไทยราว ๆ 1 ปี อย่าง “Flash Express” มีโอกาสชิงคะแนนนิยมมากขึ้น
- ปัจจุบัน Flash Express เปิดให้บริการในไทยเพียงแห่งเดียว มีพนักงานรวมเกือบ 10,000 คน
- มีศูนย์กระจายสินค้ามากกว่า 300 แห่ง ไม่รวมจุดรับพัสดุอีกนับ 500 แห่งทั่วประเทศ
- ภายใน 4 ปีจากนี้ Flash Express ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการครบ 10 ประเทศในอาเซียน
ตะลุยเกม “รุก” คว้าโอกาสจากสถานการณ์ “ลบ”
แม้ว่าผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในไทยยังมีอีกหลายราย ซึ่งยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่องและมีฐานลูกค้าจำนวนไม่น้อย แต่ Flash Express ก็เริ่มต้นเดินเกมรุกในธุรกิจโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่องมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยกลยุทธ์หนัก ๆ ที่ใช้ก็หนีไม่พ้น “ราคา” ซึ่งสามารถสร้างความน่าสนใจและดูดลูกค้าที่เป็นฐานแฟนจากรายอื่นมาได้ ไม่มากก็น้อย! ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดมีโอกาสขยายตามไปโดยง่าย ขณะเดียวกัน การเปิดเกมด้วยเรื่อง “คุณภาพของพนักงาน” ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถือเป็นการฉวยโอกาสสร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
“เราให้บริการมาเพียง 1 ปีก็จริง แต่ด้วยนโยบายการให้บริการ อาทิ การรับสินค้าถึงหน้าบ้านฟรี และราคาเริ่มต้นเพียง 19 บาท ก็ทำให้ Flash Express กลายเป็นที่จับตามอง ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดในธุรกิจขนส่งยุคส่งด่วนเช่นนี้ เรามองว่าเรื่องที่ต้องใส่ใจมากกว่าราคาและระยะเวลาขนส่ง ก็คือจรรยาบรรณทางธุรกิจ เพราะโลจิสติกส์ต้องดูแลและส่งพัสดุให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย” คุณคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Flash Express กล่าว
พลิก “วิกฤต” สร้าง “โอกาส” ย้ำคำว่า “จรรยาบรรณ”
ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนระอุของโลจิสติกส์ Flash Express ก็ยิ่งออกมาย้ำภาพความแตกต่างว่า จะขอเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของพนักงาน ตั้งแต่การฝึกอบรมให้เรียนรู้หลักสูตรการเป็นผู้ให้บริการขนส่งแบบมืออาชีพ (บังคับอบรมหลักสูตร 3 วัน) พร้อมสอบข้อเขียน และสอบปฏิบัติ ซึ่งมีระเบียบบังคับว่าพนักงานจะต้องผ่านการสอบเท่านั้นจึงสามารถบรรจุเข้าทำงานได้ รวมถึงมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมก่อนเข้าทำงานด้วย