สะเทือนกันทุกวงการไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะธุรกิจแบรนด์ต่างๆที่มีช่องทางในการสื่อสารออนไลน์กับผู้บริโภคผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งแน่นอนว่า Facebook เป็นช่องทางสำคัญที่แทบทุกแบรนด์จะต้องมีเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคหากคุณจะต้องการทำการตลาดกับคนไทย
แต่ตั้งแต่ Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึมใหม่ โดยจะเห็นโพสต์ของเพื่อนมากกว่า โดยลด Reach ของเพจต่างๆ ลง ยอดคนเข้าถึงเพจบนเฟซบุ๊กลดน้อยลง จนต้องบูสต์โพสต์เท่านั้นถึงทำให้คนเห็นจำนวนเยอะๆ ได้ ปัญหานี้จะแก้อย่างไร?
“ไม่ใช่เหตุผลว่า พอ Facebook ปรับลอการิทึ่ม ทำให้ Reach หรือ ยอดคนเข้าการโพสต์ของแฟนเพจลดน้อยลง แล้วแบรนด์จะสื่อสารกับคนออนไลน์ไมไ่ด้ แต่ทางออกคือ ควรมีพื้นที่ออนไลน์ทางเลือกเพิ่มเติมขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ของแบรนด์นั่นเอง”
สหรัฐ สวัสดิ์อธิคม Managing Director , Executive Creative Director จากบริษัท CJ WORX ดิจิทัลเอเจนซี่ วิเคราะห์จากสถานการณ์การตลาดในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังระบุว่า แม้จำนวนคนเล่นเฟซบุ๊กไม่ลดลงแต่เวลาในการเล่นลดลงแน่นอน เพราะตอนนี้ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกว่าเนื้อหาในนิวส์ฟีดไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่คนจะเปลี่ยนไปเสพสื่อที่ตนเองสามารถเลือกได้อย่างยูทูปแทน
ดังนั้น เว็บไซต์แบรนด์ที่ดีควรมีมากกว่าตัวหนังสือข้อมูลสินค้าและบริการ แต่ควรมีภาพนิ่งและเคลื่อนไหว ทั้งคลิปสาธิตการใช้งาน รวมถึงการรีวิวจากผู้บริโภคจริงๆ ในเว็บไซต์ของแบรนด์ด้วย
และจากประสบการณ์ที่ให้บริการลูกค้าหลากหลาย ผู้บริหาร CJ WORX แนะ 4 วิธีเช็คเว็บไซต์ของตัวเองว่า ถึงเวลาต้องยกเครื่องปรับปรุงใหม่ ให้เข้ากับสถานการณ์แล้วหรือยัง
4 วิธีเช็คเว็บไซต์ ถึงเวลาต้องยกเครื่องใหม่หรือยัง
1.ระบบแสดงผลรองรับหน้าจอของโทรศัพท์มือถือจริงๆแล้วใช่ไหม
เว็บมีความเป็น Responsive แล้วหรือยังเพราะ 80 – 90% ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตปัจจุบัน ดูผ่านจอโทรศัพท์มือถือ การที่เว็บไซต์แบรนด์ใหญ่ล้นเกิน จอโทรศัพท์มือถือ หรือขนาดตัวอักษร ก็เด้งไปเด้งมา และอีกหลากหลายปัญหา ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
2.หลังบ้านของเว็บไซต์ทำระบบให้เอื้อต่อการเสิร์ช แล้วพบเว็บแบรนด์หรือเปล่า
ต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลายแบรนด์ ไม่ให้ความสนใจ เพราะคิดว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะไปเสิร์ชหาข้อมูล จากพื้นที่ของผู้บริโภคอย่างการรีวิวมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะละเลยพื้นที่ของแบรนด์ที่ให้ข้อมูล เชิงละเอียดด้วยเช่นกัน
3.เว็บง่ายต่อการแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คหรือไม่
เพราะคอนเทนต์ที่โดนใจ ผู้บริโภคมักแชร์และบอกต่อ อย่างสินค้ารุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด หรือการรีวิวที่เนื้อหาที่ถูกใจผู้บริโภค ฯลฯ ดังนั้น เว็บไซต์ที่ดีควรรองรับในการแชร์ เพื่อเชื่อมระหว่างเว็บไซต์ ไปสู่โซเชียลเน็ตเวิร์คให้ผู้บริโภคคนอื่นได้ รับรู้ด้วย
4.มีศาสตร์และศิลป์ในเว็บที่โน้มน้าวให้เกิดการซื้อมากน้อยแค่ไหน
ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ที่ดีจะต้องมีข้อมูลเชิงลึก มีเนื้อหาที่เป็นคลิปวิดีโอ และมีรีวิว การใช้สินค้าตามที่ผู้บริโภคยุคนี้ต้องการเท่านั้น อย่างที่ CJ WORX ยังให้ความสำคัญในเรื่องของ Psychology of web design คือ ทั้งดีไซน์-การจัดวาง-องค์ประกอบและเนื้อหา ทั้งหมดต้องสอดคล้องด้วยกัน อาทิ ต้องใช้ภาพอย่างไร มีอักษรพาดหัวอย่างไรถึงกระตุ้นให้เกิด Action จากผู้บริโภค หรือ ต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใด ที่ผู้บริโภคเข้ามายังเว็บไซต์แบรนด์แล้ว ถึงเกิด Action อะไรบางอย่าง เช่น การคลิ๊กดูรายละเอียด ในหน้าถัดไป รวมไปถึงการไปซื้อ
“พฤติกรรมของผู้บริโภคยังคงตัดสินใจด้วยราคา อาจหาข้อมูลจากเว็บไซต์แบรนด์ ประกอบกับการรีวิวของผู้บริโภคคนอื่น และกลับไปซื้อยังที่ที่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างเว็บไซต์ชอปปิ้งออนไลน์ ดังนั้น ในบางกรณีการทำเว็บไซต์แบรนด์ให้สามารถสั่งซื้อได้เลยนั้น อาจไม่ใช่คำตอบที่โดนใจผู้บริโภคเน้นเรื่องราคา เรื่องโปรโมชั่นเป็นหลัก” สหรัฐ กล่าวทิ้งท้ายชวนคบคิด
ทุกวันนี้การช่วงชิงทางธุรกิจเรียกว่าเป็นรายนาที แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือ การช่วงชิงพื้นที่ใจใจผู้บริโภค เพราะหากยุ่งยาก หรือทำให้รู้สึกไม่เข้ากับความ ต้องการของพวกเขา ก็พร้อมจะเปลี่ยนใจไปหาคู่แข่งได้ในรายวินาที แค่สไลด์นิ้วผ่าน หรือปิดหน้าจอเว็บไซต์แบรนด์ทิ้ง ดังนั้น หากปรับแบรนด์ให้โดนใจผู้บริโภคมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสในการก้าวเข้ายึดครองใจผู้บริโภคมากขึ้นเท่านั้นด้วย.