กระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นรถยนต์กระแสหลักต่อไปในอนาคตเป็นเทรนด์ที่ตอบรับกับแนวคิดพลังงานสะอาดที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ และสำหรับในประเทศไทยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า BEV (Battery Electric Vehicle) ในประเทศไทยในปี 2566 นี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยอดขายมีโอกาสแตะที่ 50,000 คันเพิ่มขึ้น 271.6% จากปี 2565 ที่มียอดขาย 13,454 คัน ขณะที่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (รวมจักรยานยนต์ไฟฟ้า) พุ่งทะลุถึง 20,400 คัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนอีวีสะสมในประเทศไทยมีมากถึง 61,594 คันเข้าไปแล้ว
แนวโน้มที่ว่านี้มีปัจจัยหนุนมากมายทั้งความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น ปัญหาเศรษฐกิจระดับโลกที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น นโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ การแข่งขัน
ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้มข้นมากขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น และหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันมีทะลุหลัก 1,200 จุดไปแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้
สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มจำนวนอย่างก้าวกระโดด
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าจำนวนสถานีบริการชาร์จอีวี นับจนถึงสิ้นปี 2565 มีผู้ให้บริการทั้งหมด 13 ราย มีการติดตั้งแล้วทั้งสิ้น 1,239 สถานี โดยหากคิดเป็นจำนวนหัวชาร์จ จะมีมากถึง 3,739 หัวชาร์จ แบ่งเป็นแบบ AC (ชาร์จปกติ) 2,404 หัวจ่าย และ DC (ชาร์จเร็ว) 1,342 หัวจ่าย นอกจากนี้ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนหัวจ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจะมีจำนวนหัวจ่ายแบบ DC สะสมอยู่ที่ 2,200-4,400 หัวจ่ายภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 12,000 หัวจ่ายในปี 2573 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า
ข้อมูลสถานีชาร์จภาพรวมนั้นเป็นเพียงข้อมูลจากสิ้นปี 2565 เท่านั้น เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีผู้ให้บริการขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เช่น PEA VOLTA ที่ปัจจุบันมีให้บริการ 164 สถานี ครอบคลุม 64 จังหวัดแล้ว เช่นเดียวกับ EleXA แอปฯ จัดทำโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ที่ก็มีแผนเตรียมเพิ่มสถานีชาร์จเป็น 150 แห่งในปีนี้เช่นกัน
5 แอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จที่ควรมีติดเครื่อง
แม้จำนวนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่แน่นอนว่ายังมีไม่มากเท่ากับสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่บนท้องถนนที่เป็นเส้นทางหลักในการสัญจร ขณะที่ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก็มีอยู่หลากหลายดังนั้นสำหรับผู้ขับรถยนต์ไฟฟ้าก็จำเป็นจะต้องมีแอปพลิเคชั่นที่เป็นตัวช่วยในการค้นหาสถานีชาร์จของผู้ให้บริการแต่ละราย ซึ่งเราได้คัดเลือก 5 แอปพลิเคชั่นที่ควรมีติดเครื่องไว้ดังนี้
1.MEA EV – เป็นแอปฯ ที่ทำขึ้นโดยการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิด ทุกแบรนด์ทั่วไทย มีระบบชาร์จทั้งแบบ AC และ DC ปัจจุบันมีให้บริการ 34 สถานี 138 หัวจ่าย โดยการไฟฟ้านครหลวงตั้งเป้าที่จะเพิ่มเป็น 500 หัวจ่ายภายในปี 2569 นี้
2.PEA VOLTA – แอปฯ ที่พัฒนาโดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ร่วมกับ PEA VOLTA มีหัวจ่ายครบทั้ง AC และ DC รองรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ปัจจุบันมีให้บริการ 164สถานี ครอบคลุม 64 จังหวัด และตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนเป็น 263 สถานี หรือมีจำนวนหัวจ่ายถึง 1,000 หัวจ่ายภายในปี 2566 นี้
3.EleXA – แอปฯ จัดทำโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อที่ใช้งานสถานีชาร์จ EleX by EGAT โดยปัจจุบันมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการ 99 แห่ง มีให้บริการในสถานีบริการ PT รวมถึงภายในเขื่อน โรงไฟฟ้า และศูนย์การเรียนรู้ของ EGAT และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสถานีเป็น 150 แห่งภายในสิ้นปี 2566
4.Evolt – เป็นอีกหนึ่งแอปพัฒนาขึ้นโดยบริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด (Evolt) สามารถค้นหาสถานีชาร์จดูข้อมูลได้ว่าแต่ละสถานีว่างหรือมีคิวเต็ม สามารถสั่งเริ่มและหยุดการชาร์จได้ผ่านแอปฯ บนสมาร์ทโฟน ปัจจุบัน Evolt มีสถานีชาร์จทั้งหมด 200 แห่ง และตั้งเป้าที่จะติดตั้งเพิ่มรวม 12,000 แห่ง ภายในปี 2573
5.on-ion – เป็นอีกหนึ่งแอปฯ ที่น่าสนใจจากออน-ไอออน (on-ion) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. โดยขยายเครือข่ายสถานีฯ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีบริการติดตั้งเครื่อง EV Charger ตามที่พักอาศัย เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ
ผู้ใช้บริการสามารถควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งจากระบบ Android และ iOS ได้ง่ายๆ เพียง “จอดแล้วจ่าย” โดยค้นหาสถานีชาร์จใกล้เคียงที่ต้องการ เลือกหัวชาร์จ และช่องจอด จากนั้นนำรถเข้าช่องจอด สแกน QR Code เพื่อ Check-in เมื่อชาร์จเสร็จแล้วสแกน QR Code เพื่อ Check-out และกดจ่ายเงินผ่านแอปฯ ได้ทันที ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสถานีทั้งสิ้น 57 สถานี 430 หัวจ่าย
โลเคชั่นลับชาร์จไฟจากพลังงานหมุนเวียน 100%
ล่าสุดบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme Plus) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทยได้ร่วมกับ ออน-ไอออน (on-ion) ขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EVme Charging Station) ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน จำนวน 6 ช่องจอด โดยเป็นเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ AC Normal Charger กำลังไฟ 7กิโลวัตต์ ติดตั้งบริเวณชั้น 3A ฝั่งนอร์ท เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. รองรับรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ได้ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ที่รองรับหัวชาร์จ Type 2
และที่น่าสนใจก็คือรถ EV ที่ใช้บริการชาร์จไฟที่นี่จะได้รับพลังงานไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% และเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด และนอกจากผู้ใช้บริการจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการใช้รถ EV และพลังงานสะอาดแล้ว จะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ อีกมากมายจาก on-ion ด้วย
การเพิ่มสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EVme Charging Station นอกจากจะเป็นการส่งเสริม EV Ecosystem ของประเทศให้แข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว ยังเป็นก้าวย่างที่ช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 ของปตท. อีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้านั้นยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งเห็นได้จากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของสถานีชาร์จที่หลายๆ บริษัทกระโดดลงมาเล่นกันมากยิ่งขึ้น ตามเทรนด์จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น นั่นทำให้ในปัจจุบันจำนวนสถานีชาร์จกระโดดขึ้นจากหลักร้อยไปสู่หลักพันสถานีด้วยเวลาอันรวดเร็ว และในอนาคตเมื่อการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ เราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของสถานีชาร์จและแอปพลิเคชั่นที่จะพัฒนาในเรื่องของฟังก์ชั่น ความสะดวกรวดเร็ว รวมไปถึงแหล่งที่มาของพลังงานที่ต้องเป็นพลังงานสะอาดตอบสนองความต้องการเรื่องสิ่งแวดล้อมของผู้ใช้งานได้มากขึ้นต่อไป