แม้ คลาวด์คอมพิวติ้ง จะเป็นคำคุ้นหูกันมาหลายปี และได้ยืนกันถี่ขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ แต่องค์กรจำนวนไม่น้อยกลับยังขาดความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีดังกล่าว
ในประเด็นการใช้งานคลาวด์ขององค์กร มีผลสำรวจด้าน Enterprise Cloud Index เกี่ยวกับการวัดแผนการดำเนินงานขององค์กรในการใช้งานไพรเวทคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ และพับลิคคลาวด์ ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากนูทานิคซ์ (Nutanix) ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับองค์กร ภายใต้ประเด็นที่น่าสนใจ คือ “91% ระบุว่าไฮบริดคลาวด์เป็นโมเดลไอทีที่เหมาะสม” แต่กลับมีเพียง “19% ที่ระบุว่าใช้งานโมเดลดังกล่าว”
สำหรับการสำรวจในครั้งนี้ ดำเนินงานโดย Vanson Bourne ที่นูทานิคซ์มอบหมายให้ทำการสำรวจจากผู้นำด้านไอทีเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชันทางธุรกิจของพวกเขาในปัจจุบัน ถึงแผนที่จะดำเนินงานในอนาคต ความท้าทายในการวางระบบคลาวด์ รวมถึงความคิดริเริ่มในระบบคลาวด์ว่ามีผลต่อโครงการและความสำคัญด้านไอทีอย่างไร ผ่านผู้ตอบแบบสำรวจราว 2,300 คน จากหลากหลายอุตสาหกรรม ขนาดธุรกิจ และหลากหลายภูมิภาค อาทิ อเมริกา, ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา (EMEA) และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศญี่ปุ่น (APJ)
แม้จะเป็นผลสำรวจที่ไม่ได้เน้นถึงภาพการใช้คลาวด์กับองค์กรธุรกิจในไทย แต่ทำให้สามารถมองเห็นเทรนด์เทคโนโลยีและแนวทางที่ทั่วโลกมีต่อคลาวด์ได้ ในบทบาทที่มุ่งเน้นไปยังด้านความคล่องตัวและการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบดิจิทัล
เรื่องนี้ เบ็น กิ้บสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด นูทานิคซ์ แสดงความเห็นว่า องค์กรต่างต้องการใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความคล่องตัวและสามารถทำงานร่วมกันได้ นั่นกลายเป็นเหตุผลว่าไฮบริดคลาวด์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่พับลิคคลาวด์ทำให้ระบบไอทีมีประสิทธิภาพมากขึ้นในบางส่วน แตกต่างกับความสามารถของระบบไฮบริดคลาวด์ในการให้อิสระในการจัดเตรียมและจัดการแอปพลิเคชันอย่างมีประสิทธิภาพตรงความต้องการของการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตาม จากผลการวิจัยพบว่าช่องว่างที่สำคัญในตลาดคือ องค์กรต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อบริหารจัดการระบบไฮบริดคลาวด์ โดยเฉพาะในอีก 12-24 เดือนข้างหน้า
“คลาวด์” ช่วยให้การทำงานคล่องตัว
เนื่องจากสภาพแวดล้อมของระยะดำเนินงานบนแอปพลิเคชันระดับองค์กรนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามจึงมีความจำเป็นในการปรับตัว และคล่องตัวในการใช้งานแอปพลิเคชันผ่านคลาวด์ เนื่องจากต้องการเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชันไปยังระบบคลาวด์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจครั้งนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายด้าน อาทิ…
ระบบไฮบริดคลาวด์สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้มากกว่าซิงเกิลพับลิคคลาวด์ รวมถึงเรื่องราคา โดย 87% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ไฮบริดคลาวด์เป็นแนวโน้มด้านไอทีที่จะมีผลด้านบวก ต่อธุรกิจของพวกเขา และ 49% ผู้ใช้ระบบไฮบริดคลาวด์รายงานว่าความต้องการด้านการใช้งานของพวกเขาได้รับการตอบสนองคิด ขณะที่คำตอบของผู้ใช้ระบบซิงเกิลพับลิคคลาวด์คิดเป็น 37%
นอกจากนี้ องค์กรที่ใช้ระบบพับลิคคลาวด์มีค่าใช้จ่ายถึง 26% ของงบประมาณด้านไอที โดยสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือมีองค์กรเพียง 6% ที่ใช้งานระบบพับลิคคลาวด์ได้ภายใต้งบประมาณที่กำหนดไว้ ส่วนอีก 35% ระบุว่าใช้งานทรัพยากรระบบพับลิคคลาวด์เกินจากงบประมาณที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังระบุว่าให้ความสำคัญกับการจัดอันดับความปลอดภัยข้อมูล และการปฎิบัติตามกฎระเบียบเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาปริมาณของพวกเขา รองลงมาคือเรื่องประสิทธิภาพการทำงานที่ 62% ความง่ายในการจัดการที่ 53% และเรื่องค่าใช้จ่ายที่ 52%
และเนื่องจากประโยชน์ที่ชัดเจนของระบบไฮบริดคลาวด์ ทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากกล่าวว่าความท้าทาย คือ การขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านไฮบริดคลาวด์ โดย 54% อ้างว่าการทำให้ผู้มีความสามารถอยู่กับองค์กรเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
จากผลการสำรวจที่กล่าวมานี้ สามารถคาดการณ์ได้ว่า ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) จะมีการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์เกินหน้าทวีปอเมริกา โดยทวีปอเมริกาในปัจจุบันใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์อยู่ที่ 22% และจะเพิ่มเป็น 31% ภายใน 12 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าภายใน 2 ปีจากนี้ ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟฟริกา (EMEA) จะมีการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์อยู่ที่ 43% มากกว่าทวีปอเมริกาที่คาดว่าอาจถึง 39% และภูมิภาคที่น่าจับตามองอย่างเอเชียแปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่น อยู่ที่ 39%