‘รถยนต์’ นับว่าเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่จะเสื่อมมูลค่าลงตามกาลเวลา ต่างจากสินทรัพย์บางประเภทที่คนนิยมซื้อไว้เพื่อเก็งราคาในอนาคต แต่พฤติกรรมผู้ซื้อรถในประเทศไทยยังอยู่ในกรอบความคิดเดิมๆ คือมองว่าการออกรถต้องผ่อนกับไฟแนนซ์หรือลิสซิ่งเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นข้อจำกัดทั้งการมีรถและเป็นภาระในระยะยาว
จากข้อมูลเครดิตบูโรปี 2560 คนไทยมีสินเชื่อรถยนต์อยู่มากถึง 22% ของสินเชื่อทั้งหมด โดยเกือบครึ่งของผู้ที่กู้สินเชื่อรถยนต์คือคน Gen Y (ช่วงอายุ 20-37 ปี) หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยล่าสุดว่า ในช่วงไตรมาส 2/2564 เช่าซื้อรถยนต์อยู่ในระบบทั้งหมด 6.6 ล้านบัญชี มูลหนี้ 2.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 17% ของหนี้ครัวเรือนไทย และจากสถานการณ์ที่เปราะบางในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หนี้กลุ่มนี้ทยอยกลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อะไรคือปัจจัยทำให้หนี้รถกลายเป็นหนี้เสีย?
คำตอบคือวงจรในการซื้อรถแบบเดิมๆ นั่นเอง มีคนจำนวนไม่น้อยที่ลืมคิดเกี่ยวกับ ‘ค่าใช้จ่ายแฝง’ ในการออกรถ เช่น เงินดาวน์, เงินผ่อนค่างวด, ดอกเบี้ย, ค่าซ่อมบำรุง, ค่าประกันภัย หรือเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ที่สำคัญพวกเขามักจะลืมไปว่า การออกรถกับไฟแนนซ์ = การผ่อนชำระ ที่เรายังไม่ได้เป็นเจ้าของรถ และต้องเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายหลังจากนี้เองทั้งหมด
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น หากเราลองคิดราคาค่าใช้จ่ายระหว่างการออกรถ City Car กับไฟแนนซ์ 1 คันระยะเวลา 5 ปี
(1) ค่างวดในการผ่อนกับไฟแนนซ์จะเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 10,000 บาท แต่ค่าใช้จ่ายแฝงในการใช้รถ อาทิ ประกันภัยชั้น 1, เข้าศูนย์บริการเช็คระยะตามรอบ, ค่าซ่อมเปลี่ยนอะไหล่, เปลี่ยนยาง, เปลี่ยนแบตเตอรี่, ค่าภาษีและพ.ร.บ. รวมถึงค่าใช้จ่ายจุกจิกเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 5,000 บาท นั้นหมายความว่า ในแต่ละเดือนค่าใช้จ่ายรถครบ 5 ปีจะอยู่ที่ 15,000 บาท (ในกรณีที่ไม่มีการซ่อมหนัก)
(2) ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการ Car Subscription ในรถรุ่นเดียวกันจะเริ่มต้นที่ 12,000 บาทเท่ากันทุกเดือนในระยะเวลา 5 ปี โดยรวมทุกบริการไว้ครบถ้วนแล้ว อีกทั้งผู้บริโภคยังไม่ต้องจ่ายเพิ่มระหว่างสัญญาด้วย ซึ่งเทียบกันให้เห็นชัดๆ นอกจากค่าใช้จ่ายรายเดือนจะน้อยกว่าแล้ว ยังรวมถึงการได้รับบริการที่สะดวกและรวดเร็วกว่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้บริโภคควรทราบไว้คือ ปลายทางที่แตกต่างกันระหว่างการผ่อนกับไฟแนนซ์และการใช้บริการ Car Subscription นั่นคือเมื่อครบสัญญาแล้วไฟแนนซ์จะติดต่อโอนกรรมสิทธิ์รถให้กับผู้เช่าซื้อทันที แต่สำหรับสมาชิกบริการ Car Subscription สามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายก้อนเพื่อเป็นเจ้าของรถ, ยุติการใช้บริการ, หรือเปลี่ยนไปเริ่มสัญญาเช่าใช้รถคันใหม่แทน
กรณีนี้จะเห็นได้ว่าผู้ใช้บริการ Car Subscription สามารถออกรถได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ล่วงหน้า และเลือกจะไม่ซื้อรถในท้ายที่สุดก็เช่นกัน หากลองคิดว่าสุดท้ายแล้วคนจำนวนมากก็ต้องนำรถเก่าไปขายต่อเพื่อเปลี่ยนคันใหม่ การตัดตอนเช่นนี้อาจจะลดภาระในการใช้รถเก่าหรือขายรถมือสองราคาถูกลงได้ไม่น้อย
เข้าใจโมเดล Car Subscription ใน 10 บรรทัด
สำหรับใครที่ชอบความอิสระ ไม่ชอบผูกมัด ไม่อยากมีภาระจากการออกรถ ควรศึกษาโมเดล Car Subscription ไว้ให้ดี เพราะนี่คือทางเลือกใหม่สู่อิสรภาพในการมีรถมากขึ้น ลบความเชื่อแบบเดิมๆ ที่ว่า การมีรถยนต์ = มีภาระผูกมัด เพราะสำหรับโมเดลการเช่าใช้รถระยะยาวนี้เป็นเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเลือกระยะเวลาของสัญญาได้ตามความต้องการ เช่น 1 เดือน, 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี โดยมีรายละเอียดตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการ แต่โดยทั่วไปยิ่งใช้บริการนานเท่าไหร่ ค่ารายเดือนก็จะถูกลง และไม่มีค่าใช้จ่ายแฝงตามมาด้วย
บริการ Car Subscription คือการออกรถที่อยู่ตรงกลางระหว่างการเช่ารถ (Rental) และการเช่าซื้อ (Hire Purchase) หรือการผ่อนรถกับไฟแนนซ์นั่นเอง โดยส่วนใหญ่ Car Subscription ในหลายประเทศจะมีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และมีค่าบริการรายเดือน ซึ่งราคาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระดับกลุ่มของรถที่เราต้องการเช่น รถยนต์ทั่วไป, รถหรู, ซูเปอร์คาร์ ฯลฯ โดยค่าบริการต่างๆ เหล่านี้จะรวมทุกอย่างแล้ว เช่น การต่อทะเบียนรถ, การบำรุงรักษา, การซ่อมแซม, ประกันภัย และ ภาษี ฯลฯ ยกเว้น ‘ค่าเติมน้ำมัน’
ข้อดีของ Car Subscription และบริการนี้เหมาะกับใคร
จากพฤติกรรม ค่านิยม ความเชื่อต่างๆ ในสังคมปัจจุบันมองว่าบริการ Car Subscription มีข้อดีที่เหมาะกับวิถีชีวิตคนยุคใหม่โดยเฉพาะคนที่ชอบเปลี่ยนรถบ่อย สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยซึ่งมากกว่า 56% จะไม่ซื้อรถยี่ห้อเดิมเมื่อออกคันใหม่, ชอบตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย, อยากใช้ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ของรถ, บางคนมีความรอบรู้เรื่องรถหรือเรื่องฉุกเฉินน้อย, มีความฝันที่ต้องการใช้เงินในส่วนอื่นแต่ก็ยังจำเป็นต้องมีรถใช้งาน ฯลฯ กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนแต่จะได้ประโยชน์จากบริการ Car Subscription ในแง่มุมที่แตกต่างกันไป
ดังนั้น เราจะมาสรุปข้อดีของบริการ Car Subscription เพื่อช่วยให้คนไทยหลุดพ้นจากกับดักการเป็นหนี้โดยไม่จำเป็น และลดความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้ที่มาจากการซื้อรถ ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางเช่นนี้
- สามารถเข้าถึงรถได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะทำอาชีพไหน
- สะดวกสบาย สามารถใช้บริการและหยุดใช้เมื่อไหร่ก็ได้ (เมื่อครบสัญญา)
- ราคาย่อมเยาว์ จ่ายได้ตามกำลัง (เพราะมีรถให้บริการหลายประเภท)
- มีความยืดหยุ่นสูง ถูกใจคนที่ชอบใช้รถไม่ซ้ำกัน
- สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่าย (เพราะค่าเช่าจะเท่ากันทุกเดือน)
- หมดห่วงว่าจะไม่มีรถใช้ระหว่างซ่อมแซม, ซ่อมบำรุง (เพราะผู้ให้บริการจะมีรถเปลี่ยนสำรอง)
- ไม่ต้องหนักใจเรื่องเงินดาวน์อีกต่อไป
- ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแฝงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุ, ค่าซ่อมบำรุง
- สามารถซื้อขาดรถคันเดิม/ต่อสัญญา/คืนรถ/เปลี่ยนรถคันใหม่ได้เมื่อครบสัญญา
Eazy Car ผู้นำด้านบริการ Car Subscription ในประเทศไทย
เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินบริการของ Eazy Car บริษัทในกลุ่มไทยรุ่ง กรุ๊ปฯ มาบ้างแล้ว โดย Eazy Car ถือว่าเป็นผู้นำและเป็นผู้ผลักดันโมเดล Car Subscription อย่างจริงจังเป็นรายแรกในเมืองไทยอีกด้วย จากประสบการณ์ในวงการรถยนต์กว่า 50 ปีและเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มไทยรุ่ง มองว่า Eazy Car เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นผู้เล่นที่มา disrupt ตลาดไฟแนนซ์และลิสซิ่งได้ในอนาคต
บริการจาก Eazy Car ถือว่าเป็นปัจจัยใหม่ที่จะมาตั้งมาตรฐานใหม่ของการใช้รถให้คุ้มค่าและสบายใจขึ้น ไร้ข้อกังวล และจะช่วยลดระดับความเสี่ยงของ NPL ของธุรกิจประเภทรถยนต์ในไทยได้อีกทางหนึ่ง
โดย Eazy car เน้นโมเดลธุรกิจแบบ 4C ก็คือ
- Cost-effective – ความคุ้มค่า ตอบโจทย์ลูกค้าตั้งแต่ระดับองค์กรจนไปถึง SMEs ช่วยบริหารค่าใช้จ่ายให้ stable ไม่ปลายบานในอนาคต
- Customizable – ปรับแต่งสัญญาได้ โดยสมาชิกสามารถเลือกทำสัญญาระยะยาวได้ตั้งแต่ 1 – 5 ปี ปรับแต่งรายละเอียดได้ และเปลี่ยนรถได้ตามเงื่อนไข
- Complete – ครบจบ นอกจากจำนวนยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ที่มีจำนวนมาก Eazy Car ยังมีบริการทั้งศูนย์ซ่อมและตรวจสภาพรถให้ลูกค้าในที่เดียวครบ
- Care – ดูแลอย่างดี Eazy Car มีบริการ Call Center ตลอด 24 ชม. มีบริการรถทดแทนในกรณีที่คันเดิมต้องซ่อมเป็นเวลานาน มีบริการครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ที่สำคัญทุกบริการจะรวมอยู่ในค่าบริการรายเดือนแล้วทั้งหมด
สำหรับผู้ที่สนใจทางเลือกใหม่ของการมีรถในยุคนี้สามารถเข้าไปศึกษาบริการ Car Subscription ของแบรนด์ Eazy Car ได้เพิ่มเติมที่ www.eazycar.co หรือช่องทาง www.facebook.com/eazycar.th โดยสามารถสมัครเป็นสมาชิก และรอการอนุมัติภายใน 3 วันเท่านั้น หากอยากทราบรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ที่ช่องทาง Messenger : m.me/eazycar.th หรือ Line: @eazycar > https://bit.ly/2M4VDWv หรือโทร 091-725-6000
จากข้อมูลที่สรุปมาให้อาจช่วยให้ผู้บริโภคชั่งใจได้ระหว่างการออกรถและการใช้บริการ Car Subscription ว่าทางเลือกไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน คำถามนี้คงไม่มีผิดหรือถูก เพียงแต่ไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันที่มีความหลากหลายมากขึ้น บางทีตัวเลือกใหม่ๆ ก็อาจจะเติมเต็มช่องว่างของผู้บริโภคได้ ช่วยให้คนสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นในยุคที่ความคุ้มค่าเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้นักการตลาดอาจจะต้องเรียนรู้โมเดลธุรกิจลักษณะนี้มากขึ้นด้วย อย่างน้อยๆ จะทำให้เห็นจุดโฟกัสใหม่ที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ ที่สนใจ How to การลดภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังรักในความสะดวกสบาย รักในการใช้ชีวิต มากกว่าเอาเวลามากังวลเรื่องหนี้จากรถยนต์