เป็นปกติของงาน Thailand Mobile Expo (TME) ที่เราจะได้เห็นแบรนด์มือถือและสารพัดร้านรวงไอทีพากันมาออกบูธ งัดโปรโมชั่นทีเด็ดและสินค้าแบบจัดเต็มครบทุกซีรีส์มาจำหน่ายอย่างคึกคัก ซึ่งภาพเหล่านั้นก็คงจะเกิดขึ้นให้เห็นในงาน Thailand Mobile Expo 2019 ระหว่างวันที่ 7-10 กุมภาพันธ์นี้ แต่ถ้าจะบอกว่า แบรนด์ยักษ์ใหญ่ ที่หลายคนยกให้เป็นเจ้าตลาด “ขอถอนตัว” ไม่เข้าร่วมอีเวนท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย…คุณคิดยังไง?
เรื่องนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดมือถือ หรือไม่?
หรือ เป็นสัญญาณบางอย่างในการทำธุรกิจของแบรนด์ดังกล่าวในประเทศ หรือเปล่า?
ล่าสุด SAMSUNG ประเทศไทย ได้ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีพิเศษที่ซัมซุงเตรียมจัดกิจกรรมใหญ่เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีของซัมซุงกาแลคซี่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับงาน Thailand Mobile Expo โดยซัมซุงยังคงมีส่วนร่วมในงาน Thailand Mobile Expo ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรของเรา ด้านการสนับสนุนด้านสินค้าและโปรโมชั่นต่าง ๆ ในงาน”
ในฐานะผู้จัดงาน Thailand Mobile Expo คุณโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม วิชั่น เปิดใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในงาน TME นับจากนี้ว่า…
“งานนี้จะเป็นครั้งแรกที่ TME ย้ายจากศูนย์ฯ สิริกิติ์ มาจัดที่ไบเทคบางนา รูปแบบของงานยังคงคล้ายเดิม คือ ยังเป็นอีเวนท์มือถือแต่บอกได้ว่าลุคแอนด์ฟีลจะเปลี่ยนไป และจะเป็นรูปแบบนี้อย่างน้อย 3 ครั้งตลอดการจัดงานปีนี้”
ภาพใหม่ “TME” ปี 2019 กับ “3 เปลี่ยน” ที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก!
คุณโอภาส เล่าถึงสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในงานครั้งนี้ว่า 1.คือการเปลี่ยนสถานที่จัดงานซึ่งเป็นครั้งแรกที่ TME มาอยู่ในฮอลล์ของไบเทคบางนา 2.ไม่มีบูธของแบรนด์ SAMSUNG ที่เคยเป็นหนึ่งในสีสันของงาน จากนี้ก็จะไม่ได้เห็นภาพดังกล่าวแล้ว และ 3.ภาพและอารมณ์ของงานจะเปลี่ยนเป็นธีม Mobile Related
“ความท้าทายของการย้ายสถานที่จัดและงานครั้งนี้ คือ ทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่สำหรับเราในฐานะผู้จัดงานก็ใหม่ในเรื่องพื้นที่การจัดวางบูธต่าง ๆ เราก็พยายามดีไซน์ให้ออกมาดีที่สุด และเราก็พยายามเลือกสถานที่จัดงานให้ลูกค้าเดินทางมาร่วมงานได้อย่างสะดวกที่สุดทั้งทางรถยนต์และรถไฟฟ้า แม้ว่า SAMSUNG จะไม่ได้มาร่วมออกบูธในงานของเราแล้ว แต่ก็มั่นใจว่าจะยังมีสินค้าจำหน่ายเหมือนเดิมโดยมาพร้อมกับดีลเลอร์ต่าง ๆ รวมถึงสีสันจากแบรนด์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาแทนและขยายพื้นที่บูธ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวต้องส่งผลกระทบกับการจัดงานอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบเท่านั้น เพราะปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อมือถือในช่วงนี้ คือ ต้องการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ที่ไฮเอนด์ขึ้น และอยากได้รุ่นที่มีกล้องคุณภาพสูงขึ้น”
ฝากความหวัง “แบรนด์ใหม่มาแทน – สินค้าสีสัน” กู้สถานการณ์
สิ่งหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยพยุงภาพของ TME ที่ขาดแบรนด์คู่บุญอย่าง SAMSUNG ก็คือ แบรนด์จีนกระแสแรงอย่าง “HUAWEI” ที่เรียกว่าเข้ามาตั้งบูธแทนพื้นที่ของ SAMSUNG อย่างชัดเจน โดยรวมแล้วมีจำนวนบูธมากและใหญ่ที่สุดภายในงานครั้งนี้ และการมาของ “Studio 7” ที่เป็นครั้งแรกของแบรนด์ดังกล่าวกับการซื้อบูธขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้กระแสสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนและแอปเปิลเรียกกำลังซื้อผู้บริโภคภายในงานได้ดีขึ้น ภายใต้พื้นที่การจัดงาน (บริเวณฮอลล์ 98-99) ถึง 18,611 ตร.ม. ใกล้เคียงกับพื้นที่เดิม 19,293 ตร.ม. ซึ่งแตกต่างกันไม่ถึง 700 ตร.ม. หากคิดเป็นพื้นที่จัดบูธก็ราว ๆ บูธใหญ่ 2 บูธเท่านั้น
นอกจากนี้ คุณโอภาส ยังได้บอกอีกว่า สีสันภายในงานจะมีของไฮเทคอย่างพวกรถพลังงานไฟฟ้า (EV) โดยสาเหตุที่ TME มีสินค้าประเภทดังกล่าว เป็นเพราะมีเทรนด์การใช้งานแพร่หลายในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน และตัวสินค้าเองก็มีหลายแบรนด์หลายรุ่นที่สามารถใช้งานร่วมกับซิมการ์ตได้ ซึ่งบางแบรนด์ที่นำมาเปิดตัวภายในงานก็ยังเป็น Exclusive Partner กับโอเปอเรเตอร์บางค่ายอีกด้วย
ถึงคราว “ตลาดมือถือ” เปลี่ยน!
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับอีเวนท์มือถือของประเทศไทย สะท้อนว่า…ตลาดมือถือกำลังจะเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ คุณโอภาส วิเคราะห์ว่า วงการมือถือกำลังจะหดตัวลง แบรนด์ที่อยู่รอดก็จะเหลือเพียงไม่กี่แบรนด์ ส่วนแบรนด์เล็ก ๆ หรือแบรนด์ที่ไปไม่รอดในตลาดก็จะกลายเป็นการทำตลาดผ่านโอเปอเรเตอร์แทน
“เราหวังว่าการย้ายสถานที่จัดงาน การเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ที่เข้าร่วม และสินค้าสีสัน จะทำให้ผู้บริโภคยังคงให้การตอบรับและมาเลือกซื้อสินค้าเหมือนเช่นเคย”