ในที่สุดสนามแข่งขันในธุรกิจรีเทลบ้านเรา ก็ได้ต้อนรับผู้ท้าชิงรายใหม่ที่ดีกรีไม่ธรรมดาอย่าง ‘ดองกิโฮเต้’ (Don Quijote) ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น โดยในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เตรียมเปิดตัวร้านดิสเคาน์สโตร์ชื่อดัง ‘ดอง ดอง ดองกิ’ (DON DON DONKI) หรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่า ดองกิ (Donki) สาขาแรกในไทยที่ย่านทองหล่อ
สำหรับคนไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวขาชอปที่ชอบไปญี่ปุ่น ต้องคุ้นเคยกับ ‘ดองกิ’ เป็นอย่างดี เพราะที่นี้ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายที่เหล่าขาชอปต้องไปละลายเงินหรือซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับมา
‘ดองกิ’ เริ่มต้นธุรกิจในปี 2523 อยู่ภายใต้การบริหารของ Don Quijote Group ประเทศญี่ปุ่น ด้วยการประกาศตัวชัดเจนว่า เป็น ‘ร้านดิสเคาน์สโตร์’ หรือ ร้านค้าลดราคา ซึ่งเสน่ห์นอกจากราคาถูก ก็คือ การมีสินค้าให้เลือกมากมายและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สินค้าอุปโภคบริโภค , เครื่องเขียน , สินค้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า แบรนด์เนม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องกีฬา ของเล่น ของกินที่มีทั้งขนม อาหารสด และอาหารแช่แข็ง ฯลฯ
สรุปง่าย ๆ มีตั้งแต่ ‘สากกะเบือ ยันเรือรบ’
นอกจากราคา และสินค้า จะเป็นตัวชูโรงแล้ว ที่นี้ยังพยายามเปิดให้บริการดึกกว่าห้างอื่นๆ ของญี่ปุ่น และบางสาขาเปิดให้บริการกัน 24 ชั่วโมง (รวมถึงดองกิสาขาแรกในไทยที่ทองหล่อด้วย) ซึ่ง ‘ดองเปง’ (Donpen) มอสคอตเพนกวินสีฟ้าที่สวมหมวกนอน นั่งอยู่บนพระจันทร์เสี้ยว เป็นตัวแทนที่สื่อถึงเรื่องนี้และถือเป็นสัญลักษณ์ประจำร้านด้วย
ด้วยการวาง Position และกลยุทธ์ชัดเจน ดองกิ กลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านรีเทลของญี่ปุ่น ปัจจุบันมีสาขารวมมากกว่า 368 สาขาในญี่ปุ่น , สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ โดยสาขาที่สิงคโปร์เปิดตัวไปเมื่อเดือน ธ.ค.2560 ณ ออชาร์ด เซ็นทรัล
ส่วนไทย จะเป็นประเทศที่ 3 ที่ทางดองกิโฮเต้ จะเข้ามาลงทุน
ในลักษณะร่วมทุนกับ ‘บริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด’ ผู้ผลิตสีทาบ้าน TOA และ ‘บริษัท นิปปอน พาร์คกิ้ง ดีเวลลอปเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด’ ผู้ให้บริการบริหารจัดการที่จอดรถจากประเทศญี่ปุ่น จัดตั้ง ‘บริษัท เจซีอี-ทีโอเอ จำกัด’ขึ้นมาดูแลและบริหาร ศูนย์การค้าดองกิ มอลล์ ทองหล่อ (Donki Mall Thaonglor)
ศูนย์การค้าแห่งนี้ ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 10 ใกล้ปากซอย เอกมัย 5 ตรงข้ามกับ Park Origin Thonglor หรือ Arena 10 เดิม ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวในอดีตเป็นสำนักงาน TOA Group และถือเป็น Prime Location ที่มีกำลังซื้อสูง เพราะเป็นทั้งย่านธุรกิจ แหล่งท่องเที่ยวสังสรรค์ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น
ตัวศูนย์ เป็นอาคาร 8 ชั้น มีพื้นที่กว่า 26,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยพื้นที่รีเทล ร้านอาหาร คาเฟ่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และฟิตเนส
ส่วนไฮไลท์หลัก ๆ หนีไม่พ้นร้านดังที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น โดยพระเอก ก็คือ DON DON DONKI ร้านดิสเคาน์สโตร์ อยู่บริเวณชั้น 1 และ 2 ซึ่งสาขานี้จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ตอบไลฟ์สไตล์ของคนย่านนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึง Nana”s Green Tea ร้านคาเฟ่ชาเขียวชื่อดัง ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 , Sanrio Bakery ร้านเบเกอรี่คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น , D-Sports Stadium ร้านเกมและกีฬา ฯลฯ
การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ในวงการรีเทลของบ้านเรา โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้มีหลายรายได้เข้ามา อาทิ ‘ไทยไดมารุ’ , ‘สยามจัสโก้’ , ‘อิเซตัน’ , ‘โตคิว’ แต่สุดท้ายก็ต้องถอยออกไปกันเป็นแถว ยกเว้น ‘อิเซตัน’ ในย่านราชประสงค์ และ ‘โตคิว’ ที่มาบุญครอง
นอกจากนี้ยังมี ‘ทาคาชิมายะ’ ที่จับมือ ‘สยามพิวรรธน์’ ลงทุนราว 3,000 ล้านบาท เปิด ห้างสยามทาคาชิมายะ ที่ไอคอนสยาม ไปเมื่อต้นเดือน พ.ย. 2561
ส่วนการเข้ามาของ ‘ดองกิ’ จะสร้างแรงสั่นสะทือนให้กับวงการรีเทลในไทยอย่างไร จะเหมือนตอนเข้าไปที่สิงคโปร์หรือไม่ รวมถึงจะมีกลยุทธ์อะไรเป็นหมัดเด็ด หรือวางแผนรุกไว้อย่างไร ทาง Marketing oops จะมานำเสนออีกครั้ง