หลังจากการวิจัยตลาดและทำความรู้จักคนไทยมานานกว่า 1 ปี ทำให้ “Domohorn Wrinkle” แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามสัญชาติญี่ปุ่น มองเห็นโอกาสในทางการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามในบ้านเรา แบรนด์ส่วนใหญ่เน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความขาวกระจ่างใส แต่ในเรื่องการลดริ้วรอยนั้นยังเติบโตได้อีกมาก ทำให้แบรนด์ตัดสินใจเดินหน้าทำตลาดในไทยเต็มตัว ด้วยเหตุผลที่อยากให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีความสุข และมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นทุกวัน
จุดเริ่มต้นของ Domohorn Wrinkle เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1974 โดย บริษัท Saishunkan Pharmaceutical Co.,Ltd. ผู้ผลิตยาที่มีแนวคิดแบบแพทย์แผนตะวันตก หรือที่เรียกว่า “แนวคิดแบบคัมโป” ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายแรกในญี่ปุ่นที่นำคอลลาเจนมาใช้ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และนำมาพัฒนาเป็น 8 ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาเปิดตัวในไทย เพื่อแก้ปัญหาด้านริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวที่เสื่อมสภาพไปตามเวลา
จากญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สู่การเปิดตลาดในไทย ด้วยกลยุทธ์การขาย “Direct Tele Marketing”
ไทย เป็นประเทศที่ 3 ในการบุกตลาดต่างประเทศของ Domohorn Wrinkle โดยนำกลยุทธ์การขายแบบ “Direct Tele Marketing” ที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นมาปรับใช้กับการทำตลาดในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไต้หวันและฮ่องกง ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำตลาดในแบบของ Domohorn Wrinkle คือ การซื้อซ้ำ ด้วยกลยุทธ์การขายนี้ ทำให้ในไต้หวันมีอัตราการซื้อซ้ำอยู่ที่ 83% ส่วนในญี่ปุ่นมี 93.8% และมีลูกค้าประมาณ 260,000 คน
สำหรับการทำตลาดในไทยครั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายของ Domohorn Wrinkle ครอบคลุมช่วงอายุค่อนข้างกว้าง เนื่องด้วยคนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้สกินแคร์ที่ให้ความขาวกระจ่างใส ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Domohorn Wrinkle ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีปัญหาผิวและต้องการแก้ไข
มร.มาซาอากิ นิชิคาวะ ประธานบริษัท Saishunkan Pharmaceutical จำกัด เล่าให้เราฟังว่า Saishunkan Pharmaceutical เป็นบริษัทแรกในญี่ปุ่นที่บุกเบิกรูปแบบการขายแบบ “Direct Tele Marketing” โดยกลยุทธ์การขายแบบนี้จะไม่ได้วางขายสินค้าหน้าร้าน หรือช่องทางร้านค้าปลีกต่างๆ แต่จะมี “Customer Pleaser” คอยให้บริการรับคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์และเว็บไซต์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่รับคำสั่งซื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้รับฟังปัญหา ให้คำปรึกษา และช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความกังวลผิวต่างๆ
ปัจจุบัน Domohorn Wrinkle มี Customer Pleaser คนไทย 4 คน อยู่ที่ Domohorn Wrinkle Experience Space สุขุมวิท 24 และคนไทยอีก 13 คน ประจำอยู่ที่สำนักงานในประเทศญี่ปุ่น
Direct Tele Marketing เหมาะกับคนไทยจริงหรือ?
แม้จะประสบความสำเร็จมาแล้วหลายประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยรูปแบบ Direct Tele Marketing ยังเป็นเรื่องใหม่ ที่ต้องใช้เวลาสร้างการรับรู้และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ในช่วงแรกของการทำตลาดในฮ่องกงและไต้หวัน ผู้บริโภคยังไม่ชินและส่วนใหญ่มองว่าไม่น่าสนใจ แต่เมื่อได้สัมผัสกับสินค้าและบริการที่นำเสนอ ก็เริ่มให้การยอมรับมากขึ้นและมีการซื้อซ้ำ ซึ่งใช้เวลาถึง 3 ปี
แน่นอนว่าการขายแบบ Direct Tele Marketing เป้าหมายสำคัญคือ ต้องทำให้ลูกค้าโทรเข้ามาเพื่อขอรับสินค้าทดลองและสั่งซื้อ มร.มาซาอากิ เผยว่า บริษัทฯ วางแผนใช้งบโฆษณาไว้ที่ 90 ล้านบาท เพื่อสร้างกระแสและดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าขอรับสินค้าทดลองที่ใช้ได้ 3 วัน โดยเราได้เปิดตัว TVC ความยาว 15 วินาที 2 ตัว สำหรับโปรโมททางทีวีและออนไลน์ นอกจากนี้ยังมี SMS ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย ปีแรกตั้งเป้าการแจกสินค้าทดลองไว้ที่ 85,000 ชิ้น และลูกค้าที่ซื้อจริง 5,000 คน คิดเป็นยอดขายประมาณ 66 ล้านบาท และใน 3 ปีแรกตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 300 ล้านบาท
ด้าน มร.เอซุเกะ ชิเองมัตสึ ผู้จัดการทั่วไป เผยว่า ในญี่ปุ่นบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับที่ 7 ด้วยผลิตภัณฑ์เพียง 8 ชิ้นเท่านั้น หากมองพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของผู้บริโภคที่มักเปลี่ยนแบรนด์ไปเรื่อยๆ ทำให้มีอัตราการซื้อซ้ำต่ำ แต่สำหรับ Domohorn Wrinkle ด้วยรูปแบบการขายดังกล่าว ถือว่าทำได้ดี เพราะมีลูกค้าที่ใช้ต่อเนื่องนาน 5 ปี กว่า 60%
ชูจุดเด่นด้วย ผลิตภัณฑ์ 8 ชิ้นในการบำรุงผิวขั้นพื้นฐาน
ท่ามกลางกระแสการแข่งขันของธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่เน้นความง่าย สะดวก รวมเร็ว ความน่าสนใจของ Domohorn Wrinkle อยู่ที่วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ โดยย้ำว่าต้องการให้ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ครบ 8 ชิ้น หรือOne line แบ่งเป็น Refining 3 ชิ้น, Essential 4 ชิ้น และ Daytime Solution 1 ชิ้น ที่ครอบคลุมผู้ที่มีปัญหาผิวและต้องการแก้ไข ในกรณีที่ลูกค้าบอกว่า 8 ชิ้นใช้เวลานานเกินไป สามารถปรึกษา Customer Pleaser ได้ว่าต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นใดบ้าง เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน
ทั้งนี้ ต้องบอกว่าผลิตภัณฑ์ของ Domohorn Wrinkle มีเพียง 8 ชิ้น และไม่มีการผลิตสินค้าใหม่ตามเทรนด์เพื่อเพิ่มยอดขาย แต่จะทำการ Renew ผลิตภัณฑ์ใหม่ทุก 3-4 ปี
เซ็ตทดลอง 3 วัน เพียงพอที่จะทำให้ตัดสินใจได้หรือไม่
หลายคนอาจสงสัยว่า เซ็ตทดลองผลิตภัณฑ์ 3 วันที่จะได้รับ เพียงพอที่จะเห็นผลลัพธ์หรือไม่ เบื้องต้น มร.มาซาอากิ เผยว่า 3 วันอาจไม่ช่วยให้เห็นผลต่างในทันที แต่อยากให้ลูกค้าทดสอบก่อนว่าแพ้หรือไม่ และสิ่งที่ได้แน่ๆ คือ ผิวหน้าที่อ่อนนุ่มและชุ่มชื่นขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างความประทับใจแรก และต่อยอดสู่การซื้อจริง
Domohorn Wrinkle ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ญี่ปุ่นที่ได้รับการความไว้วางใจจากผู้ใช้มายาวนาน การเข้ามาทำตลาดในบ้านเรานั้น จะช่วยขยายฐานธุรกิจออกไปสู่ประเทศข้างเคียงในกลุ่ม CLMV ที่กำลังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี โดยเฉพาะเรื่องความงามที่ถูกยกระดับและให้ความสำคัญมากขึ้น
ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีสัดส่วนยอดขายต่างประเทศ 7-8% ของรายได้รวมทั้งหมด เป้าหมายของ Domohorn Wrinkle หลังจากนี้คือการเพิ่มสัดส่วนอีก 3% ด้วยการดึงจุดแข็งเรื่องงานบริการ และช่องทางการขายแบบ Direct Tele Marketing เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าในระยะยาว
ลงทะเบียนรับผลิตภัณฑ์เซ็ตทดลอง ผ่านทางโทรศัพท์ 02-260-2222 หรือเว็บไซต์ www.saishunkan-th.com