ตั้งแต่สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอย่างกาแลคซี่ โน้ต7 ประสบปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ จนต้องเรียกคืนสินค้าและระงับการจำหน่ายไปในที่สุด ก็กลายเป็นมรสุมครั้งใหญ่ของ “ซัมซุง” ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั่วโลก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ภาพลักษณ์ของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว แต่หมายถึงแบรนด์ด้วย
และ…เพราะประเทศไทยยังคงเป็นตลาดใหญ่ของซัมซุง ทั้งในแง่ของจำนวนแฟน ยอดจำหน่าย หรือแม้แต่กระแสตอบรับอย่างล้นหลามเมื่อมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนลงตลาด ล่าสุด “ซัมซุง ประเทศไทย” จึงได้จัดให้ “ดีเจ โกห์” ประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ผู้บริหารระดับสูงจากเกาหลีใต้มาพบปะกับสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีบนมือถือของซัมซุง
บอกเลยว่าเป็นโอกาสอันดี ที่เราได้เป็นหนึ่งในทีมสื่อมวลชนที่มีโอกาสเข้าร่วมงานครั้งนี้ และแน่นอน…เราไม่พลาดเก็บทุกรายละเอียดมาฝากคุณ!!!
“ขอบคุณผู้บริโภคทุกคนที่ให้การตอบรับกาแลคซี่ เอส8 และเอส8 พลัส เป็นอย่างดีรวมถึงทีมงานซัมซุงไทย เราต้องการมอบประสบการณ์อันดีเยี่ยมในการใช้งานแก่ทุกคน สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวถูกต่อยอดจากประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดแห่งยุค เป้าหมายของเราคือการเชื่อมโยงการใช้งานนวัตกรรมและความเป็นส่วนตัวร่วมกันอย่างลงตัว” นายดีเจ โกห์ ประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เริ่มต้นการพูดคุยโดยกล่าวถึงความสำเร็จของสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ทั้ง 2 รุ่น
นอกจากนี้ ดีเจ โกห์ ยังได้พูดถึงประเด็นต่างๆ อีกว่า จากนโยบายของรัฐบาลไทยที่พยายามผลักดันให้เกิดการต่อยอดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซัมซุงก็ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวและได้มีการพูดคุยร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) ในการดำเนินงานและนำเสนอเทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์การใช้งานแก่ผู้บริโภคได้
ซัมซุงยึดมั่นปรัชญาการดำเนินธุรกิจโดยเน้นการพัฒนาตลาดโดยให้ความสำคัญแก่ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก มีความเคารพในการทำงานร่วมกันกว่า 1,000 บริษัททั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
“ความท้าทายของการทำตลาดในประเทศไทยคือ 1.ตลาดสมาร์ทโฟนเข้าสู่จุดอิ่มตัวแล้ว ด้วยการใช้งานกว่า 90% ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น 2.เราต้องต่อสู่กับคู่แข่งอีกหลายแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่เข้ามาแข่งขันอย่างมากมาย แต่ไทยยังถือเป็นตลาดใหญ่ของซัมซุงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องมาเยือนประเทศไทย เราจะต้องหารือร่วมกันกับผู้บริหารซัมซุงไทยเพื่อพูดคุยถึงแนวทางการผลักดันซัมซุงในช่วงครึ่งปีหลังและช่วงต่อๆ ไป”
สำหรับการเติบโตของซัมซุงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีอัตราการเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา และคาดหวังว่าช่วงเวลาต่อจากนี้ก็จะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ
ส่วนเทคโนโลยีผู้ช่วยส่วนตัวสั่งงานด้วยเสียงอย่าง Bixby (บิ๊กซ์บี้) จะมีการเปิดตัวเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษในสหรัฐอเมริกาภายในวันที่ 18 ก.ค.นี้ และจะเปิดตัวทั่วโลกประมาณ 22 ส.ค. ส่วนเวอร์ชั่นภาษาไทยนั้นยังมีไม่ความคืบหน้า ขณะที่ระบบชำระเงินอย่าง Samsung Pay (ซัมซุง เพย์) ปัจจุบันมีการใช้งานกว่า 20 ประเทศทั่วโลก มีการทำธุรกรรมแล้วกว่า 240 ล้านครั้ง ภายใต้ความร่วมมือกับธนาคารทั่วโลกกว่า 870 แห่ง เพื่อสร้างวิถีชีวิตรูปแบบใหม่แก่ผู้บริโภคด้วยสังคมไร้เงินสด
ทั้งนี้ประเด็น Samsung Galaxy Note FE ซึ่งถูกอ้างอิงว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับการดัดแปลง (Refurbished) มาจากรุ่นกาแลคซี่ โน้ต7 ขณะนี้อยู่ในช่วงทดลองตลาดภายในเกาหลีใต้เท่านั้น โดยซัมซุงนำเสนอเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ตระกูลโน้ตและโน้ต7 ซึ่งยังไม่มีแผนการวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ส่วนการเปิดตัวกาแลคซี่ โน้ต8 นั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน
“ในฐานะประธานซัมซุง ยืนยันว่าเรายังใส่ใจและคอยตรวจสอบคู่แข่งอยู่เสมอ ขณะเดียวกันเราก็เรียนรู้จากคู่แข่งด้วยเช่นกัน ภายใต้การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่อำนวยความสะดวกและมอบประโยชน์แก่ชีวิตของผู้ใช้งาน”.