หากลองสังเกตสถานการณ์ “ธุรกิจการศึกษา” จะเห็นได้ว่า ขณะนี้มี “โรงเรียนนานาชาติ” เปิดให้บริการในประเทศไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งเครือใหญ่ เครือเล็ก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ยิ่งมีหลายแห่งในหลากทำเล
คำถามสำคัญ คือ แล้วโรงเรียนไหนเป็นนานาชาติที่ดีที่สุด ?
อย่าเพิ่งคิดว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องรู้คำตอบนี้ เพราะด้วยช่วงวัย…นี่อาจเป็นเรื่องยากของคนทำงานจำนวนไม่น้อยที่มีครอบครัวและอยู่ในสถานะพ่อแม่ที่ต้องวางแผนอนาคตการเรียนให้ลูก โชคดีที่เราได้คำแนะนำจากบุคลากรตัวจริงในแวดวงการศึกษานานาชาติอย่าง ครูใหญ่ “มาร์ค แมคเวย์” แห่งโรงเรียนนานาชาติ Denla British School มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับธุรกิจการศึกษาโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย รวมทั้งอธิบายความโดดเด่นของระบบการศึกษาหลักสูตรที่ถอดแบบมาจากประเทศอังกฤษให้ฟังว่า
“แนะนำให้ผู้ปกครองพิจารณาหลาย ๆ โรงเรียน อย่าเลือกเพียงแห่งเดียวไว้ในใจ แต่อยากให้เปรียบเทียบความแตกต่างและได้ไปเห็นระบบการเรียนการสอน ทิศทางการดำเนินงานของโรงเรียน หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้บริหารและเยี่ยมชมโรงเรียนด้วยตนเอง เพื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมที่เด็ก ๆ จะได้รับจากโรงเรียน และแน่นอนว่าอยากให้ทุกคนพิจารณา DBS เป็นตัวเลือกนึงด้วย”
แค่เริ่มต้นด้วยคำแนะนำจากครูใหญ่ของโรงเรียน ก็ยอมรับว่า…กระตุ้นให้เราอยากรู้จัก Denla British School หรือ DBS มากขึ้น ว่าเบื้องหลังรั้วโรงเรียนที่ใหญ่โตและดูหรูหราสวยงามบนพื้นที่กว่า 60 ไร่ บนถนนราชพฤกษ์แห่งนี้ ภายในมีอะไรซ่อนอยู่
นักเรียนไทยไม่ได้ต้องการแค่ Digital Skills
ครูใหญ่แห่ง DBS แสดงความเห็นถึงการศึกษาในประเทศไทยว่า ทักษะสำคัญที่นักเรียนยุคดิจิทัลต้องการไม่ใช่แค่ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีหรือคุ้นเคยกับนวัตกรรม แต่รวมถึงทักษะพื้นฐานอย่างการเรียน การสื่อสารกับผู้อื่น การทำงานร่วมกันเป็นทีม และทักษะการเป็นผู้นำ เนื่องจากยุคดิจิทัลและเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญที่สุดที่โรงเรียนควรถ่ายทอดให้เด็ก ๆ คือ การกระตุ้นให้พวกเขามีพื้นฐานในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย และมีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ เพราะชีวิตของคนรุ่นใหม่นั้นจำเป็นต้องค้นหาตัวเองให้เจอและมีโอกาสเปลี่ยนสายอาชีพได้หลากหลาย แตกต่างจากคนรุ่นเก่าที่ทำงานอาชีพเดียวและทำอย่างยาวนานไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
“การท้าทายของโรงเรียนนานาชาติในไทย คือ มีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ แต่เป็นข้อดีของผู้ปกครองที่มีโอกาสเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูก ขณะเดียวกันโรงเรียนก็ต้องไม่หยุดพัฒนาตนเองให้เป็นโรงเรียนที่ดีและคุ้มค่าให้พ่อแม่ไว้วางใจ แต่ความท้าทายที่สำคัญที่สุด คือการเตรียมพร้อมทางทักษะให้แก่นักเรียนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต”
โรงเรียนนานาชาติ VS มุมมองพ่อแม่ ความแตกต่างที่ “ลงตัว”
แน่นอนว่าพูดถึงโรงเรียนนานาชาติ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง คือ เรื่องค่าเล่าเรียน รวมถึงประเด็นวัฒนธรรมไทยที่โรงเรียนอาจไม่ได้ปลูกฝังให้กับเด็ก แต่ที่โรงเรียนนานาชาติ DBS ครูใหญ่มาร์ค แมคเวย์ อธิบายว่า สิ่งที่โรงเรียนต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ค่าเล่าเรียนและการถ่ายทอดความเป็นไทยให้นักเรียน
ค่าเล่าเรียนของโรงเรียนนานาชาตินั้นสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป เพราะเราต้องว่าจ้างบุคลากรครูจากต่างประเทศเข้ามาสอน โดยเฉพาะที่ DBS ซึ่งเป็นหลักสูตรการศึกษาแบบบูรณาการจากอังกฤษ ทำให้โรงเรียนเลือกครูที่เป็นชาวอังกฤษเท่านั้น ขณะเดียวกันโรงเรียนก็ให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรองรับความต้องการและความสะดวกสบายของนักเรียน ส่วนเรื่องถ่ายทอดความเป็นไทย ก็เป็นหนึ่งในเสาหลักที่ DBS มี ในการให้ความสำคัญกับสังคมที่อยู่และชุมชนโลก ทำให้โรงเรียนจัดหลักสูตรสอดแทรกความเป็นไทยเข้าไปด้วย เช่น วิชาภาษาไทย กิจกรรมในวันสำคัญที่เป็นวัฒนธรรมไทย หรือแม้แต่เรื่องการสื่อสารระหว่างผู้ปกครองกับครู ทางโรงเรียนก็เข้าใจอุปสรรคในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ทุกกิจกรรมที่ต้องมีการพบปะกับครูหรือกิจกรรมประชุมผู้ปกครอง จึงมีการจัดล่ามและครูผู้ช่วยภาษาไทยซึ่งมีประมาณ 40 คน ช่วยดูแลในส่วนดังกล่าวเพื่อทำให้ผู้ปกครองและครูชาวอังกฤษสามารถสื่อสารและปรึกษาแผนการดูแลนักเรียนของเราได้
ไม่ได้มองเป้าหมายแค่พัฒนานักเรียน แต่มุ่งสร้าง “ผู้นำโลก”
เป้าหมายหลักของ DBS ไม่ใช่แค่การพัฒนาทักษะการเรียนหรือการใช้ชีวิตนอกห้องเรียนแก่เด็ก ๆ แต่ยาวไกลถึงการสร้างทักษะความเป็นผู้นำ โรงเรียนจึงยึดถือแนวทาง 4 ประการเป็นวิสัยทัศน์ ได้แก่
Enhanced British Curriculum : หลักสูตรการศึกษาแบบบูรณาการจากอังกฤษ ครูทุกคนมาจากประเทศอังกฤษทั้งหมด ยกเว้นครูสอนภาษาไทยและภาษาจีน เรื่องนี้ไม่ได้เน้นแค่ทักษะในห้องเรียนแต่ DBS ได้จัดชั่วโมงเรียนที่ยาวนานขึ้นเพื่อทำให้นักเรียนได้มีเวลาทำกิจกรรมมากขึ้น โดยเน้นทั้งการเติมทักษะส่วนบุคคลและทักษะทางสังคม
Academic Excellence for All : ความเป็นเลิศทางวิชาการสำหรับทุกคน โดยโรงเรียนพยายามผลักดันให้นักเรียนสามารถเข้าถึงหลักสูตรการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหลักสูตรเป็น 3 ภาษา คือ อังกฤษ ไทย และจีน
Entrepreneurship and Creative Thinking : ความเป็นผู้ประกอบการและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้นักเรียนที่อาจต่อยอดสู่สถานะเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ หรือสตาร์ทอัพในอนาคต
Community and Global Perspectives : ทัศนคติต่อชุมชนและต่อโลก เป็นแนวทางที่โรงเรียนให้ความสำคัญอย่างมากแม้จะเป็นโรงเรียนหลักสูตรต่างชาติ แต่ DBS ยังให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมไทยเนื่องจากเคารพคนไทยและประเทศไทย รวมถึงการมอบสวัสดิการความเป็นอยู่ที่ดีแก่บุคลากรในโรงเรียน หรือ Well-Being เพราะเชื่อว่าการทำให้บุคลากรทุกคนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีก็จะส่งผลต่อความพร้อมในการดูแลนักเรียน จึงมีการแต่งตั้งผู้จัดการด้านความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อดูแลภาพรวมของนักเรียน ครู รวมถึงทีมงานทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่า DBS มอบความเป็นอยู่ที่ดีแก่ทุกคนอย่างแท้จริง
“เราเชื่อว่า Well-Being ที่มอบให้แก่บุคลากรเป็นอย่างดี เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อนักเรียนของ DBS เพราะนอกจากรากฐานทางวิชาการ เราจำเป็นต้องมอบความสุขและทำให้เด็ก ๆ มีทักษะในการเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตของพวกเขาให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราเน้นการเอาใจใส่ผู้อื่น โดยเปิดรับความเห็นจากทั้งนักเรียนและผู้ปกครองเพื่อปรับปรุงและหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกันในทุกเรื่อง เพิ่มเติมจากการจัดประชุม 2-3 ครั้งต่อเทอม เพราะ DBS เชื่อว่าผู้ปกครองและโรงเรียนต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
ทำไมต้องเป็น “หลักสูตรบูรณาการจากอังกฤษ”
อย่างที่บอกว่าโรงเรียนนานาชาติ DBS ใช้หลักสูตรบูรณาการจากประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นหลักสูตรจากโรงเรียนเอกชนอังกฤษที่ดีที่สุดในโลก แตกต่างจากหลาย ๆ โรงเรียนประเภทเดียวกัน ด้วยหลักสูตร Co-Curriculum Activities ในโปรแกรม Model United Nations ซึ่งเป็นการเรียนรู้ชั้นสูงในรูปแบบการดำเนินงานขององค์การสหประชาชาติ ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกอภิปราย วิเคราะห์ ความคิดเห็น และนำเสนอไอเดีย ต่อหน้ากลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นพื้นฐานในการปลูกฝังทักษะการเป็นผู้นำระดับโลก เพื่อฝึกฝนนักเรียนทั้งหลักสูตรวิชาการและการฝึกฝนสู่ความเป็นผู้นำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ กีฬา การแสดงออก กิจกรรมการกุศล และกิจกรรมตามความสนใจของเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนให้ความสำคัญร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ครอบครัวชาวต่างชาติและชาวไทยที่มองหาสถานศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก ควบคู่กับการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จในอนาคตของผู้คน
ขณะเดียวกัน ความโดดเด่นของหลักสูตรจากประเทศอังกฤษยังมีความเข้มข้นกว่าหลักสูตรของประเทศอื่น เนื่องจากลงลึกในรายละเอียดทักษะการเรียนมากกว่า และให้ความสำคัญกับทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยโลกที่ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่คะแนนสอบหรือการเรียนในห้องเรียน
นอกจากนี้ มาตรฐานการคัดเลือกครูผู้สอนที่ DBS ยังใช้เกณฑ์เดียวกับที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย เป็นการคัดเลือกร่วมกันตั้งแต่ทีมผู้บริหาร ครูใหญ่ โดยการสัมภาษณ์ผ่าน Skype ซึ่งพิจารณาตั้งแต่มหาวิทยาลัยว่าจบจากสถาบันที่ดีไหม มีประสบการณ์การทำงานในอาชีพครูมาก่อนหรือไม่ รวมถึงอุปนิสัยส่วนตัวว่าสนใจกิจกรรมประเภทใดบ้าง มีความกระตือรือร้นในการสร้างแรงบันดาลใจแก่นักเรียนได้มากน้อยแค่ไหน แม้แต่การปรับตัวเพื่อมาเป็นครูในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้และติดตามผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ
เปิดตัว 5 ไฮไลท์ ส่งเสริมการศึกษาคุณภาพในประเทศไทย
ในปีการศึกษานี้ ทางโรงเรียน DBS ได้เปิดตัวไฮไลท์การศึกษา 5 โปรแกรม ได้แก่…
Beacon Core & Aspire, Cartesian
โปรแกรมคอมมิวนิตี้เด็กหัวกะทิ เพื่อเฟ้นหาและส่งเสริมนักเรียนที่มีความฉลาดและมีส่วนร่วมกับโรงเรียนมากที่สุด นักเรียนจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมโปรแกรมจากผลของการเรียนและทัศนคติต่อการเรียน
Comprehensive ESL programme
โปรแกรมที่ครอบคลุมด้านความเป็นเลิศทางด้านภาษาอังกฤษ เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียน DBS ทุกคนสามารถเข้าถึงหลักสูตรภาษาอังกฤษได้และส่งเสริมความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษที่ดีสำหรับทุกคน
Accelerated Reader programme
โปรแกรมเร่งอ่านเพื่อให้นักเรียนมีความก้าวหน้าในการอ่านภาษาอังกฤษ โดยครูผู้เชี่ยวชาญจะเลือกหนังสือในระดับที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งจะมีการวัดผลความก้าวหน้าทางด้านการอ่านด้วยการตอบคำถามเพื่อแสดงว่าพวกเขาเข้าใจแล้ว และพวกเขาสามารถยกระดับการอ่านขึ้นไปในเลเวลที่สูงขึ้น
โปรแกรม Y10 และ IGCSE
การวางแผนการเรียนแบบเข้มข้นเพื่อการสอบ IGCSE ที่สำคัญหลักสูตรของ DBS จะออกแบบการเรียนการสอนเพื่อเข้าถึงข้อกำหนดในการเรียนแต่ละรายวิชาเพื่อสอบ IGCSE โดยเฉพาะ และจะมีการจัดทำแผนเพื่อให้นักเรียนแต่ละคนได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิชาเลือกเพิ่มเติมนอกเหนือจากวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
GL performance
ที่ DBS มีการวัดความสามารถของเด็กในวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ที่เรยกว่า GL Assessment เพื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก The Progress Test Series (PT Series) ซึ่งเป็นการวัดความเข้าใจที่แท้จริงของเด็กต่อวิชาหลักต่างๆ เพื่อที่จะสามารถระบุได้ว่าเด็กคนไหนต้องการการช่วยเหลือในเรื่องใดเป็นพิเศษ และเด็กคนไหนมีสามารถทำอะไรที่ท้าทายได้มากขึ้น ผลจากการวัด GL Assessment ทำให้ครูผู้สอนนำไปประกอบการวางแผนให้เด็กแต่ละคนเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการทำได้แม่นยำขึ้น
ยึดถือมาตรฐาน 40 ปี ในเครือ “เด่นหล้า”
พูดถึงหลักสูตรการเรียนที่น่าสนใจไปแล้ว แต่จุดเด่นของโรงเรียนนานาชาติ DBS ไม่ได้มีแค่นั้น แต่ยังมีความน่าสนใจภายใต้มาตรฐานกลุ่มโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า ซึ่งดำเนินงานยาวนานกว่า 40 ปีในประเทศไทย และถูกต่อยอดสู่การดำเนินงานโรงเรียนนานาชาติ DBS ตั้งแต่ระดับชั้น Early Year 1 (เทียบเท่าอนุบาล 1) จนถึง Year 13 (เทียบเท่า ม. 6) เพื่อเป้าหมายความเป็นผู้นำทางด้านสถาบันการศึกษานานาชาติในไทย ภายใต้ปรัชญา “Results the Right Way”
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงเรียน ด้วยเนื้อที่ขนาดใหญ่กว่า 60 ไร่ ทำให้ DBS สามารถจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกเทียบเท่าระดับสากลเพื่อนักเรียนและบุคลากรไว้อย่างครบบครัน อาทิ สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานปูด้วยหญ้าระดับแข่งขัน (FIFA Preferred 2 stars) พร้อมลู่วิ่งมาตรฐาน 400 เมตร สนามบาสเกตบอล สนามเทนนิส สนามฝึกซ้อมกอล์ฟ สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ โรงยิมในร่มขนาดใหญ่ โรงละคร ห้องดนตรี ห้องสมุด ห้องศิลปะ 2D และ 3D และห้องกิจกรรมอื่น ๆ ขณะเดียวกัน อาคารเรียนและอาคารกิจกรรมทั้งหมดยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีระดับสากล เพื่อรองรับอุปกรณ์การเรียนการสอนของ Apple เพื่อมุ่งสู่การเป็น Apple Distinguished School อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 พ.ย. 2562 นี้ โรงเรียนนานาชาติ DBS จะจัดงาน Open Day เปิดบ้านต้อนรับผู้สนใจให้เข้ามาเยี่ยมชมบรรยากาศภายในโรงเรียน ตลอดจนรับชมกิจกรรมโชว์ความสามารถของนักเรียน พบปะกับประธานนักเรียน รวมถึงครูใหญ่ และรองครูใหญ่ เพื่อให้รายละเอียแนะนำโรงเรียนแก่ผู้ปกครอง โดยสามารถศึกษารายละเอียดของ DBS เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ DBS Bangkok