เปิดออฟฟิสใหม่! เดลต้า ประเทศไทย พร้อมเผยกลยุทธ์ทำตลาดเชิงรุก ยกระดับบริการ-โชว์นวัตกรรมรับเทรนด์ความยั่งยืน

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

หากพูดถึงบริษัท “เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)” หลายคนอาจรู้จักจากข่าวคราวสายการลงทุนในฐานะ “หุ้นที่มีราคาสูงที่สุด” ในประเทศไทยและมีราคาหุ้นก้าวกระโดดอย่างมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและเติบโตไปมากถึง 10,000% แล้วนับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อ 28 ปีก่อน

แต่หลายๆคนอาจยังไม่รู้ว่า “เดลต้า ประเทศไทย” ในวันนี้คือบริษัทเทคโนโลยีที่เน้นเทคโนโลยีด้าน Power Electronics, Automation รวมถึง Infasturcture ที่ทำกำไรสุทธิในปี 2022 ได้กว่า 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 129% จากปี 2021 โดยมีรายได้ส่วนใหญ่จากผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลบนคราวน์ (CloudStorage) ระบบศูนย์ข้อมูล (Data Center)  ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์การควบคุมอุณหภูมิในยานยนต์เป็นต้น

 

สำนักงานใหม่ 66 ทาวเวอร์

คุณแจ๊คกี้ จาง ประธานบริษัทเดลต้า ประเทศไทย เปิดเผยถึงการเปิดสำนักงานใหม่ในกรุงเทพฯมหานครว่า เดิมที เดลต้า ประเทศไทย ทำการตลาดแบบ Low Profile มาโดยตลอด แต่เวลานี้จะเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกด้วยการเปิดสำนักงานในกรุงเทพฯมหานครขึ้นเป็นครั้งแรกนอกเหนือจาก “สำนักงานใหญ่” และ “โรงงาน” ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเป็นการยกระดับบริการด้านการขายและการตลาดทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังเป็นโชว์รูมสำหรับจัดแสดงนวัตกรรมที่เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆของเดลต้าประเทศไทยด้วย

สำหรับอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของเดลต้า ประเทศไทย อยู่ที่อาคาร 66 ทาวเวอร์ ในย่านอุดมสุข สามารถเดินทางไปด้วยด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอุดมสุข ทางออก 2 โดยสำนักงานจะตั้งอยู่ที่ชั้น 16 ประกอบไปด้วยโซนสำนักงานและส่วนจัดแสดงโซลูชั่นต่างๆของเดลต้า

โชว์เทคโนโลยีด้วยเทคโนโลยี

สำหรับพันธมิตรและลูกค้าของเดลต้าสามารถเข้ามาชมโซลูชั่นต่างๆของเดลต้าได้ที่โชว์รูมชั้น 16 ของอาคาร 66 ทาวเวอร์  ที่ออกแบบในคอนเซปต์แบบ Gallery ผ่านนวัตกรรมโปรเจ็กเตอร์ระยะฉายสั้นของแบรนด์ Vivitek ที่เป็นแบรนด์ของเดลต้าเอง ฉายลงบนเมืองจำลอง 3 มิติ ที่จะช่วยให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโซลูชั่นต่างๆของ เดลต้าได้อย่างตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นโซลูชั่นที่ใช้กับ Smart City อย่าง ระบบพลังงานจากแสงอาทิตย์ ระบบจัดเก็บพลังงาน โซลูชั่นเกี่ยวกับโรงงานอย่าง ระบบ Automation ระบบ Energy Management เรื่องของ Building Automation บริหารจัดการระบบอัตโนมัติในอาคารทั้งความปลอดภัย ระบบหมุนเวียนอากาศ ระบบ Smart Lighting  ระบบ Data Center ที่อยู่เบื้องหลังทุกโซลูชั่น  และโซลูชั่น อย่าง Telecom Power อย่างสัญญาณ 5G ที่กำลังจะขยายไปทั่วประเทศ และโซลูชั่น EV Charger ที่จะพัฒนาไปอีกขั้นด้วย

นวัตกรรมที่ได้เห็นของจริง

สำหรับโซลูชั่นที่เดลต้า ประเทศไทยนำมาจัดแสดงและให้ทดลองใช้และสัมผัสตัวจริงกันด้วยเช่น Delta Modular Datacenter Vari°ROW® Series ดาต้าเซ็นเตอร์แบบโมดูลที่มีระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ มีการกำหนดค่าล่วงหน้า สามารถปรับขนาดเพื่อนำไปใช้ได้ในสำนักงานขนาดเล็กเรื่อยไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่โดยเชื่อมต่อแต่ละโมดูลเข้าด้วยกันขยายขนาดไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าสามารถเติบโตไปได้ตามการเติบโตของธุรกิจตามต้องการเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีระบบ Delta Indoor Air Quality Solutions ที่เป็นระบบจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคารพร้อมกับโปรแกรมตรวจสอบคุณภาพอากาศอัตโนมัติแบบครบวงจร ที่สามารถตรวจจับอุณหภูมิ ความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์  โอโซน มีระบบดักจับฝุ่น PM 2.5  และระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ให้อากาศภายในมีแรงดันบวก ที่สามารถทำงานได้ผ่านระบบ Automation ด้วย

ไม่เท่านั้นยังมีเทคโนโลยี NovoTouch Interactive Display โซลูชั่นจอแสดงผลระบบสัมผัส ที่ใช้ในการประชุมและการเรียนการสอน และมีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆในไทยเริ่มนำไปใช้กันแล้ว รวมไปถึงโซลูชั่นเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของเดลต้าที่มีทั้งระบบ AC และ DC ให้ทดลองใช้สำหรับผู้ที่จะนำไปลงทุนทำสถานีชาร์จ หรือสำหรับติดตั้งในครัวเรือนด้วย

กระแส Sustainability หนุนการเติบโต

คุณแจ๊คกี้ จาง เปิดเผยว่าเทรนด์ในเรื่องแสดงแวดล้อมหรือเรื่องความยั่งยืน Sustainability เห็นได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับการประชุม UN Climate Change Conference หรือ COP26 ที่หลายประเทศร่วมลงนาม การเกิดวิกฤตพลังงาน รวมถึงเทรนด์ของรถ EV ที่กำลังมาล้วนมีส่วนสร้างความเติบโตให้กับบริษัทเดลต้าเนื่องจากเดลต้ามีเทคโนโลยีที่พร้อมรองรับเทรนด์เหล่านี้มากมาย

นอกจากนี้เทรนด์เรื่อง AI ที่กำลังมาก็จะทำให้มีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้นก็จะสอดรับกับโซลูชั่นด้านพลังงานที่เดลต้ามีให้บริการ รวมไปถึงการดำเนินนโยบายด้าน ESG และนโยบายของรัฐที่สนับสนุน ต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นเทรนด์เชิงบวกให้กับเดลต้า ที่มีโซลูชั่นเพื่อความยั่งยืนและสร้างการเติบโตต่อไปได้

คุณแจ๊คกี้ ระบุว่า เดลต้า มีแผนที่จะจะโฟกัสไปที่ 3 โซลูชั่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น 1.ด้านอุตสาหกรรมการผลิต ที่ทำให้เกิด Smart Industry ที่จะมีระบบ Automation รวมไปถึงระบบคลาวด์ ต่างๆที่ทำให้เกิด Productivity มากขึ้น  2.โครงสร้างพื้นฐาน ที่จะมีทั้งเรื่องของ ICT ที่จะมีโซลูชั่นอย่าง Data Center ในรูปแบบต่างๆ และโซลูชั่น Energy Infrastucture ไม่ว่าจะเป็นระบบพลังงานแสดงอาทิตย์ ระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึง EV Charger ด้วย และ 3.โซลูชั่นด้าน Building Automation ที่สำคัญสำหรับทุกวันนี้เนื่องจากคนเราใช้ชีวิตอยู่ในอาคารเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นโซลูชั่นเพื่อสุขภาพและการจัดการด้านต่างๆจึงสำคัญ โดยเดลต้า ตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางของ 3 โซลูชั่นนี้ทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลงทุนเตรียมพร้อมเพื่ออนาคต

สำหรับแผนการลงทุนเพื่อรองรับกับความต้องการในอนาคต คุณแจ๊คกี้ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทลงทุนด้วยงบราว 150-180 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา ในปี 2023 นี้บริษัทตั้งงบลงทุนเอาไว้สำหรับตลาดในไทย อินเดีย และยุโรป มูลค่า 180-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในไทยเองได้เริ่มต้นขยายโรงงานไปยัง โรงงานหมายเลข 8 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรองรับกับความต้องการที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

คุณแจ๊คกี้ เปิดเผยด้วยว่า เดลต้า ยังเน้นลงทุนกับเรื่องของทรัพยากรบุคคลในด้าน Talent Development ด้วยโดยเฉพาะในสาขาวิศกรรม นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เดลต้าเข้าไปร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในไทยหลายแห่งเช่นมหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อสร้างบุคลากรเข้ามาเติมเต็มความต้องการของอุตสาหกรรมในส่วนนี้ โดยเดลต้าเพียงที่เดียวก็ต้องการบุคลากรในหลัก 500 คนเลยทีเดียว

ทั้งนี้คุณแจ๊คกี้ยืนยันว่าการให้การสนับสนุนในด้านทรัพยากรบุคคลนั้นไม่ได้ทำไปเพื่อหวังสร้างผลกำไรให้กับบริษัทแต่จะเป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวมในระยะยาวไม่ว่า Telent เหล่านั้นจะมาร่วมงานกับเดลต้าหรือไม่ก็ตาม

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดบางส่วนของการเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงเทพมหานคร ของเดลต้า ประเทศไทย พร้อมกับแผนธุรกิจที่จะเดินหน้าไปในปี 2023 นี้ที่เน้นไปในเรื่องโซลูชั่นเกี่ยวกับความยั่งยืนที่กำลังเป็น Mega Trend ในระดับโลก ที่นอกจากจะสร้างความเติบโตให้กับเดลต้าเองแล้ว ยังจะช่วยยกระดับสังคมให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •