เนื้อหอมจริง ๆ สำหรับธุรกิจร้านมัลติแบรนด์เครื่องสำอางในไทย โดย ‘ไอสไตล์ อิงก์’ เจ้าของเว็บไซต์ @cosme ที่ให้บริการรีวิวและจัดอันดับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น และเจ้าของเครือข่าย Cosmetic Specialty Store ภายใต้ชื่อ ‘@cosme store’ เป็นรายล่าสุดที่ประกาศขอลงสนามแข่งขันในตลาดนี้
ปัจจุบัน @cosme store มีสาขา 25 แห่งในประเทศญี่ปุ่น และมีสาขาในต่างประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน , ฮ่องกง และเกาหลีใต้
ส่วนไทย ถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ทางไอสไตล์ อิงก์ได้ขยายธุรกิจเข้ามา ด้วยการจับมือกับ ‘กลุ่มสยามพิวรรธน์’ ตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยทางกลุ่มไอสไตล์ อิงก์ ถือหุ้น 70% อีก 30% เป็นของกลุ่มสยามพิวรรธน์ เริ่มต้นเปิด ‘@cosme store’ สาขาแรกที่ไอคอนสยาม และตั้งเป้าขยายสาขา 5 แห่ง ภายใน 3 ปี
ฮาจิเมะ เอนโดะ รองประธานอาวุโส กิจการบริการด้านความงาม ไอสไตล์ อิงก์ กล่าวว่า ไทยถูกวางให้เป็น Priority Market ในภูมิภาคอาเซียน เหตุผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก 1. ไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางจีดีพีที่ดี
2. จากการทำวิจัยพบว่า ผู้หญิงไทยมีการจับจ่ายในการซื้อเครื่องสำอางสูงที่สุดในอาเซียน โดยมีการใช้จ่ายด้านนี้มากกว่าสิงคโปร์ 1.5 เท่า จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจมากสำหรับไอสไตล์อิงก์
ชูจุดแข็ง Big data ความงามสู้คู่แข่ง
แม้จะเข้ามาตลาดที่หลังคู่แข่งอย่าง ‘มัทสึโมโตะ คิโยชิ’ (Matsumoto Kiyoshi ) ที่จับมือกับบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด มารุกธุรกิจในไทยก่อนหน้านี้ และตลาดมัลติแบรนด์เครื่องสำอางในไทยก็ถือว่า ‘แข่งเดือด’ ทั้งจากผู้เล่นรายเก่า และรายใหม่ แต่ทางผู้บริหาร @cosme store ก็ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้
เพราะเชื่อในจุดแข็งและข้อได้เปรียบของ @cosme store ที่มี Big data ด้านบิวตี้จากเว็บไซต์ @cosme โดยปัจจุบันถือว่า ทรงอิทธิพลและเป็นฐานข้อมูลด้านบิวตี้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีจำนวน Users ไม่ต่ำกว่า 16 ล้านราย มีรีวิวจากผู้บริโภคมากกว่า 14 ล้านรีวิว ครอบคลุมเครื่องสำอางกว่า 300,000 รายการ จาก 32,000 แบรนด์ ทำให้สามารถวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค และจัด Ranking สินค้า ซึ่งช่วยให้สามารถคัดเลือกสินค้ามาวางขายภายในร้านให้ตอบโจทย์และตรงใจลูกค้าได้มากที่สุด
ที่สำคัญข้อมูลที่ว่า ไม่ได้เก็บเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีการรวบรวมในทุกประเทศที่ทางกลุ่มไอสไตล์ อิงก์ได้เข้าไปขยายธุรกิจ รวมถึงในไทยที่จะมีการเก็บข้อมูลหลังจากมีการพัฒนาโมบายล์ แอพพลิเคชั่นออกมาในปี 2562 เพื่อสร้างเป็น Global One Database และจะทำให้ @cosme เป็น Big data ด้านความงามที่ใหญ่ระดับโลกก็ว่าได้
ปักธงไอคอนสยาม เป็นแห่งแรก
สำหรับ ‘@cosme store’ สาขาแรกที่ไอคอนสยาม คาดว่าจะเปิดให้บริการราวเดือน พ.ย.นี้ โดยจะเป็นแฟลกชิพสโตร์ มีพื้นที่ทั้งหมด 300 ตร.ม. มีสินค้าวางขาย 5,000 – 6,000 SKU และมีความหลากหลาย เรียกได้ว่า มีครบตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งช่วงแรกจะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นเป็นหลัก จากนั้นจะมีการเพิ่มสัดส่วนของแบรนด์จากประเทศอื่น ๆ เข้ามา ขณะที่ราคามีให้เลือกตั้งแต่หลักสิบบาทไปถึงหลักพันบาท
“ตลาดนี้ในไทยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-5% ขณะเดียวกันการแข่งขันก็รุนแรงมีรายใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ เราเองมั่นใจเพราะคอนเซ็ปต์ชัดเจน มีความหลากหลายของสินค้า ราคาแข่งขันได้ ภายในร้านเราก็ให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้าได้อย่างอิสระ และมีที่ปรึกษาที่ให้คำปรึกษาแบบไม่จำกัดว่าต้องเป็นแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเท่านั้น ต่างจากคู่แข่งรายอื่นในตลาด” Yusin Murakami กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ขณะที่ อุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง มองความร่วมมือในการเปิด @cosme store เป็นส่วนสำคัญในการตอกย้ำโพซิชั่นของกลุ่มสยามพิวรรธน์ในการเป็นผู้นำด้าน Innovation ที่ต่างจากคู่แข่งในธุรกิจรีเทลรายอื่น ๆ
เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนโฉม ‘สยามดิสคัฟเวอรี่’ ให้เป็นไฮบริด รีเทล มาถึงการจับมือกับพาร์ทเนอร์ในการนำร้านใหม่ ๆ เข้ามา อาทิ ‘ALAND’ ร้านมัลติแบรนด์แฟชั่นชื่อดังจากเกาหลี, ‘ODS’ ร้านมัลติแบรนด์ด้านตกแต่งบ้าน และ ‘CAZH’ ร้านเครื่องแต่งกายลำลองในรูปแบบมัลติแบรนด์สโตร
รวมถึง @cosme store ที่จะเปิดสาขาแรก ณ ไอคอนสยาม ตามด้วยสาขา 2 ที่สยามเซ็นเตอร์ในปีหน้า และจะขยายให้ครบ 5 สาขาภายใน 3 ปี