หลังจาก “Bain & Company” บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ประกาศความร่วมมือกับ “OpenAI” ผู้พัฒนาระบบ AI ที่เรารู้จักกันในชื่อ ChatGPT, GPT-4, DALL·E และ Codex เพื่อนำเทคโนโลยี AI มาให้บริการกับลูกค้าองค์กรทั่วโลก ทั้งในเชิงกลยุทธ์, เครื่องมือ และแพลตฟอร์ม AI โดยมี “โคคา–โคลา” (Coca-Cola) บริษัทเครื่องดื่มและอาหารระดับโลกเป็นพันธมิตรบริษัทแรกของความร่วมมือครั้งนี้
นำมาสู่การพัฒนาแพลตฟอร์ม AI “Create Real Magic” ที่นำเทคโนโลยี GPT-4 และ DALL·E มาใช้ เพื่อให้ศิลปิน ครีเอเตอร์ หรือผู้คนทั่วไปได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งชองแนวคิดแบรนด์ Real Magic ถือเป็นก้าวสำคัญในการทรานส์ฟอร์มการตลาดโค้กสู่ยุค “AI Marketing”
“เราคาดการณ์ว่า AI จะเป็นคลี่นลูกใหญ่ของการเปลี่ยนแปลง และเป็นนวัตกรรมสำหรับลูกค้าของเราในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมสำหรับการทำงานด้านความรู้ และเป็นช่วงเวลาขององค์กรต่างๆ จะต้อง rethink โครงสร้างธุรกิจ พร้อมทั้งนำ AI มาประยุกต์ใช้” Manny Maceda, Bain & Company’s Worldwide Managing Partner กล่าวถึงความสำคัญของเทคโนโลยี AI กับธุรกิจ
ทางด้าน Zack Kass, Head of Go-To-Market at OpenAI ขยายความเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยีของ OpenAI เมื่อรวมกับความเชี่ยวชาญของ Brain & Company จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจครั้งใหญ่ โดยเรามีความยินดีที่ Coca-Cola มาเป็นพันธมิตรบริษัทแรก ด้วยการนำเทคโนโลยีของ OpenAI มาใช้ในการพัฒนาแบรนด์ การตลาด และประสบการณ์ผู้บริโภค
“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้ เนื่องจากเราเห็นโอกาสในการยกระดับการตลาดของเรา ผ่านเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย ควบคู่กับค้นหาวิธีการพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงาน และเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจให้กับเรา” James Quincey, Chairman and CEO, The Coca-Cola Company กล่าวถึงการนำ Generative AI มาใช้
พัฒนาแพลตฟอร์ม AI “Create Real Magic” ใช้เทคโนโลยี GPT-4 และ DALL·E ครีเอทศิลปะดิจิทัล
จากความร่วมมือดังกล่าว โปรเจคแรกที่ Coca-Cola ทดลองนำ Generative AI มายกระดับการตลาดให้ล้ำไปอีกขั้น คือ เปิดตัวแพลตฟอร์ม “Create Real Magic” ที่รวมความสามารถของ GPT-4 และ DALL·E มาให้เหล่าศิลปิน ครีเอเตอร์ รวมทั้งแฟนๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะดิจิทัล
โดยบนแพลตฟอร์ม Create Real Magic มี artwork ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Coca-Cola เช่น ภาพขวด Contour ซึ่งเป็น signature อยู่คู่แบรนด์โค้กมายาวนาน เพื่อให้เลือกมาใช้เป็นองค์ประกอบของรูป จากนั้นผู้ใช้ป้อนคำสั่งว่าต้องการให้ในรูปมีอะไรบ้าง แล้วระบบจะประมวลผล ได้ออกมาเป็นผลงานศิลปะดิจิทัล นอกจากนี้ยังสามารถใส่ข้อความ และปรับแต่งได้ด้วย
“การพัฒนา Create Real Magic เป็นการส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นในการทดลอง เรียนรู้ และขยายไอเดียในการใช้ AI ซึ่งเปิดโอกาสให้ศิลปินดิจิทัลได้สร้างสรรค์ผลงานบนพื้นที่แห่งนี้ที่เป็นเหมือน sandbox ซึ่งเป็นการทดลองว่าการทำ Co-creation ร่วมกันผ่านนวัตกรรมที่จับต้องได้ ด้วยศิลปินจริง มนุษย์จริง กำลังใช้ AI สร้างผลงานที่มหัศจรรย์ ซึ่งจะช่วยสร้าง Creative Community ให้กับแบรนด์โคคา-โคลา” Pratik Thakar, Global Head of Creative Strategy and Integrated Content แบรนด์โคคา-โคลา กล่าวเพิ่มเติม
ไม่เพียงแต่การนำ AI มาใช้ในการตลาดเท่านั้น ขณะเดียวกับบริษัทโคคา-โคลา ยังได้ศึกษาวิธีการนำ AI ประยุกต์ใช้ในส่วนงานอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การบริหารจัดการภายในองค์กร การบริการลูกค้า ระบบการสั่งซื้อ, สื่อ-เครื่องมือ ณ จุดขาย โดยสร้างความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เช่น Bottler ซึ่งเป็นผู้ผลิต บรรจุ และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโคคา-โคลา
การขยับตัวของยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องดื่มและอาหารระดับโลกอย่าง “โคคา–โคลา” ในครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านโลกธุรกิจและการตลาดครั้งใหญ่อีกครั้งไปสู่ยุค “AI” เต็มรูปแบบ ซึ่งน่าจับตามองว่าจะยิ่งกระตุ้นให้การใช้เทคโนโลยี AI โดยเฉพาะในกลุ่ม Generative AI ให้กลายเป็น Mass Adoption ต่อไป
Source: Coca-Cola , Bain & Company