ไม่ว่ากลุ่มสินค้าใดจะตกอยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัญหากำลังซื้อ แต่ไม่ใช่สำหรับกลุ่มลักชัวรี่ที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะนาฬิกาหรู ที่เป็นสินค้าลักชัวรี่ที่คนไทยนิยมซื้อมากที่สุด มีตั้งแต่ระดับราคา 1 แสนบาทไล่ไปถึงมากกว่า 5 แสนบาทขึ้นไป
ปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดนาฬิกาในไทย มีมูลค่าประมาณ 45,900 ล้านบาท แบ่งเป็น
- Luxury Market ราคา 500,000 บาท ขึ้นไป คิดเป็น 20 % ของตลาดทั้งหมด
- Hi-end Market ราคา 100,000 – 500,000 บาท คิดเป็น 34.80 % ของตลาดทั้งหมด
- Middle Market ราคา 20,000 – 100,000 บาท คิดเป็น 30.62 % ของตลาดทั้งหมด
- Fashion Trend Market ราคา 5,000 – 20,000 บาท คิดเป็น 14.53 % ของตลาดทั้งหมด
ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาด และธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ฉายภาพรวมของกำลังซื้อของคนไทยว่า มีสัญญาณบวกมาตั้งแต่ต้นปี 2561 และต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล ซึ่งสินค้าลักช์ชัวรี่เป็นหนึ่งในนั้น
ส่วนเหตุผลของการตัดสินใจซื้อสินค้ากลุ่มนี้ของคนไทย หลัก ๆ ก็มาจากซื้อเป็นการเพื่อให้รางวัลตัวเอง และโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ที่ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้มากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับสินค้าลักชัวรี่ที่คนไทยนิยมซื้อสูงสุด ได้แก่ กลุ่มนาฬิกา 21% รองลงมา คือ เสื้อผ้าแบรนด์เนม 17% และสกินแคร์ 14%
“ปีนี้คาดว่า นาฬิกาหรู นาฬิการุ่นลิมิเต็ด หรือรุ่นพิเศษฉลองครบรอบต่างๆ ในกลุ่มไฮเอนด์ยังคงเติบโต ขณะที่ภาพรวมของตลาดช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไม่โต แต่ในปีนี้จะกลับมาเติบโตจากการเอื้อทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อ”
แบรนด์ปรับตัว–นักท่องเที่ยว ส่งตลาดโต
การเติบโตของตลาดนาฬิกาหรูนั้น จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล Chief Business Officer – Specialty Business บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า มาจากการปรับตัวของหลายแบรนด์ทั้งการรีแบรนด์และรีเฟรซแบรนด์ ให้ดู young เหมาะกับคนรุ่นใหม่
พร้อมกับปรับราคาให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สำหรับขยายลูกค้ามาในกลุ่มไฮเอนท์และ Middle อาทิ แบรนด์ TAG Heuer Formula1, Breitling รุ่น Navitimer 8, Maurice Lacroix รุ่น Aikon, Longines รุ่น La Grande Classique ฯลฯ
นอกจากนี้ยังได้อานิสงค์จากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หันมาซื้อนาฬิกาในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากราคาถูก เพราะมีภาษีนำเข้าถูกกว่าจีน โดยไทยภาษีนำเข้าอยู่ที่ 5% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ขณะที่จีน ภาษีนำเข้านาฬิกาอยู่ที่ 30% โดยแบรนด์ที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความนิยมได้แก่ Omega, Longines, Mido, Tissot, Frederique Constant, Gucci, Bulova เป็นต้น
Smart Watch ยังแรง
ขณะที่กลุ่ม Fashion Trend ก็มีการเติบโตที่น่าสนใจ เพราะมีการขยายฐานตลาด Smart Watch ซึ่งมีการเติบโตเป็นอย่างมากในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา โดยแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ได้แก่ Apple Watch, Garmin, Suunto
ทิศทางดังกล่าว เราจะเห็นกลุ่มแบรนด์หรูหลายแบรนด์มีการปรับตัว ด้วยการออก Smart Watch อาทิ TAG HEUER ที่ได้จับมือกูเกิลและอินเทล พัฒนาโปรดักท์รุ่น Connected ออกมาสู่ตลาด รวมไปถึง Frederique constant, Alpina, Michael Kors Access, Fossil Q และ Diesel On เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการผลักดันตลาดนาฬิกา ทางศูนย์การค้าสยามพารากอน และ วอทช์ แกลอเรีย พารากอน ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ ได้จัดงาน ‘สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2018’ (SIAM PARAGON WATCH EXPO 2018) ระหว่างวันที่ 16 ก.ค. – 9 ส.ค.นี้ รวบรวมนาฬิกาแบรนด์ดังกว่า 180 แบรนด์ พร้อมจัดโปรโมชั่นลดสูงสุด 50% โดยคาดว่า จะมีเงินสะพัด 360 ล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยว 25% และ 75% เป็นกลุ่มคนไทย