ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามสำหรับ Cinema In The City งานชวนดูหนังแบบ Outdoor ที่จัดมาแล้วถึง 4 ครั้ง และได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาดทั้ง 4 ครั้ง ซึ่งไม่เพียงมีคนมาร่วมงานจำนวนมาก แต่ยังมีกระแสถูกพูดถึงอย่างคึกคัก จนสามารถไฮไลท์เป็นยูสเคสการตลาดอีเวนท์สูตร WIN-WIN จากงานนี้ได้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะในด้านประโยชน์ที่เหล่าพันธมิตรได้รับไปเต็มๆ จากปรากฏการณ์ดูหนังแบบ Outdoor ที่อิมแพคแรงที่สุดในธุรกิจโรงภาพยนตร์ของเมืองไทย
Cinema In The City สามารถตอกย้ำว่าเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ คือเบอร์ 1 ในกลุ่มแบรนด์ความบันเทิงนอกบ้านตัวจริง ขณะเดียวกันก็สร้างการมองเห็นให้แบรนด์พันธมิตรในปริมาณที่มากกว่ายอดผู้ร่วมงาน 15,000 คนใน 4 วัน ในอีกด้าน
งานอีเวนท์นี้ยังเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมงานรู้สึกดีกับแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์ กลายเป็น 3 จุดแข็งที่ทำให้สามารถสรุปเป็น 4 ยูสเคสการตลาดอีเวนท์สูตร WIN-WIN ที่นักการตลาดควรศึกษาเพื่อต่อยอดในอนาคต
อีเวนท์รับตลาดฟื้นปี 66
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ แสดงความเชื่อมั่นว่าปี 2566 จะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีนับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ภาพรวมตลาดภาพยนตร์จะกลับมาเท่าปี 2562 หรือก่อนเกิดโควิด
เหตุผลหลักที่ทำให้เชื่อเช่นนี้ คือเพราะค่ายหนังดังฝั่งฮอลลีวูด ต่างพร้อมลงทุนและโชว์หน้าหนังทำเงินเตรียมเข้าฉายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น John Wick Chapter 4, Guardian Of The Galaxy Vol.3, Fast & Furious X ,Transformers Rise of The Beats, The Flash, Mission Impossible Dead Reckoning Part 1, Aquaman And The Lost Kingdom เช่นเดียวกับหนังไทยที่เชื่อว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 40-50 เรื่อง
ท่ามกลางสัญญาณว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปีนี้ได้กลับมาเป็นปกติคึกคักเหมือนเดิมแล้ว เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ซึ่ง OWN ความเป็นเจ้าของการจัดงาน Cinema In The City ตั้งแต่ปี 2564 จึงต้องการมอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชมภาพยนตร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้ยังคงรูปแบบ Cinema In The City ของเมืองไทยไว้เหนียวแน่น ดึงดูดให้มีผู้มาร่วมงานหลากหลายวัย ทั้งวัยรุ่น, วัยทำงาน, ครอบครัว ซึ่งแทคทีมมาดูหนังกลางแปลงในรูปแบบใหม่ พร้อมกับมาถ่ายรูปโพสท่า เช็คอิน สนุกสนาน
ความต่างของ CINEMA IN THE CITY ปี 66 คือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้ร่วมกับ PEPSI NO SUGAR ในการชวนทุกคนมาร่วมดูหนังคลายร้อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่วันที่ 2-5 มีนาคมที่ผ่านมา ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม ทีเด็ดของการรวมตัวระหว่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, PEPSI NO SUGAR และ ไอคอนสยาม ในครั้งนี้ คือการเกิดขึ้นของกิจกรรมรับซัมเมอร์ ที่การันตีได้ว่าเป็นการชวนดูหนังสุดชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตอบโจทย์สายชิลด้วยการผสานความชิคแนว Street Art เข้ากับไลฟ์สไตล์การดูหนังแบบเป็นเนื้อเดียว
สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่จัดฉายให้ชมฟรีตลอดงาน 4 วัน 4 เรื่อง วันละ 1 รอบ รอบเวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ประกอบด้วย Jurassic World: Dominion, Black Adam, The Batman และ Top Gun: Maverick
ด้วยพลังของงานนี้ ลานริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม ในทั้ง 4 วันจึงเต็มไปด้วยคอหนังกว่า 15,000 ชีวิต ซึ่งได้มาร่วมสนุกกับเหล่าพันธมิตรชั้นนำอย่าง เมาท์สเปรย์มังคุด มายเฮอบัล มายบาซิน, Caltex Rewards และ AIS 5G ซึ่งได้เพิ่มความสนุกสนานหลากหลายรูปแบบจากจากบูธกิจกรรมและเครื่องดื่มที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษระหว่างรับชมภาพยนตร์ท่ามกลางวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บนอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ด้วยภาพที่คมชัดมาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนตร์
ต้นแบบยูสเคสสูตร WIN-WIN
การกลับมาของ “Cinema In The City” ครั้งที่ 4 สามารถสรุปเป็นต้นแบบยูสเคส Event Marketing สูตร WIN-WIN ได้จริง ทั้งในด้านการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ การทำการตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย การมอบตัวอย่างผลิตภัณฑ์ และการสร้างสายสัมพันธ์ ซึ่ง Main Sponsor คือ Pepsi No Sugar, IconSiam รวมถึง Co-Sponsor อย่างเมาท์สเปรย์มังคุด มายเฮอบัล มายบาซิน, Caltex Rewards, AIS 5G ล้วนได้รับไปเต็มที่จากงาน
แน่นอนว่ายูสเคสแรกที่เห็นได้ชัดจากงานนี้ คือการแสดงตัวของแบรนด์ผ่านโลโก้ที่แสดงบนสื่อประชาสัมพันธ์ ป้ายกิจกรรม และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ยูสเคสนี้ช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และรักษาแบรนด์ให้เป็นที่หนึ่งในใจสำหรับผู้บริโภค
ยูสเคสที่ 2 คือการตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ชมเป้าหมายของอีเวนท์นั้น สำหรับงาน Cinema In The City สปอนเซอร์สามารถเข้าถึงกลุ่มประชากรหรือตลาดเฉพาะกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงได้ ช่วยให้ Main Sponsor และ Co-Sponsor ปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดและส่งข้อความได้โดนใจกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
ยูสเคสที่ 3 คือการสุ่มตัวอย่างมอบผลิตภัณทดลอง สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ Cinema In The City ไม่ได้ชวนผู้บริโภคนั่งดูหนังคลายร้อนเท่านั้น แต่ลูกค้ายังสามารถรับเครื่องดื่ม PEPSI SLUSH พร้อมถ่ายรูปอัพลงโซเชียลได้ด้วย ตรงนี้ต้องขอบคุณ Main Sponsor อย่าง Pepsi No Sugar และ Co-Sponsor อย่างเมาท์สเปรย์มังคุด มายเฮอบัล มายบาซิน, Caltex Rewards, AIS 5G และ IconSiam ที่ทำให้เกิดบรรยากาศสดใหม่ในธุรกิจโรงภาพยนตร์ได้ชัด รวมถึงการเปิดทางให้ผู้ร่วมงานสามารถทำกิจกรรมสีสันร่วมกับ Co-Sponsor ทุกเจ้าได้อย่างสนุกเพลินใจ บนโอกาสที่แบรนด์จะเสนอตัวอย่างผลิตภัณฑ์หรือแจกของรางวัลแก่ผู้เข้าร่วมงาน เพื่อเปิดทางให้ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ลองผลิตภัณฑ์ และสร้างกระแสปากต่อปากในเชิงบวกต่อไป
ยูสเคสที่ 4 คือการสร้างความสัมพันธ์ แน่นอนว่า Cinema In The City สามารถให้โอกาสในการสนับสนุนเครือข่ายและสร้างความสัมพันธ์กับธุรกิจอื่นหรือผู้เข้าร่วม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่โอกาสในการทำงานร่วมกันและพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคตได้อีก
ในภาพรวม การสนับสนุนกิจกรรมหรือการเป็นสปอนเซอร์ให้งานอีเวนท์อย่าง Cinema In The City ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ และกระตุ้นยอดขาย ดังนั้นอย่ารอช้า ทุกแบรนด์สามารถร่วมเป็นสปอนเซอร์การจัดงาน Cinema In The City ในครั้งถัดไป หรือมาร่วมทำกิจกรรมการตลาดกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ได้ เพื่อลิ้มรสการตลาดอีเวนท์สูตร WIN-WIN ซึ่งคุ้มค่าและต่อยอดไปได้อีกหลายมุมจริงๆ.