การทำการตลาดในยุคปัจจุบัน ทุกแบรนด์ต่างแข่งขันกันด้วยการพยายามหากลยุทธ์ที่เป็น ‘หมัดเด็ด’ ของตน ในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็กก็เช่นกัน ทุกแบรนด์ต่างงัดกลยุทธ์ งัดจุดเด่นของตนมาประชันกันอย่างดุเดือด บางแบรนด์ชูจุดเด่นที่ตัวสินค้า บางแบรนด์ใช้อายุของแบรนด์ที่ยาวนาน บางแบรนด์ใช้ Influencer บางแบรนด์ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ ทั้งหมดนี้ก็คือเพื่อทำให้แบรนด์ของตนเป็นส่วนหนึ่งในใจของเหล่าคุณแม่
เช่นเดียวกับแบรนด์ ดีนี่ (D-Nee) ที่เป็นหนึ่งในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก และเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าเด็ก ก็ต้องคิดหาทางในการขยับขยายฐานผู้บริโภค หาหมัดเด็ดของตนที่จะใช้มัดใจเหล่าคุณแม่ในทุกกลุ่มสินค้ามากขึ้น ซึ่งคำตอบที่ทางแบรนด์ได้เลือกนั้นก็คือ การใช้กลยุทธ์ Character Marketing นั่นเอง
‘Character Marketing’ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทางแบรนด์ ดีนี่ เลือกใช้ในการบุกมัดใจเหล่าคุณแม่ในปี 2018
httpv://youtu.be/j2knFoaJGTk
การทำกลยุทธ์ Character Marketing นั้นไม่ได้หมายถึงการใช้ Mascot เป็น Spokesperson หรือเป็นแค่ตัวนำแสดงในโฆษณาเท่านั้น แต่หมายถึงการใช้คาแรคเตอร์สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า ไปในทุกๆช่องทาง นั่นหมายความว่าแบรนด์ดีนี่นั้นจะทำการต่อยอดมาสคอตของแบรนด์อย่าง ‘พี่ดีนี่’ ไปถึง merchandising ต่างๆ รวมถึงสร้างเรื่องราว ที่มาที่ไปของคาแรคเตอร์นี้ เพื่อเป็นสื่อกลางที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า แน่นอนว่า วางแผนการใหญ่ขนาดนี้ ทางแบรนด์ก็ต้องมีการปรับโฉมของพี่ดีนี่กันใหม่อย่างจริงจังด้วย
ลุคใหม่ของ ‘พี่ดีนี่’ ที่ได้รับการออกแบบจากดีไซน์เนอร์ชาวญี่ปุ่น
ในโลโก้เดิมของแบรนด์นั้น พี่ดีนี่ ยังเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่มาพ้อมกับรอยยิ้มในลายเส้นแบบเรียบง่าย แต่ในปัจจุบัน เมื่อแบรนด์ตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Character Marketing ทำให้พี่ดีนี่ ถูกปรับโฉมใหม่เอี่ยมด้วยการออกแบบลายเส้นใหม่สุดน่ารักจากดีไซน์เนอร์ชาวญี่ปุ่น ที่ทำให้พี่ดีนี่กลายเป็นมาสคอตเด็กผู้ชายน่ารัก อารมณ์ดี ตัวแทนของความใส่ใจ และความอ่อนโยนจากแบรนด์ ซึ่งนอกจากจะปรากฏตัวบนโลโก้ของแบรนด์และในหนังโฆษณายังได้ปรากฏตัวในหลากหลายอิริยาบทสุดน่ารักบนแพ็คเกจจิ้งใหม่อีกด้วย
แพ็คเกจจิ้งใหม่ของแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่น่ารัก แต่สะท้อนถึงความใส่ใจที่แบรนด์มีให้แก่ผู้บริโภค
เนื่องจากดีนี่ (D-Nee) นั้นเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก ทางแบรนด์จึงให้ความสำคัญในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องประสบการณ์การสัมผัส การออกแบบแพคเกจจิ้งใหม่รวมถึงมาสคอตของแบรนด์นั้นจะต้องสะท้อนรายละเอียดตรงนี้ออกมาได้ด้วย ดังนั้นภาพที่เราได้เห็นบนแพ็คเกจจิ้งใหม่ทั้งหมดนั้น ถูกออกแบบโดยเก็บรายละเอียดทุกอย่าง ตั้งแต่หน้าตา เส้นผม โทนสี เนื้อผ้า ว่าสะท้อนให้เห็นถึง ‘สัมผัสที่อ่อนโยน’ ซึ่งผู้ที่เก็บรายละเอียดเหล่านี้ก็คือดีไซน์เนอร์ผู้เป็นช่างฝีมือด้านการทำมาสคอตจากญี่ปุ่นนั่นเอง
สำหรับประโยชน์ที่ทางแบรนด์ D-Nee จะได้จากการใช้กลยุทธ์ Character Marketing นั้น อย่างแรกเลยคือแบรนด์จะได้รับ Brand Awareness & Recognition ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน และยังรวมไปถึงการสร้าง Brand Preference ให้กับตัวแบรนด์เองอีกด้วย ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองว่า จากการเดินกลยุทธ์ในครั้งนี้ แบรนด์ D-Nee จะสามารถส่ง ‘พี่ดีนี่’ เข้าไปมัดใจเหล่าคุณแม่ได้มากขึ้นแค่ไหน ต้องรอดูกัน