กรณีศึกษา “เซ็นทรัล” จับมือ Spotify ลุยแคมเปญ Central Summer Fest ใช้ AI แนะนำ Playlist เฉพาะตัวแมตช์สไตล์การแต่งตัว สร้างประสบการณ์ชอปปิงแบบ Immersive

  • 39
  •  
  •  
  •  
  •  

 

รู้หรือไม่ว่า Spotify ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มสำหรับคนฟังเพลง (Listener) อย่างพวกเราเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสร้างผลงานสำหรับกลุ่มศิลปิน (Artist) กลุ่มคนทำ Podcaster รวมไปถึงเป็นพื้นที่โฆษณาและสามารถนำไปใช้ในการทำแคมเปญทางการตลาดโดยกลุ่มนักโฆษณา (Advertiser) นักการตลาดหรือแบรนด์ทั้งเล็กและใหญ่ได้ด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ Spotify เปิดตัว Spotify Advertising ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน โดยมี Entravision บริษัทโซลูชั่นเทคโนโลยีโฆษณา สื่อ และการตลาดระดับโลก เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาของ Spotify ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

นับตั้งแต่นั้นมา Entravision ก็ช่วยนักการตลาดและแบรนด์ในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจด้วยโฆษณาผ่าน Spotify มาอย่างมากมาย หนึ่งในผลงานที่น่าสนใจก็คือการที่ Spotify เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญใหญ่ของห้างเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่ต้องการปลุกกระแสแฟชั่นในช่วงซัมเมอร์ปี 2024 โดยจัดกิจกรรม ‘Flea Market’ แนววินเทจที่มีชื่อว่า Central x Made by Legacy “Summer Fest” Flea Market ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ปลุกกระแสแฟชั่นอัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ ด้วยการผสมผสานพลังของวงการรีเทล วงการแฟชั่น และวงการเพลงเข้าไว้ด้วยกัน นำไปสู่การกระตุ้นให้นักช้อปสนุกกับการเลือกซื้อสินค้าแฟชั่นในแคมเปญ Central Summer Fest ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา

 

 

ด้วยเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์แบบ Immersive รวมถึงมีความเฉพาะตัว (Personalization) มากยิ่งขึ้น Spotify ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างประสบการณ์ชอปปิงที่ดำดิ่งยิ่งขึ้น ด้วยการสร้าง Central Exclusive Playlist ที่ไม่ได้เพียงแค่สร้างบรรยากาศในการชอปปิงด้วยเสียงเพลงเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์ชอปปิงแบบ Immersive มากขึ้นด้วยกิจกรรม Interactive ที่ลูกค้าสามารถแสกน QR Code เพื่อเข้าสู่หน้า Micro-site โดยให้ลูกค้าเชลฟี่ตัวเองกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ หรือสินค้าที่หยิบมาเลือกลองสวมใส่หน้ากระจก จากนั้นระบบ AI ของ Spotify จะเลือกแทร็กเพลงให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวในแต่ละแบบขึ้นมาให้โดยอัตโนมัติ สร้างเป็นโมเมนต์การชอปปิงที่มีความสนุกมากขึ้น และยังช่วยสร้าง Share of Voice ของ Central Summer Fest ออกไปได้ด้วยการแชร์ภาพและเสียงเพลงของตัวเองผ่านโลกโซเชียลกับแฮชแท็ก #CentralSummerFest

 

 

เหตุผลของการนำเสียงเพลงมาสร้างประสบการณ์ชอปปิงแบบ Immersive ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะมีข้อมูลอยู่เบื้องหลังโดยเฉพาะเรื่องของ “เสียง” ที่มีบทบาทสำคัญมากในการสร้าง Ad Recall โดย Spotify พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการโฆษณาที่สื่อสารถึงตัวเองโดยตรง หรือทำให้รู้สึกว่าโฆษณานี้ทำมาให้แบบเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะภาพและเพลงที่ AI เลือกให้ตรงกันกับ Persona ของผู้ใช้งานครั้งนี้ก็จะทำให้ลูกค้าสามารถจดจำเหตการณ์ รวมไปถึงเสื้อผ้า เครื่องประดับต่างๆ ที่ได้ลองผ่านเทคโนโลยีนี้ของ Spotify ได้ยาวนานยิ่งขึ้น เป็นต้น

กิจกรรมที่ดึงให้คนจดจำและสร้างประสบการณ์แบบ Personalization แบบที่เซ็นทรัลทำ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยมเปิดรับสื่อแบบไม่จำเป็นต้องรับชมผ่านหน้าจอเสมอไป โดยพบว่า 77% ของคนไทยฟังคอนเทนต์เสียง ขณะขับรถ, 61% ฟังขณะต้องการสร้างสมาธิ และ 58% ฟังขณะออกกำลังกาย ซึ่งสิ่งนี้นี้ตรงกันกับจุดแข็งที่ Spotify มี นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจพบด้วยว่า 75% ของผู้ฟังบน Spotify สามารถจำโฆษณาได้มากขึ้น เมื่อโฆษณาเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับโมเม้นท์ต่าง ๆ ในชีวิต

ไม่เฉพาะประโยชน์จากการสร้างการจดจำที่มีต่อแบรนด์เท่านั้น แต่ Spotify ยังเป็นช่องทางที่จะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะผู้ใช้ Spotify กลุ่มใหญ่ที่สุดก็คือคน Gen Z และ Millennials อายุระหว่าง 18-24 ปี รองลงมาได้แก่ กลุ่มอายุ 25 – 34 ปี ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้มากที่สุด ได้แก่ “มือถือ” ที่มีสัดส่วนคนใช้ถึง 60% ส่วน Desktop มีสัดส่วนราว 22% (ข้อมูลปี 2023 https://www.marketingoops.com/news/biz-news/entravision-x-spotify/)

 

 

นี่คือแคมเปญ Central Summer Fest ของเซ็นทรัลที่นำเทคโนโลยีและบริการของ Spotify มาร่วมสร้างกิจกรรมทางการตลาดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการสร้าง Central Exclusive Playlist และการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้คู่กันกับ Playlist ที่เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของลูกค้า สร้างประสบการณ์ชอปปิงแบบ Immersive ในช่วงซัมเมอร์ปีนี้ได้แบบแปลกใหม่และสร้าง Engagement จากลูกค้าได้มากเลยทีเดียว

นอกจากรูปแบบการร่วมทำแคมเปญของเซ็นทรัลแล้ว Spotify ก็มีบริการโฆษณารูปแบบอื่นๆ บนแพลทฟอร์มนี้ให้บริการด้วยเช่นกัน เพื่อให้แบรนด์และนักการตลาดสามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากราวครึ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้สมัครสมาชิก Spotify Premium ได้ โดยผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ข้อมูลหลังบ้านของ Spotify เพื่อเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องและแมตช์กับกลุ่มผู้บริโภคของทางแบรนด์ได้ เพราะทาง Spotify มีความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม เช่นผู้ใช้งานทำกิจกรรมอะไรขณะฟังเพลง  ชอบฟังเพลงรูปแบบใด หรือแม้กระทั่งใช้มือถือค่ายอะไรอยู่ โดย Spotify จะมีโฆษณาหลักๆ อยู่ 4 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

Audio ads: การโฆษณาด้วยเสียงที่ไม่สามารถกดข้ามได้ เป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุดซึ่ง Spotify ก็มีเครื่องมือรูปแบบต่างๆ ในการสร้างโฆษณาเสียงให้สมบูรณ์มากที่สุด

Display ads: ก็จะมีรูปแบบที่หลากหลาย มีทั้งที่โผล่มาเต็มจอสมาร์ทโฟน สามารถ Click เข้าไปสู่ปลายทางเพื่อสร้าง Conversion ได้ นอกจากนี้ยังมี Display ads สำหรับ Spotify บน Desktop ที่เรียกว่า Homepage Takeover ที่จะปรากฏอยู่เป็นเวลา 24 ชั่วโมงด้วย

Video ads: ผสมผสานเสียงและภาพเข้าด้วยกันเป็นโฆษณาที่จะทำงานเฉพาะตอนที่เปิดเสียงเท่านั้น โดยจะมีความยาวที่ 15-30 วินาที

Sponsored Playlist: เป็น Playlist ที่สนับสนุนโดยแบรนด์ ให้แบรนด์ไปปรากฏอยู่ในภาพของ Playlist นั้นๆ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับ Playlist ที่เข้าไปสนับสนุนได้ (cr: https://ads.spotify.com/en-US/news-and-insights/types-of-advertising/)

สำหรับแบรนด์ นักการตลาดหรือ Agency ที่สนใจทำแคมเปญโฆษณาให้ไปถึงผู้ใช้งาน Spotify สามารถติดต่อไปได้ที่ Entravision ตัวแทนขายโฆษณา Spotify ในประเทศไทยได้โดยตรง


  • 39
  •  
  •  
  •  
  •