รีเทล เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มี Movement น่าสนใจ ทั้งสีสันทางการตลาดและการแข่งขันที่ร้อนแรง ชนิดที่เรียกว่า ต้องจับตามองแบบห้ามกระพริบ โดยเฉพาะเซ็กเม้นท์เอาท์เล็ตที่ปัจจุบันถูกจับตามองเป็นพิเศษ
และเมื่อพูดถึงตลาดนี้แล้ว เชื่อว่า หลายคนต้องนึกถึง ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทยที่มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท (มูลค่า 1 โครงการ ยังไม่รวมแผนพัฒนาในอนาคต) ภายใต้การพัฒนาของ Developer ชั้นนำอย่าง ‘บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)’ หรือ CPN เพราะเป็น First Mover และ National Player ที่บุกเบิกตลาดลักชูรี่เอาท์เล็ตในไทยเป็นรายแรก ซึ่งได้เข้ามาพลิกโฉมและยกระดับธุรกิจ รีเทลในไทยให้เทียบเท่ากับเวทีระดับโลก
เปิด success story ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ สู่เวทีโลก
เซ็นทรัล วิลเลจเปิดให้บริการตั้งแต่ 31 ส.ค.62 จนถึงปัจจุบัน ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า เซ็นทรัล วิลเลจ ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเกิดวิกฤตโควิด-19 สะท้อน โดย Success story ที่สร้างความสำเร็จ และทำให้เซ็นทรัล วิลเลจ เดินหน้าเป็นเดสติเนชั่นของการชอปปิ้งแบรนด์เนมของไทยต่อไป ประกอบด้วย
ความหลากหลายของแบรนด์ ที่ดึงเอาแบรนด์เนมยอดนิยมขวัญใจคนไทยในราคาเอาท์เล็ต รวบรวมมาไว้ในที่เดียว และความคุ้มค่ากับโปรโมชั่นพิเศษทั้งลด 90% และ On-Top ด้วย Cash voucher และ On-Top บัตรเครดิตที่ตรงใจลูกค้าด้วยการผ่อน 0% และ Cash Back 12% เป็นต้น , การทำ Online shopping platform ครั้งแรกของเอาท์เล็ตในไทย , Unbeatable Location ที่ตั้งที่อยู่ใกล้ตัวเมืองหรือศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อโดยรอบ และการเลือกพันธมิตรระดับโลกอย่าง ‘บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย’ มาร่วมกันพัฒนาสู่ระดับโลก
การสร้างความหลากหลายของแบรนด์ขวัญใจคนไทยในราคาเอาท์เล็ต
ดร. ณัฐกิตติ์ บอกว่า ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นโครงการนี้ สิ่งแรกที่คำนึงถึง นั่นคือ เซ็นทรัล วิลเลจ ต้องเป็นขุมทรัพย์ของคนรักแบรนด์เนม ดังนั้น จึงได้คัดสรรแบรนด์ชั้นนำที่ตรงใจลูกค้าชาวไทยผสมผสานกับ แบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ในราคาจับต้องได้และเอื้อมถึง
ที่สำคัญยังมีแบรนด์ครบทุก category ทั้งแฟชั่นไฮเอนด์ สตรีทแฟชั่น ไปจนถึงของเล่น ของแต่งบ้าน ร้านอาหาร และซูเปอร์มาร์เก็ต โดยปัจจุบันเซ็นทรัล วิลเลจมีแบรนด์ชั้นนำกว่า 220 แบรนด์ จาก 130 ร้านค้า อาทิ ALICE+OLIVIA, CHLOÉ, COACH, SALVATORE FERRAGAMO, ERMENEGILDO ZEGNA, ETRO, JIMMY CHOO, KATE SPADE, KENZO, MARIMEKKO, MAX & CO., MCQ, MICHAEL KORS, MOSCHINO, OUTLET BY CLUB21, POLO RALPH LAUREN, VALENTINO, VIVIENNE WESTWOOD, BATH & BODY WORKS, COCCINELLE, MELISSA, SUNGLASS HUT, VICTORIA’S SECRET และอีกมากมาย
ซึ่งมีหลายแบรนด์เป็น First Time outlet shop ในไทย และ อีก 67 แบรนด์เป็น ที่ Exclusive Brands มีเฉพาะที่นี้เท่านั้นอย่าง ERMENEGILDO ZEGNA, KENZO, ETRO, ALICE+OLIVIA, CHLOÉ, JIMMY CHOO, MARIMEKKO, POLO RALPH LAUREN, VICTORIA’S SECRET, BATH & BODY WORKS เป็นต้น จึงทำให้เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทยที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ครบครันไว้ในที่เดียวได้ครบทั้งครอบครัวอย่างแท้จริง เพื่อมอบมาตรฐานและประสบการณ์การชอปปิ้งเทียบชั้นเอาท์เล็ตระดับโลก
“ไม่ว่าสถานการณ์วิกฤตใดๆ จะเกิดขึ้น การที่เรามีแบรนด์ครบทุก category บวกกับการจับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย 70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30% จึงทำให้เรายังได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าคนไทยทั่วประเทศที่ยังมีกำลังซื้อและชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมในราคาลดทุกวัน”
นอกจากลดทุกวันสูงสุด 70% ตลอดปีแล้ว เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกตลาดลักชูรี่เอาท์เล็ตของไทยที่เติมเต็มทุกมิติการชอปปิ้งครบทุกรูปแบบ ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฏาคม 2563 เซ็นทรัล วิลเลจ ได้จัดแคมเปญ “Super Brand Grand Sale” ครั้งแรกของการผนึกกำลังดีลแบรนด์เนมดีที่สุดแห่งปีที่ประหยัดสูงสุดถึง 90% พร้อมด้วยสินค้า Weekly WOW Price ราคาสุดพิเศษเริ่มต้นที่ 990 บาททุกสัปดาห์ ตลอด 2 เดือนเต็ม (มิถุนายน-กรกฏาคม)
ยิ่งคุ้มไปอีกกับโปรโมชั่นพิเศษอื่น ๆ ได้แก่ Cash voucher on-top สำหรับสมาชิกเดอะ 1 เมื่อชอปสินค้า แบรนด์ประจำสัปดาห์ ครบ 12,000 บาท รับฟรี 500 บาท และพิเศษสำหรับวันที่ 19-25 มิถุนายน รับฟรีเพิ่มเป็น 1,000 บาท หรือเมื่อชอปแบรนด์อื่นๆ ครบตามเงื่อนไข และรับเครดิตเงินคืนจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการสูงสุด 12% และผ่อน 0% นาน 3 เดือน
คาดว่า การจัดแคมเปญ Super Brand Grand Sale ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กรกฏาคม 2563 จะสร้างเงินสะพัดได้กว่า 1,000 ล้านบาทจากทั้ง physical & online store
การทำ Online shopping platform ครั้งแรกของเอาท์เล็ตในไทย
อีกหนึ่ง success story ที่เกิดจากกลยุทธ์ Intensive Omnichannel กับการปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยการเปิดบริการ Chat & Shop ที่เกิดขึ้นภายใน 1 เดือน ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากนักชอปทั่วประเทศ และทำให้เซ็นทรัล วิลเลจสามารถฝ่าวิกฤตโควิด-19 มาได้
โดยในอนาคตเซ็นทรัลพัฒนา มีแผนจะต่อยอด online shopping platform นี้ เพื่อจับกลุ่มมิลเลนเนียล กลุ่ม Young Affluent และกลุ่มคนไทยทั่วประเทศที่ชื่นชอบแบรนด์เนม ให้สามารถชอปและสั่งซื้อสินค้าตรงจากเซ็นทรัล วิลเลจได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประเทศก็ตาม
Unbeatable Location
เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นโครงการขนาด 40,000 ตร.ม. ตั้งอยู่บนพื้นที่ 100 ไร่ สามารถเดินทางได้สะดวกและง่ายกว่าเอาท์เล็ตอื่น ๆ เพราะห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที ห่างจากศูนย์กลางธุรกิจ CBD เพียง 45 นาที และมีที่จอดรถรองรับถึง 1,500 คัน เมื่อรวมกับการมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้ออาศัยอยู่โดยรอบด้วยแล้ว จึงถือว่า ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทยแห่งนี้อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยพิสูจน์ให้เห็นในช่วงโควิดที่ผ่านมา
เพราะแม้สามารถเปิดให้บริการแค่บางส่วน แต่ยังคงสามารถดึงลูกค้ามาใช้บริการได้ผ่านบริการ Drive-thru pick-up ที่ช่วยสร้างยอดขายให้ร้านค้ากลุ่ม luxury fashion และ cosmetics ได้เป็นอย่างดี โดยกว่า 60% ของกลุ่มลูกค้า มาจากคนที่อยู่ในรัศมี 15 กม. และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อจำนวนมากจากหมู่บ้านระดับกลางไปจนถึงไฮเอนด์ในเขตบางนา และประเวศ
การเลือกพันธมิตรระดับโลกอย่าง ‘บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย’ มาร่วมกันพัฒนาสู่ระดับโลก
โลกธุรกิจยุคนี้ เป็นยุคของความร่วมมือ ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อนให้เซ็นทรัล วิลเลจพัฒนาไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทาง CPN จึงเลือกร่วมทุนกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ‘บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย’ เป็นหนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกที่เป็นเจ้าของเอาท์เล็ตในญี่ปุ่นกว่า 9 แห่ง อาทิ โกเทมบะ ริงกุ ชิซุย ฯลฯ ซึ่งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในกลยุทธ์การทำตลาดของชาวเอเชีย และมีแนวทางในการทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อต่อยอดความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจให้ก้าวสู่ World-class outlet with Thai-Japanese hospitality เทียบชั้นเอาท์เล็ตระดับโลกอื่น ๆ
ทั้งหมดเป็น Success story ที่สร้างความสำเร็จให้เซ็นทรัล วิลเลจ และสะท้อนถึงการเป็น First Mover และ National Player ผู้บุกเบิกตลาดลักชูรี่เอาท์เล็ตในไทยเป็นรายแรก ซึ่งในอนาคตจะถูกพัฒนาและต่อยอดเพิ่มเติม เพื่อให้ที่นี้เป็นเดสติเนชั่น และสวรรค์ของการชอปปิ้งแบรนด์เนมของไทยที่มีความครบครันทั้งการสร้างประสบการณ์และสินค้าที่ราคาดีจริง จับต้องได้และเอื้อมถึง เป็น ขุมทรัพย์แบรนด์เนม “ของจริง” ในราคาเอาท์เล็ต ที่ต้องมาตอนนี้เพราะดีลดีที่สุดแห่งปี และไม่ว่าจะมาเมื่อไหร่ ก็ลดจริง ทุกวันตลอดปี
ส่วนจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง Website, Facebook และ Instagram