เพราะการศึกษาเป็นหนึ่งในรากฐานของการพัฒนาประเทศ และแม้หลายสิบปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะมีความพยายามในการปฏิรูปด้านการศึกษา ทว่าปัญหาต่าง ๆ ก็ไม่ได้หมดไป โดยเฉพาะเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ไปจนถึงปัญหาที่ว่า เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วเด็กไม่รู้จะเรียนต่อสาขาไหนถึงจบมาแล้วมีงานทำ เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน
ทั้งหมด ทำให้ทาง ‘กลุ่มเซ็นทรัล’ ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาและขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยหัวใจหลัก ไม่ใช่แค่พัฒนาด้านความรู้ และสร้างความต่อเนื่องของโอกาสทางการศึกษาเท่านั้น แต่ต้องสามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้เด็กและเยาวชนได้จริง
“การศึกษาเป็นสิ่งที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น เพราะมีความสำคัญต่อการพัฒนาคน พัฒนาประเทศ ซึ่งเราเริ่มทำเรื่องนี้จริงจังช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมี ‘เซ็นทรัล ทำ’ (Central Tham) โครงการเพื่อสังคมของเซ็นทรัลที่ต้องการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างชุมชน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่พนักงานและสังคมอย่างยั่งยืน” คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าว
เน้นบูรณาการ และ synergy เพื่อบรรลุผลสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชื่อที่ว่า ความรู้ภาคทฤษฎีที่ได้จากในห้องเรียนไม่เพียงพอกับยุคปัจจุบัน ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยถึงจะตอบโจทย์ ดังนั้นแนวทางพัฒนาการศึกษาของกลุ่มเซ็นทรัล จึงเน้นการบูรณาการ และ synergy กับทุกภาคส่วนตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการให้องค์ความรู้ไปจนถึงทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานทั้งภาคทฤษฎีและลงมือปฏิบัติจริง
เป้าหมาย เพื่อพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ ที่สำคัญ คือ ต้องสร้างรายได้ และอาชีพให้ในอนาคต ด้วยการสร้างการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม และจัดระบบการเรียนรู้จากการทำงานจริง, การพัฒนาครูให้มีองค์กรความรู้ โดยเฉพาะทักษะการเป็น coach ให้คำปรึกษาและคำแนะนำในเรื่องต่าง ๆ ได้ ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่วางไว้ว่า ครูไทยต้องมีเป็น coach, การพัฒนาโรงเรียนให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน ฯลฯ
“การศึกษาเป็นเรื่องใหญ่เราถึงต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ยกตัวอย่าง การสอนเลี้ยงไก่ไข่ เราทำร่วมกับเบทาโกร หรือโครงการห้องอนุบาล ‘เซ็นทรัล ทำ’ ปรับปรุงห้องเรียนอนุบาลให้มีความปลอดภัยและส่งเสริมการเรียนรู้ เราทำร่วมกับ plan toy และนอกจากพัฒนาเรื่องการศึกษาแล้ว เรายังเน้นอีก 5-6 ด้านหลัก ที่เป็นหัวใจของการส่งเสริมคุณภาพและการใช้ชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็น เรื่องคุณธรรมและการรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น สอนให้แยกขยะ ฯลฯ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง , เน้นภาษาทั้งไทย จีน และ Stem รวมถึงเทคโนโลยี เช่น e-library วัฒนธรรมและการกีฬา”
ไม่ใช่แค่ ‘ผู้ให้’ แต่เป็น ‘ผู้ร่วมลงมือทำ’
นอกจากนี้ ด้วยกลุ่มเซ็นทรัล เป็นหนึ่งใน Big player ของตลาดแรงงานทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการจ้างงานหลายแสนอัตราทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้รู้ถึงความต้องการของตลาดแรงงานว่า ต้องการคนจบสายไหน เรียนสาขาใดจบมาแล้วตรงความต้องการของตลาดแน่นอน จึงต้องการนำความเชี่ยวชาญตรงนี้มาแชร์และร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในทุกระดับทั้งโรงเรียน สถาบันอาชีวะ และมหาวิทยาลัย
เป็นที่มาของ ‘โรงเรียนร่วมพัฒนา’ ที่ทางรัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมเหมือนเป็นผู้ร่วมลงมือทำโรงเรียน โดยความหมายของเจ้าของโรงเรียน ทาง ดร.ชาติชาย นรเศรษฐาภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักงานพัฒนาอย่างยั่งยืน กลุ่มเซ็นทรัล อธิบายให้ฟังว่า เป็นการให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาและบริหารโรงเรียน เช่น เปิดโอกาสให้เข้าร่วมเป็นกรรมการใน School Broad และสามารถเปลี่ยนหลักสูตรได้ 30% เพื่อยกระดับการศึกษาของสถาบันการศึกษานั้น ๆ
“เราเป็นองค์กรสำคัญในตลาดแรงงาน รู้ว่า อาชีพไหนไม่ตกงาน และเรียนสาขาใดถึงเป็นที่ต้องการของตลาด เลยดึงอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัยมาพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน เพื่อผลิตคนหรือแรงงานสำหรับอนาคต เน้นเอาความรู้ความชำนาญ , เปิดกว้างวิสัยทัศน์ทางการศึกษา การแบ่งปันปันความรู้ทางธุรกิจ และใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการไปช่วยเหลือจัดการระบบการศึกษา ด้วยวิธีการทำงานจะใช้หลักคิดที่ไม่ใช่แค่ ‘ผู้ให้’ แต่เป็น ‘ผู้ร่วมลงมือทำ’ ที่ต้องทำงานร่วมกันระยะยาว”
อย่างโรงเรียนร่วมพัฒนา เป็นความร่วมมือกันระยะยาวอย่างน้อย 5 ปี เพื่อพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน ทั้งวิชาการและไม่ใช่วิชาการในสาขาที่ออกมาแล้วได้งานทำ ไม่ตกงาน หรือนำไปใช้ประกอบอาชีพและทำธุรกิจได้จริง ซึ่งสาขาต่าง ๆ ที่พัฒนาออกมานั้นมาจากการทำวิจัยในแต่ละปีว่า อาชีพไหน สายงานใดกำลังเป็นที่ต้องการและมาแรงของตลาดแรงงาน ดังนั้นเด็กที่จบออกมารับประกันได้ว่า สาขาที่จบมาตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานแน่นอน หรือหากเรียนไม่จบ ก็สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพไม่อดตาย
ทั้งนี้โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาทางกลุ่มเซ็นทรัลได้เริ่มทำในปี 2562 กับโรงเรียนจำนวน 4 แห่ง มีการพัฒนาหลักสูตรด้าน Logistics ในปี 2563 ทำร่วมกับโรงเรียน 7 แห่ง ในหลักสูตรด้าน Logistics และ Hospitality ส่วนในปี 2564 ตั้งเป้าจะมีโรงเรียนร่วมพัฒนาเป็น 15 แห่ง ในหลักสูตรด้าน Mechanical , Electrical , Construction และ Automobile
ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นคุณภาพและความต่อเนื่อง
“เราทำงานเหมือนแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันแล้วห้ามหย่า เพราะการศึกษาต้องทำต่อเนื่อง และจะเห็นว่า การพัฒนาการศึกษาของกลุ่มเซ็นทรัลเริ่มตั้งแต่อนุบาล เพราะเห็นความสำคัญและมองเป็นหัวใจของการเริ่มต้นด้านการศึกษาจะดีไม่ดีอยู่ตรงนี้ และเราเชื่อมการศึกษาเป็นท่อเดียวกันตั้งแต่จบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วควรเรียนอะไรต่อ และถ้าไม่เรียนต่อ จะมีอาชีพอะไร ตั้งแต่อนุบาล อาชีวะ และตอนนี้ขยายมายังมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, นิด้า ฯลฯ ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลทำได้เป็นรายแรก
ที่สำคัญ การพัฒนาของเราไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่ต้องมีการทำงานจริงระหว่างการเรียนด้วย เพื่อพัฒนาทักษะและขยายระบบการศึกษาที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และเปิดโอกาสในการจ้างงานที่สำคัญ มีการติดตามประเมินผลอย่างเข้มข้น ทำให้มั่นใจว่า สิ่งที่เซ็นทรัลทำเป็นการสร้างการศึกษาที่ยั่งยืนจริง ๆ” ดร.ชาติชาย กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลได้เพิ่มโอกาสทางการศึกษาผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ ‘โครงการมอบทุนเพื่อการศึกษา’ (Scholarship Project) ให้กับนักเรียน 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มแรก นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ กับอีกกลุ่ม คือ นักเรียนยากจนพิเศษ อีกทั้งยังมี ‘โรงเรียนจิราธิวัฒน์อุปถัมภ์’ โครงการอุปถัมภ์ในการการจัดการศึกษาภายใต้ ‘กลุ่มจิราธิวัฒน์’ ที่ทำมานานกว่า 20 ปี ในการสนับสนุนการปรับปรุงโรงเรียน การพัฒนาระบบการเรียนการสอน และการพัฒนาคุณภาพครูและเด็ก
ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลได้ปรับปรุงพัฒนาโรงเรียนและระบบการศึกษาไปแล้วจำนวน 142 โรงเรียน มีจัดฝึกอบรมบุคลากรครูกว่า 3,000 คน และพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้เยาวชนไม่ต่ำกว่า 47,000 คน ซึ่งทางคุณพิชัย ยืนยันว่า การพัฒนาด้านการศึกษาของกลุ่มเซ็นทรัลจะดำเนินอย่างต่อเนื่องแบบเน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและความเสมอภาคทางการศึกษา และสร้างอาชีพได้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการศึกษาถือเป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญมาก ดังนั้น การพัฒนาในเรื่องนี้จะทำคนเดียวหรือองค์กรเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และต้องทำงานแบบบูรณาการถึงจะสำเร็จ โดยกลุ่มเซ็นทรัลเองยินดีเปิดกว้างและพร้อมผนึกกำลังกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน