ถ้าพูดถึงศูนย์การค้าที่อยู่คู่คนย่านรามอินทรามายาวนาน ต้องยกให้กับ “เซ็นทรัล รามอินทรา” ถือเป็นศูนย์การค้าแรกของย่านนี้ เริ่มเปิดให้บริการในปี 2536 เพื่อรองรับครอบครัวและชุมชนในย่านรามอินทรา และหลังจากเปิดให้บริการมา 30 ปี ล่าสุดได้เผยโฉมใหม่ที่มาพร้อมกับการออกแบบ-ตกแต่งใหม่ และคอนเซ็ปต์ใหม่ “Everyday Good Vibes” เพื่อทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้ เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของชาวรามอินทราที่แวะมาได้ทุกวัน ด้วยการเดินทางที่สะดวก เข้า-ออกง่าย มีสินค้าและบริการทุกหมวดหมู่ครบครัน เพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกเจน
Marketing Oops! ชวนวิเคราะห์ทำไมเซ็นทรัลพัฒนาถึงตัดสินใจพลิกโฉมเซ็นทรัลรามอินทราครั้งใหญ่ และทำเลย่านนี้มีความสำคัญ ทั้งกับเซ็นทรัลพัฒนา และเมืองอย่างไร ?!?
พร้อมพาทัวร์โฉมใหม่ที่พูดได้ว่าตอบโจทย์ครบวงจรในที่เดียว ทั้งอาหารการกิน, ช้อปปิ้ง, งานอาร์ต-งานดีไซน์, มุมถ่ายรูปทั่วศูนย์ฯ ให้กับเหล่า Instagrammer และ TikToker ไม่พลาดแชร์รูป หรือวิดีโอสุดครีเอท และรับเทรนด์ EV ด้วย EV Charging
4 เหตุผลพลิกโฉม “เซ็นทรัล รามอินทรา” ครั้งใหญ่!
“รามอินทรา” ในอดีตถือเป็นชานเมืองของกรุงเทพฯ และเมื่อกว่า 20 – 30 ปีที่แล้ว เริ่มมีโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบหมู่บ้านมากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทั้งในโซนนี้ และบริเวณโดยรอบ ทำให้เกิดการขยายตัวของชุมชน จำนวนที่อยู่อาศัย และประชากรในย่านนี้ จนกลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพดังกล่าวของ “รามอินทรา” ทำให้ “เซ็นทรัลพัฒนา” ได้ปักหมุดสร้างโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล รามอินทรา และเปิดให้บริการในปี 2536 ถือเป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 2 ของเซ็นทรัลพัฒนาต่อจากเซ็นทรัล ลาดพร้าวที่เปิดให้บริการในปี 2526 โดยมีเป้าหมายเพื่อ รองรับครอบครัวและผู้ที่อยู่ในย่านรามอินทรา
กระทั่งเมื่อปี 2565 เซ็นทรัลพัฒนาได้ประกาศปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดรับการขยายตัวของย่านรามอินทรา และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ได้ฤกษ์เผยโฉมใหม่อย่างเป็นทางการ พูดได้ว่าจะสร้างประสบการณ์สุด Wow! และ Feel Good ในทุกวันให้กับชาวรามอินทราอย่างแน่นอน!
ปัจจัยสำคัญที่ “เซ็นทรัลพัฒนา” และ “ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล” ผนึกกำลังทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาท พลิกโฉมเซ็นทรัล รามอินทราครั้งใหญ่ในรอบ 3 ทศวรรษ ประกอบด้วย 4 ด้านหลักคือ
1. การขยายตัวของเมือง และการพัฒนา Infrastructure รถไฟฟ้าสายสีชมพู เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ
ด้วยความที่ทุกวันนี้เมืองขยายตัวจากโซนใจกลางเมือง กระจายออกสู่รอบนอกมากขึ้น ประกอบกับการเกิดขึ้นของโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ทำให้รามอินทราเป็น New Destination เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง
อย่างถนนรามอินทรา มีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย – มีนบุรี) ผ่าน โดยมีสถานีจอดหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล รามอินทรา และสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ทั้งสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต – คูคต) ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เพื่อไปยังย่านลาดพร้าว และเข้าสู่ใจกลางเมือง รวมทั้งยังเชื่อมสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) และสายสีม่วง (บางซื่อ – บางใหญ่)
ส่งผลให้ย่านรามอินทราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเมื่อกว่า 20 – 30 ปีก่อนยังเป็นชานเมือง ขณะที่ปัจจุบันได้พัฒนากลายเป็นเมืองไปแล้ว
การเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า และมีระบบคมนาคมหลายช่องทาง ทำให้เซ็นทรัลพัฒนา สามารถสร้าง “Strategic Ring Extension” รองรับการเติบโตที่เชื่อมโยงจากย่านลาดพร้าว – พหลโยธิน – รามอินทรา เป็น linkage จากเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว – สายสีชมพู ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการปักธงโลเคชั่นกรุงเทพฯ โซนตะวันออกให้กับเซ็นทรัลพัฒนา ที่ปัจจุบันมีศูนย์การค้า 3 โครงการคือ“เซ็นทรัล ลาดพร้าว – เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ – เซ็นทรัล รามอินทรา” เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการ และทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
2. การเติบโตของที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบ – แนวสูง และการเพิ่มขึ้นของประชากรในพื้นที่
เมื่อความเป็นเมืองขยายตัว และความสะดวกของระบบคมนาคม ทำให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบ โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มขึ้น และแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมอีกหลายโครงการ ส่งผลให้ความหนาแน่นของประชากรและที่อยู่อาศัยในย่านรามอินทราเพิ่มขึ้นตามมา
ปัจจุบันประชากรที่อาศัยในย่านรามอินทราประมาณ 1.3 ล้านคน มีทั้งกลุ่ม First Stage Family เป็นครอบครัวใหม่ที่เพิ่งซื้อบ้านในย่านนี้ ในหนึ่งครอบครัวประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูกอายุไม่เกิน 10 ปี และกลุ่ม Second Stage Family เป็นครอบครัวดั้งเดิมที่อยู่ในย่านนี้มานาน โดยมีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.5% ต่อปี
อีกทั้งการขยายตัวของหมู่บ้านจัดสรรราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่งผลให้ย่านรามอินทรามีผู้บริโภคกลุ่มมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งฐานข้อมูลจาก The 1 พบว่า 60% ของผู้ที่อยู่อาศัยในย่านนี้เป็นกลุ่ม Wealth Segment
3. สร้างประสบการณ์ใหม่ ให้โดนใจชาวรามอินทรา
เมื่อ Landscape ของย่านรามอินทราเปลี่ยนไป มีความทันสมัยมากขึ้น และมีประชากรเพิ่มขึ้น ทั้งครอบครัวดั้งเดิม และครอบครัวใหม่ที่ย้ายเขามาอยู่ในโซนนี้ ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์เมือง ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของผู้คนในย่านนี้ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องปรับโฉมเซ็นทรัล รามอินทราใหม่
พร้อมทั้ง “คัดสรรประสบการณ์ใหม่” (Curated Experiential Retail) ด้วยการออกแบบศูนย์ฯ ตาม Customer Journey ให้ตรงใจคนในย่านนี้ ตามวิสัยทัศน์ของเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะเป็น “Place & Experience Maker” มุ่งมั่นสร้างพื้นที่ให้เป็นมากกว่าศูนย์การค้า เพื่อการใช้ชีวิตทุกวันของทุกคน
โดยนำเสนอดีไซน์ และการตกแต่งทั้งภายนอก-ภายในใหม่ด้วยธีมสีชมพู ให้สอดคล้องกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ผ่านหน้าศูนย์การค้า รวมถึงแสดงถึงความสดใส และดึงแบรนด์ใหม่ที่เป็นแม่เหล็กครบครัน ตอบโจทย์คนทุก Generation ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Everyday Good Vibes” เพื่อทำให้เซ็นทรัล รามอินทรา เป็นจุดหมายปลายทางในทุกวันสำหรับทุกคน ทุกเจน หรือ Destination for Everyday
4. ดึงเอกลักษณ์ย่านรามอินทรา สร้าง Vibes & Local Engagement
หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา คือ Synergy with Communities ทุกโครงการของเซ็นทรัลพัฒนา มีส่วนสะท้อนอัตลักษณ์ Local Essence ของชุมชน ทั้งด้าน Art & Culture รวมถึงการสร้าง Local Wealth ด้วยการกระจายรายได้ให้กับชุมชน และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างศูนย์การค้า กับคนในชุมชนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลสาขานั้นๆ ตั้งอยู่
“เซ็นทรัล รามอินทรา” โฉมใหม่ได้ดึง Local Essence ของย่านมาผสมผสานอยู่ในดีไซน์ – การตกแต่งองค์ประกอบต่างๆ ของศูนย์การค้า เช่น ในส่วนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ “เวทีใหม่ ช้อปท้าชน” เป็นการนำอัตลักษณ์ของย่านคือ “สนามมวย” ผสานกับงานฝีมือร่วมสมัยของกลุ่มชุมชนชาวอาข่า ซึ่งเป็นงาน Handmade กว่า 80% ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังสร้าง Creative Event หมุนเวียนตลาดทั้งปี เพื่อสร้างสีสันให้กับย่านรามอินทรา ไม่ว่าจะเป็นอีเว้นท์ Good Vibes Market คัดสรรร้านดัง เช่น เจ๊แดงสามย่าน, Nontella, ตลาดจ๊อดแฟร์ และเพิ่มไลฟ์สไตล์เก๋ให้ย่านแห่งนี้ด้วย The Urban Market คัดสรร 8 ร้านงานคราฟต์ชื่อดัง ทั้งยังจัดงาน The Urban Café ป๊อปอัพสโตร์รวมแบรนด์ดังสุดชิค มาพร้อมกับสินค้า Limited Edition และล่าสุดได้จัด Good Vibes Troop มอบรอยยิ้มในช่วงเทศกาลวันเด็ก
พาชมไฮไลท์ “เซ็นทรัล รามอินทรา” โฉมใหม่
สำหรับไฮไลท์เด็ดของ “เซ็นทรัล รามอินทรา” ไม่เพียงแต่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบ และตกแต่งด้วยธีมสีชมพูทั้งภายนอก-ภายในศูนย์การค้าเท่านั้น ยังจัดเต็มร้านค้าและบริการครบครัน เพื่อสร้างประสบการณ์ Everyday Good Vibes ให้ลูกค้ามากิน เที่ยว ช้อป และพักผ่อนชิลๆ ที่เซ็นทรัล รามอินทราได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น
– Good Design Experience ด้วย Ambience ใหม่ทั่วศูนย์ฯ ด้วยดีไซน์ New Landscape เพิ่มพื้นที่สีเขียวในศูนย์การค้า
– Good Shopping Experience ช้อปปิ้งแบรนด์ดังครบครัน พร้อมผนึกกำลังกับ Key Magnet กลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล และพันธมิตรที่พร้อมกันปรับโฉมใหม่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เช่น
- ห้างเซ็นทรัลในคอนเซ็ปต์ “Muay Thai Experience” จำลองเวทีมวยไว้ในห้าง
- “Sneaker Club” รวมแบรนด์รองเท้าผ้าใบสุดฮิต เอาใจเหล่า Sneaker Lovers
- B2S คอนเซ็ปต์ดีไซน์ใหม่ในธีม “Farmhouse” พร้อมด้วยสินค้า Stationery & Craft Products ตอบโจทย์กลุ่ม Young & Family
- Tops กับโซนใหม่ Cuisine Masters รวมเครื่องปรุงนำเข้าจากทั่วโลก และ Frozen & Co. แบรนด์อาหารแช่แข็งของ Tops
- Supersports และ Power buy โฉมใหม่
- Uniqlo ออกแบบให้มีโซนเด็ก ถือเป็นสาขาแรกในไทย ก่อนจะขยายไปยังสาขาอื่น
- โรงภาพยนตร์ SF โฉมใหม่ในคอนเซ็ปต์ “Home Cinema” พร้อม 6 โรงภาพยนตร์คุณภาพ และโรงแบบ 4K
- แบรนด์ใหม่อีกกว่า 200 แบรนด์ อาทิ UNIQLO-Kid zone Concept ใหม่ที่แรกในไทย, BEAUTRIUM, CROCS, ALL ABOUT YOU, OWNDAYS
– Good Food Destination Experience ที่ดีที่สุดในย่าน อาทิ SHABU TOMO พรีเมียมชาบูสาขาแรกของย่าน, Salad Factory, Sizzler Dining ชิลเอาท์ แห่งใหม่ วิว Rooftop และ Food Patio รวม Street foods ร้านดังกว่า 300 เมนูอร่อย
– Good Instagrammable Landmark Experience ด้วยจุดถ่ายรูปสวยทั่วศูนย์ฯ และนำเสนองาน Art & Design เช่น จุด check-in สนามมวยจำลองในห้างเซ็นทรัล ดวยคอนเซ็ปต์ “มวยไทย” และจุดถ่ายรูปกระต่ายสุดน่ารักผลงาน ลันลัน-ด้วยรัก ผดุงวิเชียร นักออกแบบระดับโลกจาก Society of Illustration (2020, 2021) Los Angeles
– Good & Green Convenience Experience แลนด์มาร์กแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีแบบ Eco-living ด้วยบริการจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ไม่เพียงเท่านี้ ยังยกทัพโปรโมชั่นฉลองเปิดศูนย์ฯ และสิทธิประโยชน์อีกมากมาย มาให้กับลูกค้า ทั้งแบรนด์ดังลดสูงสุด 70%, รับฟรี บัตรชมภาพยนตร์จาก SF Cinema (1 ใบมูลค่า 220 บาท) เพียงช้อปครบ 500 บาท, สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก The 1 “ช้อป-ลุ้น-รับ” อาทิ ลุ้นรถจักรยานยนตร์พรีเมียมออโตเมติก Alpha Volantis, ทองคำหนัก 8 บาท และรางวัลอื่นๆ กว่า 100 รางวัล เมื่อช้อปครบ 2,000 บาท และรับคะแนนพิเศษ 3,500 คะแนน เมื่อช้อปเพียง 3,500 บาทขึ้นไป, Top spender 3 ท่านแรก รับฟรีที่พักหรู Silavadee Pool Spa Samui 3 วัน 2 คืน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมโปรโมชั่นจากร้านค้าชั้นนำทั่วศูนย์การค้า ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566
รวมทั้งโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟฉลองเปิดของโซนห้างเซ็นทรัลรามอินทรา วันที่ 20 มกราคม ถึง 5 กุมภาพันธ์ 2566 อาทิ สินค้าใหม่ลดสูงสุด 30%, ใช้คะแนนลดเพิ่มและรับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 30% จาก The1 และบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ รับฟรี! Digital Coupon หรือคูปองแทนเงินสด และเครดิตเงินคืนจากบัตรเครดิตเซ็นทรัล The1 รวมสูงสุด 15% พิเศษ! รับฟรีกระเป๋าผ้าเมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข
“รามอินทราเป็นหนึ่งในย่านที่มีศักยภาพของกรุงเทพฯ ซึ่งการรีโนเวทเซ็นทรัล รามอินทราครั้งนี้ เป็นการปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 30 ปี ซึ่งหน้าที่ของเราที่เป็น Place & Experience Maker ต้องรู้ใจลูกค้าในทุกย่าน ในย่านรามอินทราเองก็เช่นกัน
การรีโนเวทครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการปรับโฉม แต่เรายังได้คิดค้นวิธีการมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในย่านนี้ เพื่อสร้าง vibes ให้สนุกขึ้น แปลกใหม่ขึ้น เติมความครบวงจรมากขึ้น ผสานกับจุดเด่นของตัวศูนย์ฯ ที่เข้า-ออกง่าย และความสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า
คาดว่าหลังจากปรับโฉมใหม่ จะมี Traffic ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 17,000 คนต่อวัน เป็น 20,000 คนต่อวัน โดยเราเชื่อว่าเซ็นทรัล รามอินทราจะเป็น Destination ของผู้คนในย่านนี้ในทุกวัน” ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน สรุปทิ้งท้าย