เปิดเหตุผลภูเก็ตสู่การเป็นเมือง Luxury ระดับโลก ขนาด Central Phuket ยังต้องขยายพื้นที่เพิ่มแบรนด์หรู

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยรู้จักและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก หาดทรายสวย น้ำใส รายล้อมด้วยเกาะน้อยใหญ่ รวมถึงยังเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของไทย นั่นคือ “ภูเก็ต” หนึ่งในจังหวัดที่สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศไทยอันดับต้นๆ ของไทย ภูเก็ตยังเป็นจุดหมายปลายทางของผู้คนทั่วโลกที่ไม่ใช่แค่การมาเที่ยว แต่ยังมาช้อปสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกที่อาจเรียกได้ว่ามีครบทุกแบรนด์

 

เจาะความลับภูเก็ตทำไมนักท่องเที่ยวต้องมา

หนึ่งสิ่งที่ทำให้ภูเก็ตกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกเทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่าง ซานโตรินี ไมอามี่บีช ริเวียร่า ฮาวาย คือ บรรยากาศธรรมชาติที่เรียกว่าอยู่ในจุดที่เหมาะสม ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีเกาะน้อยใหญ่จำนวนมากรายล้อม ประกอบกับน้ำทะเลฝั่งอันดามันมีความสวยงามชนิดที่ไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวอย่างมัลดีฟส์ อีกทั้งความหลากหลายของอาหารที่ภูเก็ตก็มีมากมาย สาธารณูปโภคต่างๆ ก็มีความพร้อม รวมไปถึงแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมือง

นี่เป็นเพียงเหตุผลหลักที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้หลั่งไหลมาที่ภูเก็ต แต่ยังมีความพิเศษที่สามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับ Luxury ทั่วโลกให้เดินทางเข้ามาที่ภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่จอดเรือยอร์ชหรือที่เรียกว่า Lagoon ซึ่งกลุ่ม Luxury นิยมล่องเรือท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ เมื่อมีเรือยอร์ชก็ต้องมี Villla ระดับหลัก 100 ล้านบาท และต้องบอกว่าที่ภูเก็ตมี Villa Luxury จำนวนไม่น้อย รวมไปถึงสนามกอล์ฟที่นักกอล์ฟระดับโลกเป็นคนออกแบบ

นอกจากนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับ Luxury ส่วนใหญ่ยังนิยมพักอาศัยที่ภูเก็ตระยะยาว โรงพยาบาลระดับ Luxury อย่างกลุ่ม BDMS จึงมายึดหัวหาด พร้อมกับแผนการมาตั้งโรงพยาบาล Luxury อีกแห่งอย่าง รพ.บำรุงราญฎร์ เมื่อมีโรงพยาบาลก็ต้องมีโรงเรียนนานาชาติที่ทะยอยเปิดตัวกันมากขึ้น และเมื่อภูเก็ตเป็นแหล่งรวมของกลุ่มคนระดับ Luxury เหล่าสินค้าแบรนด์ Luxury จึงพร้อมใจกันมาปักหมุดที่ภูเก็ต

 

Central Phuket ปรับตัวรองรับ Luxury Brand ระดับโลก

แม้ว่า Luxury Brand จะนิยมเปิดช้อปแบบ Stand Alone แต่ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ของภูเก็ต ทำให้กลายเป็น Pain Point ใหญ่ของเหล่า Luxury Brand นั่นทำให้ Central Phuket ปรับตัวรับตลาด Luxury ที่เติบโตเพิ่มขึ้น ตอกย้ำการเป็น The World’s Luxury Magnitude ใจกลางเมืองชายทะเลระดับโลก พร้อมมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งระดับเวิลด์คลาสครบทุกมิติ

โดย ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการปรับตัวว่า ที่ผ่านมา Central Phuket เพื่อให้บริการมาตั้งแต่ปี 2004 พร้อมทั้งให้บริการ Central Phuket Foresta ในปี 2018 เพื่อรองรับ Luxury Lifestyle สอดคล้องกับการพัฒนาของเมือง และตอบรับแผนยุทธศาสตร์ภาครัฐที่ต้องการพัฒนาให้ภูเก็ตเป็น “Top Destination for Global Jetsetter” ดึงดูดกำลังซื้อสูงทั่วโลก

สำหรับ Central Phuket Foresta ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ภายใต้แผน Quantity to Quality Spending ซึ่งเป็นนโยบายที่ทั้งภาครัฐ-เอกชนจะร่วมกันทำให้ภูเก็ต ไม่มีช่วงโลว์ซีซัน เที่ยวได้-จับจ่ายได้ตลอดทั้งปี ปัจจุบันศูนย์การค้าเติบโตต่อเนื่องและมีทราฟฟิกดีกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 30%

 

บ้านหลังที่ 2 ของกลุ่มระดับ Luxury

ไม่เพียงแต่รองรับนักท่องเที่ยว แต่กลุ่ม Luxury ส่วนใหญ่มักจะเดินทางเข้ามาพำนักอาศัยระยะยาว ทั้งกลุ่มที่เข้ามาในรูปแบบ Retirement และกลุ่มที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ส่งผลให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้มีความต้องการใช้ชีวิตในรูปแบบ Luxury ที่ภูเก็ต นอกจากนี้กลุ่ม Luxxury ที่เป็นคนไทยยังมีแนวคิดที่ต้องมีบ้านอีกหลังอยู่ที่ภูเก็ต และผู้มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ในไทยจะมีบ้านที่ภูเก็ต

ด้าน คุณวิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฎิบัติการสาขาภูเก็ต บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ โดยในปี 2566 ภูเก็ตสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 3.8 แสนล้านบาท และในปี 2567 มีการตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวไว้ที่ 4.5 แสนล้านบาท

คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตกว่า 12 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มรัสเซียและกลุ่มอินเดีย ซึ่งคิดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ ส่งผลให้ภูเก็ตกลายเป็น “บ้านหลังที่สอง” ของเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ (Asia’s Richest Beach Residential) ส่งผลให้มีโครงสร้างพื้นฐานระดับ Luxury เกิดขึ้นอย่างมากมาย รวมถึง Central Phuket เป็นการส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายมิติ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก

 

แหล่งรวมความหรูหราระดับโลก  

เพื่อให้ Central Phuket เป็นหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับ Luxury ทั่วโลก จึงมีการรวบรวมแบรนด์ Luxury ระดับโลกนอกเหนือจาก กทม. มากถึง 14 แบรนด์หรูชั้น อาทิ BALENCIAGA, BOTTEGA VENETA, BURBERRY, CHRISTIAN LOUBOUTIN, DIOR, GUCCI, HERMÈS, LOUIS VUITTON, OMEGA, PMT THE HOUR GLASS, SAINT LAURENT, VERSACE และ ZEGNA รวมถึง PRADA

โดยหลายแบรนด์ประสบความสำเร็จมียอดขายติดอันดับสูงสุดที่ Central Phuket และในบางสินค้าสามารถทำยอดขายติดอันดับเป็น Top Rank ของโลก และเพื่อเพิ่มความหรูหราให้มากขึ้น Central Phuket เตรียมขยายพื้นที่ร้าน Luxury ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จากปัจจุบันมีพื้นที่ 2,000 ตร.ม. เพิ่มเป็น 8,000 ตร.ม. ในปี 2026 หรือขยายเพิ่มขึ้น 4 เท่า ทำให้โซนชั้น 1 ทั้งหมดจะเป็น Luxury Zone นอกจากนี้ยังได้รวบรวม Exclusive Item ที่จะมีแค่ในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับโลกอย่าง ซานโตรินี ไมอามี่บีช ริเวียร่า ฮาวาย ซิดนีย์ ดูไบ ฮ่องกง

จากฐานข้อมูล The1 ชี้ให้เห็นว่า ยอดใช้จ่ายต่อคนที่ Central Phuket สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของศูนย์การค้า Central ทั่วประเทศ โดยกลุ่มลูกค้า Luxury มีการใช้จ่ายสูงกว่าสาขาอื่นๆ ถึง 45% ปัจจุบันมูลค่าตลาด Luxury อยู่ที่ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท โดยขยายตัวถึง 5.62% คาดว่าในปี 2028 ตลาด Luxury ที่ภูเก็ตจะสามารถแซงหน้าตลาดสิงคโปร์ได้

 

ประสบการณ์สุดพิเศษเฉพาะ Luxury

นอกจากความหลากหลายของสินค้า Luxury ระดับโลก Central Phuket ยังส่งมอบประสบการณ์ระดับไฮเอนด์เฉพาะกลุ่มลูกค้า VVIP อาทิ Club ที่มี Luxury Services สำหรับ VVIP ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกระดับ Tycoon & Millionaire กว่า 2,300 คน ที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ Butler แห่งแรกในไทย, บริการ Luxe Limo Service เป็นต้น

รวมไปถึง Excusive Dining ที่ Su Va Na Restaurant บริเวณ Aquaria Phuket สามาถรถเพลิดเพลินและดื่มด่ำไปกับอาหารเลิศรสจากเชฟชื่อดังอย่าง “Chef Atanu” ทีมเชฟที่รังสรรค์เมนูรสชาติสุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร Fine Dining จากวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ท่ามกลางบรรยากาศใต้น้ำแห่งเดียวในไทยที่เพิ่งได้รางวัล TOP25 Restaurants Awards Phuket 2023 และยังได้รับเสนอชื่อเข้าชิงเป็น Top 3 ร้านอาหารใต้น้ำที่ดีที่สุดแข่งขันกับ ดูไบ กับ นอร์เวย์

หรือบริการจากร้าน Thai Brasserie By Blue Elephant ที่ได้รับการออกแบบร่วมสมัย และมีชีวิตชีวาพร้อมกับอาหารไทยที่สร้างสรรค์ โดยเชฟชื่อดังภายใต้การดูแลของเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ มาสเตอร์เชฟของบลู เอเลเฟ่นท์, Starbucks Reserve ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต รวมไปถึง Arabica และ Haidilao สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ

พร้อมด้วย Aquaria Phuket อควาเรียมล้ำสมัยที่ดีที่สุดในภูเก็ตและเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รายล้อมไปด้วยสัตว์ทะเลกว่า 25,000 ตัว และการออกแบบที่ผสมผสานเรื่องราวของวรรณคดีและงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ภายในศูนย์การค้า รวมถึงการจำลองประติมากรรมจากเรื่องรามเกียรติ์ นำเสนอการต่อสู้ระหว่างพระรามและทศกัณฐ์ ที่มีขนาดใหญ่ถึง 2 ชั้น นอกจากนี้ยังได้รวมแบรนด์ Lifestyle เช่น COACH, KENZO, MICHAEL KORS เป็นต้น

 

แหล่งรวมกิจกรรมระดับโลกตลอดปี

ไม่เพียงแต่สินค้า Luxury หรือประสบการณ์สุด Exclusive แล้ว ที่ Central Phuket ยังเตรียมสร้างสรรค์อีเวนต์และเทศกาลระดับโลกจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น เทศกาลสงกรานต์, Pride Month, Countdown และยังรวมไปถึง Art exhibition ที่รวบรวมศิลปินแถวหน้าจากทั่วโลก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเพิ่มสีสันทุกเดือน ให้ภูเก็ตเป็น Art Destination Landmarks

สอดรับการนโยบายในการให้ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี ไม่มีซีซั่น ช่วยตอบโจทย์ภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายด้าน อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย

ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีการลงทุนในภูเก็ตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ประกอบด้วย 4 ศูนย์การค้า, 5 ห้างสรรพสินค้า, 7 โรงแรม, 3 คอนโดมิเนียม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม อาทิ  ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี โฮม, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, Tops Food Hall, Tops Market, Tops Daily, Tops Vita เป็นต้น และเซ็นทรัลพัฒนามีศูนย์การค้าในภาคใต้ รวมทั้งหมด 5 แห่ง คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สมุย, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่

ทั้งหมดนี้คือการเพิ่มศักยภาพและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาภูเก็ตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่สำคัญในอนาคตจะกลายเป็นศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งระดับโลกในภูมิภาคแทน ฮ่องกงและสิงคโปร์


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา