นับตั้งแต่เซ็นทรัล เปิด “ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม” ในปี 1974 ถือเป็นห้างฯ Flagship Store ของกลุ่มเซ็นทรัลมาถึงทุกวันนี้ เนื่องจากอยู่ทำเลใจกลางเมือง และวาง Positioning ห้างฯ อย่างชัดเจนที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนถึงกลาง ครอบคลุมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรัลชิดลมได้รีโนเวทมาโดยตลอด แต่ครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นการรีโนเวทครั้งใหญ่สุดในรอบ 5 ทศวรรษนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา เพื่อพลิกโฉมและยกระดับเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี
ตามมาดูโฉมใหม่ “เซ็นทรัลชิดลม” ที่ต้องการปักหมุดเป็น Destination ของกรุงเทพฯ ในด้านความงาม แฟชั่น และลักชูรี และค้นคำตอบว่าทำไมห้างเซ็นทรัล ถึงต้องทุ่มงบรีโนเวทถึง 4,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นงบปรับปรุงห้างเซ็นทรัลชิดลมมากที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา 50 ปี
เจาะลึก “เซ็นทรัลชิดลม” โฉมใหม่
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลงทุน 4,000 ล้านบาทในการพลิกโฉม “ห้างเซ็นทรัลชิดลม” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Store of Bangkok” เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลักชูรี ที่สร้างประสบการณ์ One-Stop Shopping และนี่คือ 5 เรื่องน่ารู้ของเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่
1. ยกระดับเซ็นทรัลชิดลมสู่การเป็น “ห้างสรรพสินค้าลักชัวรี” เทียบชั้นห้างสรรพสินค้าหรูชั้นนำในยุโรปที่อยู่ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล
ภายใต้นิยามใหม่ “The Store of Bangkok” สะท้อนมาจากวิสัยทัศน์ของกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในการเป็น “แรงบันดาลใจในทุกช่วงเวลาของชีวิต” (The Store of Endless Inspiration for Every Moment of Your Life)
จากที่ผ่านมาห้างเซ็นทรัลชิดลม วางตำแหน่งเป็นห้างฯ ระดับพรีเมียม แต่การพลิกโฉมครั้งนี้มุ่งสู่การเป็นห้างลักชูรี ยกระดับเทียบกับห้างสรรพสินค้าหรูชั้นนำในยุโรปที่กลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้อกิจการ เช่น
– รีนาเชนเต (Rinascente) ในโรม และมิลาน ประเทศอิตาลี
– เซลฟริดเจส (Selfridges) ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
– คาเดเว (KaDeWe) ในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
– โกลบุส (Globus) สวิสเซอร์แลนด์
– อิลลุม (Illum) ในโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
– บราวน์ โทมัส (Brown Thomas) ในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
– ดี แบนคอร์ฟ (De Bijenkorf) ในอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
2. ออกแบบภายในและงานสถาปัตยกรรมใหม่ โดยบริษัทสถาปนิก ทั้งของไทย อังกฤษ อเมริกา และญี่ปุ่น
ได้ขยายพื้นที่ส่วนกลางของห้างให้กว้างขวาง โอ่อ่าขึ้น เพื่อมอบบรรยากาศหรูหราและผ่อนคลาย ขณะเดียวกันได้ออกแบบ Façade ด้านนอกอาคาร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของห้างเซ็นทรัลชิดลมให้มีความทันสมัยมากขึ้น เลือกใช้กระจกสีขาวขุ่น ซึ่งสามารถเรืองแสง และเปลี่ยนสีได้ในเวลากลางคืน โดยห้างเซ็นทรัลชิดลมจะเป็นห้างสรรพสินค้าที่สว่าง สดใส มีชีวิตชีวา และเป็น Iconic landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร
3. เปิดตัว Identity ใหม่ “โลโก้ – ฟอนต์ – สี Rose Pink” สำหรับเซ็นทรัลชิดลมโดยเฉพาะ
นอกจากออกแบบภายนอกและภายในห้างฯ ใหม่แล้ว การปรับโฉมครั้งนี้ยังได้เปิดตัว Identify ใหม่ที่ออกแบบสำหรับห้างเซ็นทรัลชิดลมโดยเฉพาะ ทั้งโลโก้ (ตราสัญลักษณ์), ฟอนต์ (ตัวอักษร) โดยได้แรงบันดาลใจจากดีไซน์ใหม่ของห้างเซ็นทรัลชิดลม และพิเศษสุดกับการออกแบบสีใหม่ “Central Chidlom Rose Pink” หรือสีชมพูเซ็นทรัลชิดลมที่ได้แรงบันดาลใจจากดอกไม้ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์อีเว้นท์ของห้าง โดยสีใหม่นี้จะใช้เฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมสาขาเดียวเท่านั้น
โดยเซ็นทรัลชิดลมมองว่าภาพลักษณ์ใหม่นี้จะให้ความรู้สึกสดใหม่ เปี่ยมด้วยพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นมิตร และสร้างความแตกต่างและโดดเด่นให้กับห้างเซ็นทรัลชิดลมจากห้างเซ็นทรัลสาขาอื่นๆ
4. เพิ่มทางเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้า (Sky Bridge) ที่ชั้น 1 ซึ่งเชื่อมเข้าสู่ชั้นลักชัวรีโดยตรง พร้อมขยายทางเชื่อมรถไฟฟ้าเดิมที่ชั้น 2 เพื่อให้ลูกค้าเดินทางเข้าสู่ห้างเซ็นทรัลชิดลมได้สะดวกสบายมากขึ้น
5. ปักหมุดการเป็น Destination ด้านบิวตี้, แฟชั่น และลักชูรี
รวบรวมหลายแบรนด์ไว้ในที่เดียว เพราะด้วยความที่เซ็นทรัลชิดลม เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดพื้นที่ 60,000 ตารางเมตร ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป ดังนั้นจึงต้องคัดสรรแบรนด์สินค้า พร้อมจัดหมวดหมู่สินค้า ประกอบด้วย
– World of Luxury
- Luxe Galerie ที่อัดแน่นด้วยบูทีคของแบรนด์ชั้นสูงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Balenciaga, Bottega Veneta, Burberry, Celine, Chanel, Dolce & Gabbana, Emilio Pucci, Fendi, Gucci, Kenzo, Loewe, Louis Vuitton, Missoni, Miu Miu, Prada, Roger Vivier, Saint Laurent และ Versace พร้อมด้วย
- Shoes Avenue พื้นที่สำหรับคอลเลกชันรองเท้าแบรนด์หรูที่สามารถเลือก และลองรองเท้าจากแบรนด์ลักชัวรี ได้หลากหลายแบรนด์ ครบทุกสไตล์ในพื้นที่เดียว เช่น Bottega Veneta, Burberry, Christian Louboutin, Coperni, Cult Gaia, Dolce & Gabbana, GCDS, Gucci, Isabel Marant, Jimmy Choo, Marni, Prada, Proenza Schouler, Roger Vivier, Sergio Rossi, Sophia Webster, Tod’s, Tom Ford, Tory Burch, และ Vivienne Westwood โดยจะมีแบรนด์ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Giuseppe Zanotti, Mach & Mach, Rene Caovilla, The Attico เป็นต้น
– World of Beauty: Beauty Galerie (บิวตี้ แกลเลอรี) บนพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร แบรนด์ความงามระดับโลกกว่า 150 แบรนด์ พร้อมด้วยบูทีคจากบิวตี้แบรนด์ระดับโลก อาทิ Chanel, Dior, La Mer และ Gucci ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์พิเศษ และมีแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม เช่น Augustinus Bader และ Officine Universelle Buly นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ความงามออร์แกนิก รวมถึงผลิตภัณฑ์ความงามเฉพาะกลุ่ม (Niche Beauty) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกชมและเลือกช้อปผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการ
– World of Youth: เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Gen Y และ Gen Z โดยสร้าง Destination ที่รวบรวมสินค้าแฟชั่นและสตรีทแฟชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกและแห่งเดียวที่มี Sneaker Boulevard พื้นที่รวมรองเท้าสนีกเกอร์กว่า 800 คู่ ทั้งคอลเลคชันล่าสุด รุ่นพิเศษ รุ่นหายากจากหลากหลายแบรนด์ดังเพื่อคนรักสนีกเกอร์โดยเฉพาะ
6. เพิ่มร้านอาหารเป็น 60 ร้าน เพื่อเป็น Curated Food Destination
คัดสรรร้านอาหารและคาเฟ่ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์และทุกเจเนอเรชัน โดยมีร้านอาหารและคาเฟ่มากขึ้น จากเดิม 20 กว่าร้าน เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 60 ร้าน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ไม่ได้ต้องการมาห้างเพื่อช้อปปิ้งเท่านั้น แต่มา Hang-out ใช้เวลาร่วมกับคนที่รัก ทำให้ห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง และเป็นเดสติเนชันที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น
7. กลุ่มลูกค้าหลักของห้างเซ็นทรัล ชิดลมแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ
– กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อตั้งแต่กลางถึงสูง ชื่นชอบสินค้าที่มีความเฉพาะและผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี
– กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและพลังในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ชื่นชอบในแฟชั่น ผลงานศิลปะ และการใช้นวัตกรรมสมัยใหม่
– กลุ่มนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย
8. เปิดตัว CENFINITY
เพื่อยกระดับ Loyalty Program สำหรับ Top Customers ของห้างเซ็นทรัล ห้างโรบินสัน และเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และเป็นกลุ่ม Top Customers ของสมาชิกเดอะวัน (The1) ได้เปิดตัว CENFINITY ประกอบด้วย Gold, Platinum, Diamond โดยออกแบบให้เป็นโปรแกรมที่มีความเฉพาะเจาะจงและเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และตรงใจลูกค้าคนสำคัญของห้างฯ มากที่สุด
9. เผยโฉมภาพลักษณ์ใหม่ของห้างเซ็นทรัลชิดลมเต็มรูปแบบในปีนี้
– โซนลักชัวรี บิวตี้และแฟชั่นในเดือนเมษายนนี้
– เตรียมพบกับห้างเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่เต็มรูปแบบในเดือนธันวาคมของปีนี้
10. ตั้งเป้าลูกค้าเพิ่มขึ้น
เซ็นทรัลชิดลมตั้งเป้าว่าในปี 2025 หลังจากที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว จะมีจำนวนทราฟฟิกของลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 20% และมียอดขายเติบโตขึ้น 30% พร้อมคาดหวังว่า Customer Love จะได้ 100%
วิเคราะห์ทำไมห้างเซ็นทรัลชิดลมต้องปรับโฉมครั้งใหญ่ ?
ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมาของการเปิดให้บริการ “ห้างเซ็นทรัลชิดลม” ได้มีการปรับปรุงอยู่เป็นระยะๆ มาโดยตลอด เพื่อพัฒนาให้ห้างฯ ทันกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมผู้บริโภค แต่สำหรับครั้งล่าสุดนี้ เหตุผลหลักที่ห้างเซ็นทรัลตัดสินใจทุ่มงบมากถึง 4,000 ล้านบาทในการปรับโฉมเซ็นทรัลชิดลมครั้งใหญ่ในรอบ 5 ทศวรรษ จนเรียกได้ว่ายกเครื่องใหม่ทั้งหมด นั่นเพราะ
1. ปรับตัวรับการแข่งขันสูงขึ้นของย่านการค้า–ย่านช้อปปิ้งใจกลางเมือง
แม้ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรัลชิดลมเป็นห้างฯ อันดับ 1 ของกลุ่มเซ็นทรัลมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานลูกค้าประจำเหนียวแน่น และมีความได้เปรียบด้าน “โลเคชัน” แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในทำเลย่านธุรกิจการค้าและช้อปปิ้งใจกลางเมือง ตั้งแต่ย่านสีลม-พระราม 4 ย่านสยามสแควร์ ราชประสงค์ ไปจนถึงเส้นสุขุมวิท นับวันจะยิ่งทวีการแข่งขันดุเดือดขึ้นเช่นกัน
เพราะมีทั้งศูนย์การค้า และโครงการ Mixed-use Development ทั้งโครงการเปิดให้บริการอยู่แล้ว โดยต่างปรับปรุงให้เข้ากับลูกค้าและสภาวะแวดล้อมการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกันก็เกิดโครงการใหม่ขนาดใหญ่ อย่างย่านสุขุมวิท เกิดศูนย์การค้าใหม่ EMSPHERE จิ๊กซอว์สำคัญต่อภาพการสร้างย่าน EM DISTRICT ของกลุ่มเดอะมอลล์ หรือย่านสีลม-พระราม 4 จะมีทั้งโครงการ Dusit Central Park และ One Bangkok
เพราะฉะนั้นในฐานะห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองมายาวนาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อรักษาฐานลูกค้าประจำ ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ ทั้งลูกค้าไทย และลูกค้าต่างประเทศในกลุ่มนักท่องเที่ยวและคนต่างชาติที่อยู่อาศัยในไทย เช่น กลุ่ม Expat
2. ขยายฐานลูกค้า “Gen Y – Gen Z” และนำแบรนด์ห้างเซ็นทรัลเข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่
อีกหนึ่งปัจจัยหลักของการปรับโฉมเซ็นทรัลชิดลมใหม่ คือ นอกจากรักษาฐานลูกค้าเดิมแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าไทยที่มีกำลังซื้อระดับกลางถึงสูง โดยเฉลี่ยมียอดใช้จ่าย 250,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งเซ็นทรัลชิดลมต้องการโฟกัสลูกค้ากลุ่มนี้ต่อเนื่อง จึงได้ยกระดับเป็นห้างลักชูรี ขณะเดียวกันก็ต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่ไปยังกลุ่ม “Gen Y” และ “Gen Z” ด้วยเช่นกัน
จึงได้ออกแบบห้างฯ ให้มีสีสันสดใส ทันสมัย รวมทั้งเปิดโซน World of Youth เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบสตรีทแฟชั่น สนีกเกอร์ สปอร์ตแฟชั่น และเพิ่มจำนวนร้านอาหารจากกว่า 20 ร้าน เป็น 60 ร้าน
โดยคาดว่าเมื่อเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว จะมีลูกค้ากลุ่ม Gen Y และ Gen Z โตขึ้น 30% จากเดิมสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ 20%
3. รับเทรนด์การเติบโตตลาด Luxury และลูกค้าต่างชาติ
เพื่อตอบโจทย์ต้องการ Luxury Brand ในประเทศ เพราะนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่ผู้คนไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ คนไทยหันมาซื้อ Luxury Brand จากช้อปในประเทศแทน ส่งผลเชิงบวกต่อตลาดสินค้า Luxury ในไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระดับ double digit มาจนถึงทุกวันนี้
ประกอบกับบรรดาแบรนด์หรู เน้นสร้าง Customer Loyalty ผ่านการให้บริการของพนักงาน เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปที่ดี ทำให้ลูกค้ารู้สึกติดใจในบริการจากพนักงานและช้อปแบรนด์หรูในไทย อีกทั้งการซื้อจากช้อปในไทยเอง ตอบโจทย์ความสะดวก และความเร็วในการซื้อสินค้าใหม่ โดยไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อ Luxury Market ในไทยเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ Luxury Brand เห็นศักยภาพของตลาดไทย
จากแนวโน้มการเติบโตของตลาด Luxury ดังกล่าว ทำให้เซ็นทรัลชิดลมจากเดิมที่มีแต่ Premium Brand ไม่มี Luxury Brand มาก่อน เมื่อปรับสู่การเป็นห้างหรู ก็ได้เพิ่มพื้นที่สำหรับ Luxury Brand ระดับโลก ทั้งในโซน World of Luxury และในโซน World of Beauty ก็มีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องสำอาง Luxury มาให้ลูกค้าได้เลือกช้อป
อย่างไรก็ตามการนำเสนอ Luxury Brand ของห้างเซ็นทรัลชิดลมจะมีประสบการณ์ช้อปและบรรยากาศที่แตกต่างจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เนื่องจากด้วยความที่เซ็นทรัลชิดลมเป็น “ห้างสรรพสินค้า” (Department Store) การจัด layout จึงเป็น Open Environment ที่เปิดโล่ง มีหลากหลายแบรนด์อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าหลากหลายแบรนด์ได้ภายในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากเซ็นทรัล เอ็มบาสซีเป็นศูนย์การค้าให้แบรนด์เป็นผู้เช่าเปิด Brand Shop ของแบรนด์โดยเฉพาะ
ขณะเดียวกันการปรับโฉมล่าสุดนี้ นอกจากตอบโจทย์ลูกค้าไทยแล้ว ยังเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันมีการเดินทางเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ มากขึ้น และชาวต่างชาติที่ทำงานและอยู่อาศัยในเมืองไทย (Expat)
“ห้างเซ็นทรัลชิดลม มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เพราะเป็นห้างแฟลกชิปของเรามาตั้งแต่ปี 2517 โดยไม่เพียงมีทำเลเชิงกลยุทธ์ใจกลางเมืองที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นห้างสรรพสินค้าในรูปแบบ “One-Stop-Shopping” แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีพัฒนาการผ่านยุคสมัยและอยู่คู่กับลูกค้าและวงการค้าปลีกไทยมากว่า 5 ทศวรรษ
วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม จะก้าวขึ้นสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรีด้วยการออกแบบและรังสรรค์พื้นที่ที่มุ่งมอบประสบการณ์ใหม่ แบรนด์และสินค้าที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน การบริการที่ได้รับการยกระดับสู่ระดับเวิลด์คลาส วันนี้เราไม่ได้มองห้างเซ็นทรัลชิดลม ในฐานะห้างสรรพสินค้าเท่านั้น แต่ที่นี่คือ The Store of Bangkok เดสติเนชั่นของการช้อปปิ้งของกรุงเทพฯ ในใจลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ” คุณณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล สรุปทิ้งท้าย
