โลกในปัจจุบันนี้ทุกอย่างมาไวไปไว เมื่อมีอะไรใหม่ๆ เข้ามา ของเก่าก็จะถูกดันออกไปอย่างปฎิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะ “ธุรกิจแฟชั่น” ที่ต้องนำหน้าตลอดเวลา ล่าสุด Abercrombie & Fitch แบรนด์แฟชั่นชื่อดังในสหรัฐฯ รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการออกแบบเสื้อผ้า รวมถึงทิศทางการทำตลาด โดยเน้นความเซ็กซี่ให้น้อยลง เพื่อให้สอดคล้องกับความชอบของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่ม Millennials และกลุ่ม Gen Z นั่นเอง
ที่ผ่านมา Abercrombie & Fitch จะใช้ภาพโฆษณาที่ค่อนข้างเซ็กซี่ ทั้งในแคตตาล็อก และบนถุงช้อปปิ้ง รวมถึงยังเคยให้พนักงานชายหนุ่มถอดเสื้อโชว์กล้ามท้อง ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าในสาขานิวยอร์ก ลองคิดดูว่าถ้าเด็กอายุ 13 หรือต่ำกว่านั้น เดินเข้าร้านจะรู้สึกอย่างไร
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ Abercrombie & Fitch ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ ที่มี Neelam Gill นางแบบสาวสวยเป็นพรีเซ็นเตอร์ในคอนเซ็ปต์คุณภาพ และสไตล์เสื้อผ้าเรียบง่าย ที่สำคัญยังลดความเซ็กซี่ลง เพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ส่งผลให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นได้มากขึ้น
ทั้งนี้ Abercrombie & Fitch ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่ใช้ความเซ็กซี่เป็นเครื่องหมายการค้า American Apparel ก็เป็นอีกแบรนด์ที่เปลี่ยนแนวทางการทำตลาด ตอนนี้ถ้าคุณมีได้เข้าไปเยี่ยมชมของ Instagram ของ American Apparel ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ จากเดิมที่เคยโพสต์ภาพเซ็กซี่ ก็จะเริ่มโพสต์ภาพเสื้อผ้าสไตล์มินิมอลมากขึ้น เน้นความเรียบง่าย แสดงให้เห็นว่าความชอบ และทัศนคติของกลุ่มเป้าหมายได้เปลี่ยนไปแล้ว
Ruth Bernstein หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัท YARD กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คือ กลุ่ม Millennials และกลุ่ม Gen Z ซึ่งไม่ค่อยสนใจเรื่องความเซ็กซี่ หรือเรื่องเซ็กส์มากนัก แต่จะตอบสนองต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคม ความเป็นอยู่ในปัจจุบัน และการแสดงจุดยืนของตัวเอง ซึ่งไม่มีใครบังคับพวกเขาได้ จากแบรนด์แฟชั่นที่เคยเป็นผู้นำเสนอเทรนด์ ก็ต้องปรับแนวทางการออกแบบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และความชอบของกลุ่มเป้าหมายแทน
วันนี้โลกเรากำลังถึงจุดอิ่มตัวกับการตลาดแบบเซ็กซี่ ที่เน้นเรื่องเพศแล้ว ผู้บริโภคกำลังมองหาความงามแบบธรรมชาติ กุญแจสำคัญคือ แบรนด์ต้องนำเสนอในสิ่งที่มากกว่าการดึงดูดทางเพศ ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าการทำตลาดแบบเน้นความเซ็กซี่จะไม่ได้ผล แบรนด์ต้องหาคำตอบให้ได้ว่า ผู้บริโภคชอบความเช็กซี่แบบไหน แบบอล่างฉ่าง หรือแบบลึกลับน่าค้นหา โดยยังคงไว้ซึ่งตัวตนของแบรนด์ให้ได้
Source : Business Insider